การนอนหลับให้มีประสิทธิภาพ ก่อนวันหวยออก
การนอนนับเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเองของร่างกายจากการทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ
เช่น การทำงาน การเดินทางไกล โดยการนอนนั้นใช้เวลา1 ใน3ของแต่ล่ะวัน ดังนั้นเรามาดูว่าปัจจัยที่มีผลต่อการนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพประกอบด้วยอะไรบ้าง
1.ท่าการนอนที่ดีที่สุดคือการนอนที่กระดูกสันหลังตั้งแต่สะโพกไปจนถึงศีรษะอยู่ในท่าที่เหมาะสมซึ่งความเหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับสรีระและภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคลด้วย การจะเลือกท่านอนที่เหมาะสมแต่ล่ะคนขึ้นอยู่กับว่าเมื่อนอนแล้วหลับสบายทั้งคืน ตื่นมาไม่รู้สึกปวดเมื่อยอ่อนเพลียก็เพียงพอแล้วซึ่งท่านอนมีหลักๆทั้งหมด3ท่าได้แก่
1.1 ท่านอนตะแคง นับเป็นท่านอนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีข้อดีคือเป็นท่านอนที่เหมาะสมกับโครงสร้างสรีระของกระดูกสันหลัง ลดอาการปวดหลัง ลดการเกิดกรดไหลย้อน และเหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์
1.2ท่านอนหงาย เป็นท่านอนที่โครงสร้างของกระดูกสันหลังอยู่ในสภาวะที่สมดุลที่สุดน้ำหนักตัวช่วยลดอาการ ปวดหลัง ปวดต้นคอและหัวเข่า ทำให้ระบบทางเดินหายใจโล่งขึ้นเหมาะสำหรับคนที่มีอาการภูมิแพ้อากาศ แต่ท่านอนหงายไม่เหมาะกับคนที่มีอาการนอนกรนขณะหลับจะทำให้มีอาการแย่ลงได้ รวมถึงคนที่มีภาวะกรดไหลย้อนไม่ควรนอนท่านี้เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้มีอาการกำเริบได้ง่าย สำหรับหญิงตั้งครรภ์นั้นการนอนหงายขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ ถ้าอายุครรภ์มากขึ้นจะเสี่ยงให้ระบบการไหลเวียนเลือดได้ไม่ดีเท่าที่ควร
1.3 ท่านอนคว่ำ การนอนคว่ำนั้นพบได้น้อยในภาวะร่างกายปกติ แต่จะพบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น ช่วงโควิด 19 ที่มีการระบาดทั่วโลกที่ผ่านมา พบว่าทางการแพทย์แนะนำให้นอนคว่ำบนหมอน1ใบเพื่อช่วยให้ปอดขยายตัวได้ดีขึ้น
และช่วยสำหรับคนนอนกรน แต่ต้องใช้แรงในการหายใจมากขึ้น ท่านอนคว่ำไม่เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์
2.ระยะเวลาที่ใช้ในการนอนหลับโดยทั่วไปแล้วขึ้นอยู่กับวัย เด็กควรนอนหลับวันล่ะ 11-13 ชั่วโมง ขณะที่ผู้ใหญ่ควรนอนวันล่ะ 7-8 ชั่วโมง
3.ปัญหาด้านสุขภาพมีความเกี่ยวข้องกับการนอนหลับเช่นผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับๆตื่นๆเมื่อมาตรวจสุขภาพก็มักจะพบว่ามีโรคต่างๆเกี่ยวข้องด้วยเช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคเบาหวาน และโรคหลอดเลือดสมอง นับว่าการนอนหลับๆตื่นๆเป็นภัยเงียบเพื่อเตือนให้รู้ว่าร่างกายกำลังมีภัยอันตรายเข้ามา
4.ระดับของการหลับ เราแบ่งวงจรการหลับได้ 3 ระยะดังนี้คือ
4.1 หลับตื้นเป็นการหลับที่ยังไม่เกิดการฝันเป็นช่วงแรกของการนอนใช้เวลาประมาณไม่เกิน 7 นาที
4.2 หลับลึกเป็นการนอนหลับที่เกิดขึ้นช่วง 30-60นาทีของการนอนส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายลดลง ความดันโลหิตลดลง หัวใจเต้นช้าลงอยู่ที่ระดับ 60 ครั้งต่อนาที จะเห็นได้ว่าเด็กวัยเจริญเติบโตนั้นโกรทฮอร์โมนจะหลั่งออกมาในวงจรการหลับลึกนั่นเอง ซึ่งจะส่งผลให้เด็กที่นอนหลับลึกโตเร็วกว่าเด็กที่นอนหลับๆตื่นนั้นเอง
4.3 หลับฝัน นับว่าเป็นช่วงการนอนหลับที่สำคัญกล่าวคือร่างกายได้พักผ่อนแต่สมองยังตื่นตัวอยู่ ซึ่งการหลับฝันช่วยในเรื่องการจัดระบบของความจำในเรื่องของทักษะต่างๆ ดังนั้นปัจจัยที่จะส่งเสริมให้นอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพต่อร่างกาย ช่วยให้ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีอายุยืนยาวนั้นนอกจากท่านอนที่สบาย ชั่วโมงการนอนหลับที่เพียงพอแล้ว ยังต้องมีความเกี่ยวข้องกับวงจรการนอนหลับอีกด้วย
ดังนั้นคอหวยทั้งหลายห้ามพลาดถ้าอยากได้เลขเด็ดก่อนวันหวยออกต้องเข้าใจระดับการนอนหลับทั้ง3ระดับถึงจะฝันได้เลขเด็ดคืนก่อนวันหวยออกค่ะ
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคน รวยๆ เฮงๆในวันหวยออกกันทุกคนค่ะ ถ้าชอบบทความนี้กรุณาช่วยกดไลค์และกดแชร์เพื่อจะได้เขียนบทความออกแบบรัวๆน่ะค่ะ
