การรับมือกับปัญหาวัยเด็กตอนปลายติดเกมส์
จากสถานการณ์การระบาดของโควิด19 ในรอบเกือบ3ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยี่และการสื่อสารมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งฮาร์ทแวร์และซอฟต์แวร์ประกอบกับเด็กเรียนออนไลน์อยู่กับคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต มือถือวันล่ะ4-5ชั่วโมง โดยที่ผู้ปกครองควบคุมดูแลไม่ทั่วถึง เด็กจึงมีโอกาสการเข้าถึงแอปพลิเคชันเกมต่างๆได้ง่ายขึ้น สร้างความเคยชินในการใช้อุปกรณ์ต่างๆแต่เมื่อสถานการณ์การระบาดของโควิด19คีขึ้น เด็กๆได้ติดพฤติกรรมการใช้เครื่องมือสื่อสารและการเล่นเกมไปแล้วจึงเรียกร้องที่จะใช้เหมือนเดิม เด็กบางคนถึงกับร้องขอให้ผู้ปกครองซื้อเครื่องมือสื่อสารให้ไว้ใช้เป็นของตนเองโดยการอ้างว่าเพื่อนทุกคนมีเป็นของตัวเอง
เบื้องต้นเรามาทำความเข้าใจบริบทของเกมกันก่อน
เกม คือ กิจกรรมที่มนุษย์นิยมเล่น โดยผู้เล่นจะต้องทำตามกติกาในการเล่นเสมอ ส่วนใหญ่แล้วจะเล่นเพื่อความบันเทิง ผ่อนคลายความเครียด สร้างมิตรภาพในกลุ่มผู้เล่น
ประเภทของเกมในปี2021
1.Role Playing คือเกมเล่นตามบทบาท นับเป็นเกมออนไลน์ที่คนนิยมเล่นเป็นจำนวนมาก โดยผู้เล่นสวมบทบาทเป็นตัวละครในเกมส์นั้นๆ จึงทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวเองได้เป็นตัวละครในเกมนั้นจริงๆ
2.เกมยิงปืน(Shooting) ผู้เล่นใช้อาวุธโจมตีศัตรู สร้างความตื่นเต้นและตื่นตัวให้กับผู้เล่นตลอดเวลา
3.เกมต่อสู้(Fighting) เป็นเกมที่มีลักษณะเอาตัวละครสองตัวมาต่อสู้กันในระยะประชิดตัว ซึ่งตัวละครจะมีพลังแตกต่างกัน
4.เกมผจญภัย(Adventure)เป็นการสวมบทบาทเป็นตัวละครในการเดินทางผจญภัยทำภารกิจให้สำเร็จ ส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นคนเดียว
5.เกมวางแผน(Strategy)เป็นเกมที่เล่นร่วมกันได้ทีละหลายๆคน โดยมีการวางแผนการรบ สร้างกองทัพ ยึดพื้นที่สร้างเมืองเพื่อเอาชีวิตรอด
6.เกมเลียนแบบหรือการจำลอง(Simulation Game) เช่นเกมปลูกผัก เกมแต่งตัว
7.เกมปริศนา(Puzzle Game) เป็นการใช้ทักษะการคิดแก้ไขปัญหาแบ่งระดับยากง่าย ท้าทายผู้เล่นมาก มีทั้งปริศนาคณิตศาสตร์ ตรรกศาสตร์ ปริศนาภาพ เน้นการฝึกพัฒนาสมอง ใช้ความคิดต่างๆไปในตัว
8.เกมกีฬา(Sport Game) เป็นการจำลองเสมือนจริงในการเล่นและแข่งขันกีฬา เล่นเป็นทีมกับเพื่อนได้
เมื่อเข้าใจบริบทของเกมส์แล้วต่อไปเป็นการประเมินระดับของการติดเกมของวัยเด็กตอนปลาย
ผู้ปกครองต้องช่างสังเกตุ ตรวจสอบในเครื่องมือสื่อสารว่ามีแอปพลิเคชันเกมแบบใหนบ้าง เพื่อจะ ประเมินว่าลูกเล่นเกมแบบใหน ตามชนิดของเกมที่กล่าวมาข้างต้น
อาการของวัยเด็กตอนปลายติดเกมที่ผู้ปกครองต้องรู้
1.เมื่อมีเวลาว่างคือเล่นเกม
2.เล่นเกมนานจนชิน
3.เล่นจนขาดไม่ได้ มีอาการหงุดหงิดและก้าวร้าว
ทำร้ายผู้ปกครอง พยายามฆ่าตัวตายเมื่อไม่ให้เล่น อารมณ์แปรปรวน
4.เล่นเกมจนเสียหน้าที่หลัก เช่น เสียการเรียน เก็บตัวอยู่บ้าน ไม่หลับนอนกลางคืน
แนวทางการรับมือกับวัยเด็กตอนปลายติดเกมคือ
1.วางแผนร่วมกันกับเด็กในการลดเวลาการเล่นเกมลง ตั้งกฎกติการ่วมกันเพราะวัยเด็กตอนปลายมีพัฒนาการด้านกฏระเบียบ จากที่โรงเรียนด้วยอยู่แล้ว เด็กจะเข้าใจถ้าผู้ปกครองไม่ตามใจหรือปล่อยให้เล่นได้เกินเวลา ต้องเคร่งครัดในการลดชั่วโมงการเล่นเกมในแต่ละวันลงเรื่อยๆ โดยเปลี่ยนเป็นการทำกิจกรรมอื่นแทนซึ่งเป็นกิจกรรมที่เด็กสนใจ เช่น การตกปลา เต้น วาดภาพ ถ้าเด็กลดเวลาเล่นเกมลงได้ ควรชมเชย หรือให้รางวัลอย่างอื่นทดแทนเช่นการพาไปเที่ยวช่วงวันหยุด
2.ผู้ปกครองเข้าไปเล่นเกมกับเด็กเพื่อจะได้ตรวจดูว่าเด็กเล่นเกมแบบใหนตามประเภทที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าเป็นเกมที่ใช้ความรุนแรง ไม่ควรตำหนิเด็ก ให้ใช้วิธีการเบี่ยงเบนความสนใจไปเล่นเกมอื่นทีมีส่วนดีเช่นเกมปริศนา เกมสร้างเมือง เกมปลูกผัก เกมจับผิดภาพ เป็นการช่วยจำและหัดให้้เด็กเป็นคนช่างสังเกตุ ใช้ความคิดช่วยพัฒนาสมองซีกซ้าย
3.ติดตามและทำความรู้จักเกมที่เด็กเล่นเพื่อจะได้เบี่ยงเบนความสนใจโดยให้เด็กเล่าให้ฟัง หรือเปิดประเด็นสนทนาภาษาเกมกับเด็กโดยจัดกลุ่มคุยกันเรื่องเกมที่เล่น จะทำให้ลดเวลาในการเล่นเกมของเด็กได้ด้วย
4.ถ้าใช้วิธีการข้างต้นไม่ได้ผล เด็กอาจมีปัญหาสุขภาพจิตร่วมด้วย เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล สมาธิสั้น ควรพาเด็กไปพบจิตแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและบำบัดรักษาต่อไป
ที่มา:สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์
ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com