การดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานสำคัญอย่างไร?
จากปัญหาภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในกลุ่มผู้ที่มีอาการชาที่ปลายมือปลายเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน ส่งผลให้เกิดแผลเรื้อรังที่นิ้วเท้า ขา นำไปสู่การตัดนิ้วเท้า หรือขาตามมาได้ ซึ่งจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงและเสียภาพลักษณ์ ในประเทศไทยพบได้บ่อย
ร้อยละ 20-30 สาเหตุเกิดจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน ระบบประสาทส่วนปลายเสื่อม ร่วมกับการมีแผลเรื้อรัง และยังพบอัตราการตายสูงขึ้นด้วย
ฉะนั้นการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อป้องกันการเกิดแผลที่เท้า เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยต้องตระหนักและปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ข้อปฎิบัติในการดูแลเท้าของผู้เบาหวานเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนมีดังต่อไปนี้
- ทำความสะอาดเท้าด้วยน้ำสะอาด ใช้สบู่ฟอกตามซอกนิ้วเท้า เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มและสะอา
- ตัดเล็บหลังทำความสะอาดเท้าใหม่ๆ โดยใช้กรรไกรตัดเล็บแบบตรงไม่ควรตัดสั้น ติดเนื้อเกินไป
- ถ้าพบผิวหนังแห้ง หรือมีส้นเท้าแตกให้ใช้ครีม หรือโลชั่นทาบางๆ
- ตรวจเท้าทุกวันเพื่อดูว่ามีแผล อักเสบ หรือไม่ ถ้ามีแผลให้รีบปรึกษาแพทย์
- ห้ามใช้วัตถุมีคมแคะซอกเล็บ
- ก่อนใส่รองเท้า ตรวจสอบภายในรองเท้าก่อนว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่ เลือกใส่รองเท้าที่หุ้มเท้า พอดี ไม่อับชื้น และสวมถุงเท้า
- สวมรองเท้าทุกครั้งที่เดินออกนอกบ้าน ไม่เดินเท้าเปล่า
- ขณะอยู่ในบ้านควรสวมถุงเท้าเพื่อปกปิดนิ้วเท้า
- บริหารเท้าวันล่ะ 20-30 นาที โดยการนวดนิ้วเท้า ฝ่าเท้า และขา
- สังเกตุอาการถ้ามีชาที่เท้า หรือมีความรู้สึกลดลงควรปรึกษาแพทย์
- ถ้าพบบาดแผลถลอกควรรีบทำความสะอาดแผลด้วยน้ำต้มสุกหรือน้ำเกลือทันที
- ควรได้รับการตรวจเท้าเพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดแผลที่เท้าเป็นประจำทุกปี
จะเห็นได้ว่าการดูแลเท้าที่ถูกต้องและการนวดเท้าเบาๆเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ร่วมกับเข้ารับการตรวจเท้าเพื่อประเมินความเสี่ยงการเกิดแผลที่เท้าเป็นประจำทุกปี ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนทางเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com