การเสริมสร้างแรงจูงใจในการดูแลตนเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน (Diabetes)
โรคเบาหวาน(Diabetes) มีสาเหตุมาจากพันธุกรรมและพฤติกรรม เช่น การบริโภคอาหาร การออกกำลังกาย หากเกิดจากพันธุกรรมแล้วนับเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันหรือหลีกเลี่ยงได้ แต่ในบทความนี้ผู้เขียนจะกล่าวถึงการเสริมสร้างแรงจูงใจเพื่อปรับเปลี่ยน บุคลิกภาพ พฤติกรรมสุขภาพในชีวิตประจำวันเพื่อลดอุบัติการณ์และควบคุมให้เกิดภาวะแทรกน้อยลง การปรับพฤติกรรมได้แก่ การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการพักผ่อนนอนหลับ เป็นต้น เนื่องจากการเจ็บป่วยเรื้อรังมีผลกระทบต่อสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และสังคมทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ อาชีพการงาน และทางเพศ เป็นต้น
ทำไมผู้ป่วยโรคเบาหวาน (Diabetes) ถึงต้องเน้นการดูแลตนเอง? เพราะ
1.โรคเบาหวาน(Diabetes) เป็นโรคเรื้อรังและเป็นการเจ็บป่วยที่ยาวนาน ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลรักษายาวนาน ผู้ป่วยอาจได้รับยาอินซูลินโดยวิธีการฉีด วิธีการกิน หรือวิธีการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างพร้อมกันเป็นต้น
2.โรคเบาหวาน(Diabetes) หากเมื่อเป็นแล้วไม่สามารถดูแลตนเองได้ดีหากได้รับการรักษาโดยการให้ยาอินซูลินแล้ว อาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง(Hyperglycemia) หรือน้ำตาลในเลือดต่ำ(Hypoglycemia)ได้
3.โรคเบาหวาน(Diabetes) เมื่อเกิดขึ้นแล้ว หากควบคุมดูแลตนเองได้ไม่ดี อาจมีโรคอื่นๆเกิดขึ้นตามมาเช่นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไต ภาวะเบาหวานขึ้นตา เกิดแผลที่เท้า เป็นต้น การดูแลตนเองอย่างจริงจังสำหรับโรคเบาหวานเพื่อช่วยชลอความก้าวหน้าของโรค ลดการกำเริบ ให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น ร่วมกับสามารถทำหน้าที่ได้เต็มตามศักยภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย
การเสริมสร้างแรงจูงใจในการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน (Diabetes) มีดังนี้
1.ผู้ป่วยโรคเบาหวาน(Diabetes) ต้องรับรู้ว่าโรคเบาหวานนั้นได้เกิดขึ้นกับตนเองแล้ว การรับรู้นั้นต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในชีวิตประจำวันต่างๆเช่น การรับประทานยาต่อเนื่อง การกินอาหารที่จำกัดน้ำตาลเน้นการรับประทานผักมากขึ้น การออกกำลังกาย การตรวจเช็คระดับน้ำตาลในเลือดทั้งการตรวจเช็คด้วยตนเองที่บ้านและติดตามการดูแลรักษาโรคเบาหวาน(Diabetes) กับผู้เชี่ยวชาญเป็นต้น เพราะว่าภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังนั้นทำให้เกิดผลกระทบกับผู้ป่วย ครอบครัว และสังคม เนื่องจากหากสามีเจ็บป่วยภรรยาต้องรับภาระมากขึ้น บทบาทในครอบครัวต้องเปลี่ยนแปลงไป ผู้ป่วยรู้สึกเสียศักดิ์ศรีที่ต้องพึ่งพาคนอื่น เป็นต้น
2.ผู้ป่วยโรคเบาหวาน(Diabetes) ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรค และแผนการรักษาของตนเองเช่น ฉีดอินซูลิน กินยาอินซูลิน ควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นต้น(ความรู้เรื่องโรคเบาหวาน(Diabetes) ได้กล่าวถึงในบทความที่ผ่านมา) ตัวอย่างเช่น โรคเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลินในวัยรุ่น การควบคุมโรคได้ลำบาก มีความเสี่ยงเรื่องภาวะน้ำตาลในเลือดสูง(Hyperglycemia) ทั้งที่ได้พยายามควบคุมปัจจัยต่างๆให้ดีที่สุด อาจเกิดจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ป่วยหมดกำลังใจและรู้สึกว่าการกระทำของตนเองไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติได้ เป็นต้น
3.ผู้ป่วยโรคเบาหวาน(Diabetes) ต้องตระหนักถึงภาวะแทรกซ้อน(complications) ที่เกิดขึ้นกับตนเองเช่น.ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycemia) หรือภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ(Hypoglycemia) เพราะปัญหาระดับน้ำตาลสูงหรือน้ำตาลต่ำนั้น มีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ถ้าหากผู้ป่วยละเลยแล้วอาจทำให้เกิดภาวะอันตรายแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการดูแลรักษาทันท่วงที ผู้ป่วยเบาหวาน(Diabetes) อาจต้องเตรียมลูกอมติดตัวเพื่อช่วยแก้ปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติได้
4.ผู้ป่วยเบาหวาน(Diabetes) ต้องรู้ เข้าใจ และตระหนักถึงการดูแลสุขภาพเท้าเพื่อป้องกันการเกิดแผลหากเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลให้มีการหายของแผลยากกว่าคนปกติและอาจต้องสูญเสียอวัยวะต่างๆตามมาได้ (การดูแลสุขภาพเท้าสามารถหาอ่านได้ในบทความที่ผ่านมา)
5.มนุษย์เราทุกคนต้องตระหนักและเข้าใจกฎเกณฑ์ของธรรมชาติว่า การเกิดภาวะเจ็บป่วยโรคภัยไข้เจ็บ นั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่จำกัดอายุ เพศ วัย หรือสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจ เป็นต้น มนุษย์ต้องยอมรับการพึ่งพาบุคคลอื่นเมื่อจำเป็น ค้นหาวิธีการจัดการกับความเครียดด้วยตนเอง ลดความวิตกกังวล ความกลัว (อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ในบทความที่ผ่านมา) ยอมรับภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพของตนเอง เป็นต้น
6.ผู้ป่วยเบาหวาน(Diabetes) ต้องรักษาสัมพันธภาพ และการติดต่อสื่อสารที่ดีกับนักวิชาชีพสุขภาพ ครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนฝูงหรือกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน( Diabetes) เพื่อสามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การดูแลตนเองและนำมาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการดูแลตัวเอง เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีชีวิตที่ยาวนานขึ้น
7.แผนการรักษาโรคเบาหวาน(Diabetes)ต้องการแหล่งประโยชน์ของครอบครัว หากครอบครัวที่ขาดแหล่งประโยชน์ทางสังคม จิตใจ หรือเศรษฐกิจ ทำให้จัดการกับปัญหาลำบากมากขึ้นตามมา
โรคเบาหวาน(Diabetes) ถึงแม้ว่าจะเป็นกลุ่มโรคเจ็บป่วยเรื้อรัง หากได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วย ครอบครัวผู้ดูแล บุคลากรทางสุขภาพ แหล่งประโยชน์ด้านเศรษฐกิจแล้ว ก็สามารถช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวาน(Diabetes) มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและมีชีวิตที่ยาวนานได้
สนใจบทความอื่นๆเกี่ยวกับหัวใจติดตามอ่านได้ที่ healthybestcare.com