การเสริมสร้างแรงจูงใจในการดูแลสุขภาพของตนเองเมื่อเจ็บป่วย
ทำไมเราถึงต้องดูแลสุขภาพของตนเอง?
เพราะมนุษย์เรานั้นเกิดมาและใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ในระยะเวลาที่มีอย่างจำกัด การดูแลรักษาสุขภาพด้วยตนเองจะช่วยให้มีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น
จากบทเรียนการระบาดของโรคโควิด 19 ในรอบสามปีที่ผ่านมา ทำให้มนุษย์มีความตื่นตัวในการดูแลภาวะสุขภาพของตนเองมากขึ้น โดยเน้นการดูแลสุขภาพของตนเองที่บ้าน การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การใช้สมุนไพรพื้นบ้านช่วยในการรักษาอาการเจ็บมากขึ้น ใช้ชีวิตแบบมีระยะห่างระหว่างบุคคลอื่น เป็นต้น
หากเราต้องการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและมีสุขภาพจิตที่ดีเราต้องกำหนดแนวทางและเป้าหมายในการใช้ชีวิตดังต่อไปนี้คือ
- การประเมินภาวะสุขภาพของตนเองเบื้องต้น เช่น เรามีโรคประจำตัวอะไรบ้าง?ในตอนนี้ เรามีพฤติกรรมเสี่ยงอะไรบ้างในชีวิตประจำวันที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ การไม่ออกกำลังกาย การรับประทานอาหารแปรรูปหรืออาหารจานด่วน เป็นต้น ตัวอย่างการประเมินภาวะด้านสุขภาพของตนเองเช่นหากเราป่วยเป็นโรคเบาหวานอยู่เราจะดูแลตนเองในด้านการรับประทานอาหารอย่างไรบ้าง? อาหารประเภทใหนที่สามารถรับประทานได้อย่างจำกัดปริมาณ หรืออาหารประเภทใหนบ้างที่เรารับประทานได้แบบไม่จำกัดปริมาณ การรับประทานยาหรือฉีดยาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การดูแลสุขภาพเท้า การเลือกใส่ร้องเท้าเพื่อช่วยดูแลเท้าป้องกันการเกิดแผล การเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายที่เหมาะสม การนอนหลับพักผ่อน (สามารถอ่านในบทความอื่นๆเกี่ยวกับโรคเบาหวาน)
- การยอมรับว่าปัญหาด้านสุขภาพนั้นได้เกิดขึ้นกับตนเองและเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขหรือควบคุมได้ เช่น เมื่อเราเจ็บป่วยโรคมะเร็งเต้านม เราต้องยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวได้เกิดขึ้นกับตนเองแล้ว มองหาวิธีการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างไรเพื่อสามารถควบคุมเซลล์มะเร็งไม่ให้เกิดการลุกลามแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นๆ หรือหายขาดโดยการควบคุมปัจจัยที่ก่อให้เกิดมะเร็งเต้านมเช่น ฮอร์โมน อาหาร เป็นต้น ร่วมกับการปรับเปลี่ยนด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง หรือในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการงดสูบบุหรี่ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดการเจ็บป่วย เป็นต้น
- การปฏิบัติตามแผนการรักษา การวินิจฉัยโรค การฟื้นฟูสภาพของร่างกายเพื่อให้เกิดผลดีที่สุด โดยเน้นด้านการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันได้แก่ การพักผ่อนนอนหลับแต่ละวันนอนหลับพักผ่อนได้เพียงพอหรือไม่ มีปัญหาการนอนไม่หลับหรือไม่ การจัดการกับความเครียดในแต่ละวันมีสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดภาวะเครียดหรือไม่ สามารถจัดการกับความเครียดได้ด้วยตนเองหรือไม่ ด้านการรับประทานอาหาร พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดหรือไม่ การรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดเสี่ยงต่อโรคกระเพาะอาหาร การไม่รับประทานอาหารประเภทผักผลไม้ที่มีเส้นใยหรือกากใยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ การสูบบุหรี่เสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดหรือโรคถุงลมโป่งพอง การไม่ออกกำลังกายเสี่ยงต่อโรคอ้วน เป็นต้น
- การเลือกหรือกำหนดทางเลือกในการดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง เช่น การติดเชื้อโรควัณโรคที่ปอดทางเลือกในการรักษาต้องใช้การรักษาโดยยาฆ่าเชื้อ(Antibiotic) เท่านั้น ซึ่งยาฆ่าเชื้อนั้นการใช้ในระยะยาวมักมีผลกระทบเรื่องของการแพ้ยาซึ่งมีผลต่อตับ แต่สิ่งที่จะพอปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังกล่าวได้คือ งดเว้นการสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พักอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกเนื่องจากเนื้อปอดมีร่องรอยของการเกิดโรคอาจทำให้เกิดปัญหาการแลกเปลี่ยนอากาศในปอดเป็นต้น
- การสร้างกำลังใจด้วยตนเองหรือได้รับกำลังใจจากคนในครอบครัว ภาวะการเจ็บป่วยนั้นหากขาดกำลังใจในการดูแลรักษาสุขภาพแล้ว จะทำให้โรคกำเริบได้และทำให้มีสุขภาพที่แย่ลงฉะนั้นการได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างก็เป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน
- การยอมรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานด้านสุขภาพเมื่อจำเป็นเช่นการเจ็บด้านสุขภาพที่รุนแรงเช่น โรคเอดส์ การรับการรักษาโดยการกินยาต้านไวรัสจะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ยาวนานขึ้นเป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการมีกำลังใจหรือการปรับตัวให้ยอมรับกับปัญหาแล้วหาแนวทางการแก้ไขเป็นทางเลือกในการดำเนินชีวิตเพราะในโลกนี้มีปัญหามากระทบต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับการปรับตัวเพื่อให้สามารถอยู่ในโลกนี่ให้ได้ยาวนานที่สุด
สนใจบทความอื่นๆเกี่ยวกับหัวใจติดตามอ่านได้ที่ healthybestcare.com