ตอน. 3 ความแตกต่างของเจนเนอเรชั่น (Gen. Baby Boomer Gen. X Gen. Z)
Episodes 4 การเดินทางท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตในต่างแดนของผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
มนุษย์มี 4 เจนเนอเรชั่นในโลกนี้ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ มีความแตกต่างด้านเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งกลุ่มที่อาศัยอยู่ในแถบเดียวกันมักจะมีความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีความคล้ายคลึงกัน แต่เมื่อมีความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว คนมีการเดินทางทางอากาศใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงจากแถบโลกหนึ่ง ไปสู่อีกแถบโลกหนึ่ง และการติดต่อสื่อสารมีความรวดเร็วขึ้นโดยใช้แอฟพลิเคชั่นต่างๆ ภาษาที่มีความแตกต่างก็พัฒนาแอฟพลิเคชั่นแปลภาษาช่วยให้การสื่อสารเข้าใจกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น คนมีการย้ายถิ่นฐานเข้าพักอาศัยรวมกัน ที่มีความหลากหลาย แตกต่างด้านภาษา ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น การแต่งงานกับต่างชาติ ต่างภาษา การย้ายที่อยู่อาศัยไปอยู่ในอีกขนบธรรมเนียมประเพณีหนึ่ง ดังนั้นมนุษย์จึงต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับขนบธรรมเนียมประเพณีหนึ่งเข้ากับสำนวนไทยที่ว่า “เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม”
การปรับตัวเป็นเรื่องของชีววิทยาที่สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกๆด้าน หากมนุษย์ไม่ปรับตัวแล้ว อาจต้องพบจุดจบดั่งเช่นชีวิตของสัตว์บางชนิดที่ต้องสูญพันธุ์จากโลกใบนี้ไป หากใครที่ใช้ชีวิตโดยไม่ปรับตัวมักจะได้รับฉายาว่า “ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี” ผู้เขียนเองนั้นมีช่วงอายุอยู่ใน Gen X เป็นช่วงชีวิตที่พบเจอคอมพิวเตอร์เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว ขณะที่ Gen. Baby Boomer นั้นเกิดในช่วงที่ผ่านพ้นระยะสงครามโลกครั้งที่สอง และเจนเนอเรชั่น Z เกิดมาพร้อมกับความเจริญเติบโตด้านเทคโนโลยี่ สำหรับเด็กในเจนเนอเรชั่น Z นี้จะมีความคิด การใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเจนเนอเรชั่นอื่นๆ อย่างชัดเจน เนื่องจากผู้เขียนได้สัมผัสการใช้ชีวิตสำหรับทั้งสามเจนเนอเรชั่นเท่ากับผู้เขียนอยู่ในเจนเนอเรชั่นกลางเทียบเท่ากับลูกคนกลางที่จะต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับทั้งสองเจนเนอเรชั่นเพื่อให้การอยู่ร่วมกันเกิดปัญหาน้อยที่สุด เรามาดูกันเลยว่ามีประเด็นใหนกันบ้าง?
- ประเด็นด้านการเงิน ในการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ จะเห็นได้ว่า Gen. Baby Boomer นั้นจะใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง มีความประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ฟุ่มเฟือย รู้จักคุณค่าของเงิน เปรียบเทียบราคาก่อนการจับจ่ายใช้สอย อาหารที่ซื้อมาแล้วต้องกินให้หมด ไม่ค่อยได้สนใจคุณค่าหรือคุณประโยชน์ของอาหาร มีผลสุขภาพอย่างไร? ไม่ได้สนใจมากนัก ทำให้ Gen. Baby Boomer นั้นจะอ้วนลงพุง มีโรคประจำตัวมากมาย เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการกินทั้งสิ้น ในขณะที่ Gen. Z นั้นเกิดมาพร้อมความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี่ ใช้จ่ายเงินโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ไม่ค่อยกินอาหาร หรือกินอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารน้อยชอบเล่นโทรศัพท์จนไม่ได้กินข้าวกินปลารูปร่างจึงผอมบาง ร่างน้อยเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ Gen X นั้นมีพ่อแม่อยู่ใน Gen. Baby Boomer จึงมีความเข้าใจเรื่องการใช้จ่ายเงิน เน้นความคุ้มค่าของสินค้า ไม่ได้มองแค่ว่าสินค้าราคาถูกเพียงอย่างเดียว แต่จะมองประเด็นของคุณภาพของสินค้าด้วย ฉะนั้น Gen X จะมีสโลแกนการใช้ชีวิตที่ว่าของดี (ฟรี) มักราคาไม่ถูกมาก หรือที่เรียกว่าของฟรีไม่มีในโลกนั่นเอง ในขณะที่ Gen Z นั้นจะเป็นลูกของ Gen X หรือ Gen Y หากว่าพ่อแม่ไม่อบรมเรื่องเกี่ยวกับเงินทองกับลูกในแล้วเด็กใน Gen Z จะใช้จ่ายเงินโดยไม่ได้มองถึงประโยชน์หรือคุณค่าของอาหารหรือสิ่งของ เรามักจะเห็นว่าเด็กใน Gen Z มีเสื้อผ้ามากมาย รองเท้าหลากหลาย เลือกอาหารการกินแบบอาหารจานด่วน มีของเล่นเยอะแยะมากมายเช่นกัน ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ อยู่ในโลกสังคมโซออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ หากแต่อนาคตข้างหน้าเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเป็นอย่างไร? แต่เราจะสามารถมองจากประสบการณ์ของประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้ามาก่อนเพื่อเป็นตัวอย่างในการอบรมลูกๆ ที่อยู่ใน Gen Z ให้สามารถปรับตัวด้านการใช้ชีวิตที่ไม่สุดโต่งจนเกินไปนั่นเอง
- ประเด็นด้านความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณี สำหรับ Gen Baby Boomer มักจะใช้ชีวิตภายใต้ความเชื่อ ศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี และจะบังคับให้ Gen X ยึดถือในความเชื่อ ขนบธรรมเนียม ประเพณี ตามแบบที่ตนเองปฏิบัติมา หากแต่สำหรับ Gen X ที่มีความคิดด้านวิทยาศาสตร์มักจะมีความคิดของตนเอง อาจจะยอมรับปฏิบัติหรือยอมตามในขนบธรรมเนียม ความเชื่อ ประเพณี บางอย่างเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ หรือที่เรียกว่า การปรับตัวนั่นเอง ทั้งยังต้องสอนเด็ก Gen Z ให้มีความเชื่อ ศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณี ต่างๆ ขณะที่เด็กก็ไม่ได้ยอมรับและปฏิบัติตามแต่อย่างใด
- ประเด็นด้านไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต สำหรับ Gen Baby Boomer ส่วนใหญ่มักจะยึดติดการใช้ชีวิตภายใต้ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี เปลี่ยนแปลงได้ยากลำบาก หากชาวพุทธแล้วจะมีความเชื่อเรื่องการขึ้นสวรรค์ ตกนรก และไม่ค่อยปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน ขณะที่ Gen X ส่วนใหญ่จะสามารถปรับตัวได้เก่ง ใช้ชีวิตได้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี่ มีความเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ ไม่ได้งมงาย ใช้ชีวิตอยู่ตามหลักของธรรมชาติและจิตวิทยา ขณะที่ Gen Z ส่วนใหญ่การใช้ชีวิตตามความเจริญของเทคโนโลยี่ที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง หากไม่มีเทคโนโลยี่แล้วเด็ก Gen Z จะใช้ชีวิตอยู่แบบยากลำบาก
ดังนั้นหากจำเป็นต้องใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างสามเจนเนอเรชั่นคือ Gen Baby Boomer Gen X Y และ Gen Z แล้วทุกฝ่ายต้องปรับตัวเข้าหากันและต้องใส่ใจสั่งสอนเด็ก Gen Z ที่เติบโตมาพร้อมๆ กับความเจริญด้านเทคโนโลยี่
สำหรับบทความต่อไปจะเป็นเรื่องเล่าระหว่าง Gen Baby Boomer Gen X และ Gen Z ว่าจะมีความอลเวงกันขนาดใหนติดตามกันได้ในเรื่องเล่าตอนต่อไปคะ healthybestcare.com