เรื่องสั้น คนเซราะกราว ตอน การเริ่มต้นชีวิตใหม่

แชร์ให้เพื่อน

เรื่องสั้น คนเซราะกราว

ตอน การเริ่มต้นชีวิตใหม่

        ณ.เวลากลางค่ำคืนแรมแปดค่ำเดือนสี่ ปีวอก เป็นวันเกิดราหูอมจันทร์ มีครอบครัวของหญิงชายคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ชนบทอันห่างไกลจากความเจริญของสังคมคนเมือง มีประชากรอาศัยอยู่เพียงแค่สิบครัวเรือน ลักษณะของบ้านพักอาศัยมีเสาไม้สี่ต้น หลังคามุงด้วยใบจาก ฝาบ้านปกคลุมด้วยไม้ไผ่ บันไดขึ้นบ้านทำด้วยแผ่นไม้มีเพียงสามขั้น ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำประปา ไม่มีรถขับ มีเพียงเกวียนเทียมควายเพื่อเดินทางเท่านั้น เสียงลมพัดหวิวๆ ใบจากปลิวว่อน  ในสถานที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง มีคู่สามีภรรยาหลังจากแต่งงานครบเก้าเดือนเต็ม หญิงวัยตั้งครรภ์ท้องแก่ส่งเสียงเรียกเบาๆ น้ำเสียงแหบแห้ง เหมือนคนไร้เรี่ยวแรงก็ไม่ปาน “ พ่อมึงข้าปวดท้อง ช่วยไปตามหมอตำแยมาให้ที” ฝ่ายชายได้ยินดังนั้นรีบลุกขึ้น ขยี้ตาเบาๆ พร้อมกุมมือภรรยาและพูดให้กำลังใจ “อดทนไว้นะ แม่มึง” เค้ากำลังจะมีลูกน้อยเพิ่มเข้ามาในครอบครัวทั้งที่ไม่อาจทราบได้ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย มีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์ 32 เหมือนคนทั่วไปหรือไม่ แต่คนทั้งสองก็ได้แต่หวังว่าเด็กที่เกิดมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีเทวดาปกปักอารักษ์ขา  ฝ่ายชายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีพลังอันล้นเหลือ “ ข้าจะรีบไปและรีบกลับนะ” หญิงสาวยิ้มมุมปาก น้ำตาคลอเบ้าเหมือนเป็นสัญญาณของการจากลาแบบไม่มีวันกลับพร้อมกับส่งเสียงอันแหบแห้ง “รีบไปรับกลับนะพ่อมึง” ฝ่ายชายก้มลงจูบที่หน้าผากเบาๆ พร้อมกับกุมมือเพื่อสร้างกำลังใจให้หญิงวัยรุ่นท้องแก่ พร้อมกับรีบคว้าถุงยาสูบพร้อมมีขีดไฟ รีบก้าวลงจากบันไดบ้าน เดินกึ่งวิ่งไปที่บ้านหญิงชราที่มีนามว่า ระย้า คุณยายระย้าเป็นหญิงชราอายุอานามล่วงเลยเจ็ดสิบปีแล้ว หากบ้านใหนมีหญิงท้องแก่ เมื่อมีอาการปวดท้อง น้ำเดิน จะต้องมาใช้บริการยายระย้าทุกรายไป เพราะว่ายายระย้าเป็นหญิงชรามีหน้าที่ช่วยทำคลอดหรือที่เรียกว่าหมอตำแย หากแต่ในปัจจุบันก็คือพยาบาลผดุงครรภ์นั่นเอง ฝ่ายชายรีบเดินก้าวท้าวยาวๆ ผ่านตามถนนอันลดเลี้ยว ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมน  มีแค่แสงไฟระยิบระยับจากดวงดาวที่ช่วยส่องแสงให้เดินก้าวเท้าด้วยความมุ่งมัน อันเปลือยเปล่าเนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีร้องเท้าใส่

        หลังจากเดินทางมาได้ระยะหนึ่งไกล้ถึงบ้านของยายระย้า ได้ยินเสียงนกแสกร้อง “แซ๊ก แซ๊ก แซ๊ก แซ๊ก” ก่อนจะเงียบเสียงไป ชายหนุ่มคนที่กำลังจะกลายเป็นพ่อคนใหม่ รู้สึกใจหาย ตกลงว่าที่ตาตุ่ม มองเห็นไฟตะเกียงที่บ้านยายระย้าส่องแสงวิบๆวับๆ เนื่องจากลมแรง ฟ้ามืดมิด ดวงดาวที่ส่องระยิบระยับกลับกลายหายไป ท้องฟ้าปกคลุมด้วยความมืดมิด ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียกด้วยการตะโกน “ยายระย้า ยายระย้า” มีอะไรรึพ่อหนุ่ม เสียงตอบกลับมากลับกลายเป็นตาแก่อายุอานามใกล้เคียงกับวัยของยายระย้า พ่อหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ “ยายระย้าอยู่ไหม ตาแก้ว” ตาแก้วนั้นเป็นคนแก่ในหมู่บ้าน เป็นคนที่มีความรู้เรื่องยาสมุนไพร หากคนในหมู่บ้านเจ็บไข้ได้ป่วยมักจะมาขอความช่วยเหลือจากตาแก้วทุกครั้งไป นับเป็นครอบครัวหมอรักษาคนไข้และพยาบาลทำคลอดเลยก็ว่าได้ ในสมัยนั้น “ยายระย้าไปต่างจังหวัดกลับไปบ้านเกิด” ตาแก้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอันดัง เนื่องจากญาติผู้น้อยเสียชีวิตด้วยอาการปวดท้องไม่ทราบสาเหตุ ทำการรักษาด้วยยาสมุนไพรแต่อาการไม่ดีขึ้น กลับมีไข้สูง ติดเชื้อในกระแสเลือดและตายในที่สุด สาเหตอาจเกิดจากไส้ติ่งแตกก็ได้(ผู้เขียนคิดเอาเอง เนื่องจากในสมัยนั้นไม่มีการตรวจเจาะเลือด หรือการทำอัลตราซาวด์จึงไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นโรคอะไร)

“มีอะไรหรือปล่าวทิดชม” ทิดชมนั้นเป็นหนุ่มหน้าตาดี ผิวพรรณดำขลับ รูปร่างสูงโปร่ง ร่างกายกำยำ นัยน์ตาสีน้ำตาล ผมหยิกติดหนังศีรษะ สวมใส่ผ้าขาวม้า ท่อนบนเปลือยเปล่า มองเห็นกล้ามเนื้อซิกแพค เป็นที่หลงใหลของสาวๆในยุคปัจจุบัน ทิดชมตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันเบาหวิว หมดพละกำลัง “นังพราวเมียของข้าปวดท้องใกล้คลอด”  “ว่าอะไรนะ”ตาแก้วส่งเสียงสูงถามออกมา “นังพราวเมียของข้าปวดท้องใกล้คลอด ตอนนี้นอนรออยู่ที่บ้าน” ตาแก้วคิดในใจ และคิด คิด คิด แบบอิคิวซัง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ เอาแบบนี้นะ ไอ้ทิด รีบกลับบ้านไปอยู่เป็นเพื่อนนังพราวก่อนเดี่ยวข้าจะรีบตามไป เองจุดไฟ ต้มน้ำร้อนรอข้าก่อนเลยนะ” ทิดชมพยักหน้า พร้อมก้าวท้าวกึ่งเดินและวิ่งมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย และโดดเดี่ยวท่ามกลางคืนเดือนมืด วันราหูอมจันทร์ เสียงนกแสกส่งเสียงร้องเป็นระยะ แหล่งที่มาของเสียงได้ยินแว่วมาจากที่ห่างไกลออกไป ทิดชมนึกในใจ ภาวนาให้ผีสางนางไม้ช่วยปกปักรักษาให้ลูกน้อยในครรภ์และเมียท้องแก่ใกล้คลอดปลอดภัยทั้งแม่และลูก

     ตาแก้วรีบคว้าเครื่องมืออุปกรณ์ทำคลอดของยายระย้าที่ห่อไว้ในผ้าขาวที่เก็บไว้ใกล้หิ้งพระ พร้อมกับรีบก้าวเท้าซ้ายก่อนลงบันไดเพราะว่า ตาแก้วมีความเชื่อว่าหากก้าวเท้าซ้ายก่อนเดินออกจากบ้านจะช่วยให้โชคดี ผีสางนางไม้จะช่วยคุ้มครอง ปกปักรักษา รีบเดินลงจากบันไดบ้านซึ่งมีเพียงบันไดแค่สามขั้น รีบเดินกึ่งวิ่งตามเส้นทางของของทิดชม “ทำไมมันถึงวุ่นวายและอลเวงกันขนาดนี้ ในวันที่ยายระย้าไม่อยู่บ้าน” ตาแก้วส่งเสียงบ่นงึมงำในลำคอเบาๆ

   ฝ่ายทิดชมเมื่อเดินกึ่งวิ่งมาถึงประตูหน้าบ้านพร้อมส่งเสียงเรียกเมียรักวัยสาว ด้วยน้ำเสียงอันดัง “นังพราว เมียรักของข้า” ดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณบ้านท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดและกลางคืนอันเงียบสงัดและวังเวง  มีหมาน้อยเห่าโฮ่งๆ นามว่าไอ้ด่าง วิ่งตามทิดชม พร้อมกับกระดิกหางไปมาแสดงถึงความรักและทักทายเจ้านาย เสียงควายตัวผู้สองตัวที่อยู่ในคอกชื่อไอ้ดำและไอ้ด่อน ซึ่งอยู่ไม่ใกลจากตัวบ้าน หายใจเสียงดังฟืดฟัดแสดงถึงความรำคาญแมลงที่มาเกาะตามตัว และใช้หางปัดไล่ยุง และแมลงไปมาดัง ผับ ผับ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีหลอดไฟที่ใช้เปิดไล่แมลงเหมือนในสมัยปัจจุบัน (อย่าว่าแต่หลอดไฟเลยขนาดไฟฟ้ายังไม่ได้เข้ามาในหมู่บ้าน)

     เสียงไก่แจ้ตัวผู้สีเขียว สลับขาวส่งเสียงขันดังเจื้อยแจ้ว เป็นระยะ “เอ๊กอีเอ๊ก เอ๊ก” แสดงถึงเวลาเที่ยงคืนตรง ท่ามกลางกลางคืนอันเงียบสงัด วังเวง และเป็นวันราหูอมจันทร์

 เหตุการณ์และเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป นังพราวเมียสาวของทิดชมและลูกน้อยในครรภ์จะได้ลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัยหรือไม่ ท่ามกลางคนทำคลอดจำเป็นอย่างตาแก้วซึ่งไม่เคยทำคลอดเลยตั้งแต่เกิดมา ทำเพียงแค่รักษาคนป่วยด้วยยาสมุนไพรและทำนายทายทักดูดวงตามหลักโหราศาสตร์ กลับกลายต้องมาเป็นบุรุษพยาบาลทำคลอดจำเป็นในวันที่ย้ายระย้าไม่อยู่บ้านหากชื่นชอบเรื่องสั้น แนวการดำเนินชีวิตของคนเซราะกราว รบกวนกดไลค์ และกดแชร์เพื่อให้คนเซราะกราวได้อ่านกันอย่างทั่วถึง ขอบคุณที่ติดตามเรื่องสั้นคนเซราะกราว ติดตามตอนต่อไปกันคะ

 

แชร์ให้เพื่อน