เรื่องสั้น อรุณเบิกฟ้ากลางกรุงมะนิลา ตอน บทนำ

แชร์ให้เพื่อน

เรื่องสั้น อรุณเบิกฟ้ากลางกรุงมะนิลา

ตอน บทนำ

        “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง” เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นช่วงสายวันหนึ่งในช่วงฤดูร้อนของปีเสือของภาคอีสานตอนล่างของประเทศไทย เป็นวันปิดเทอมภาคฤดูร้อนของเด็กหญิงสองคนวัยเรียนประถมศึกษาของโรงเรียนแห่งหนึ่ง พวกเธอเกิดและเติบโตอาศัยอยู่กับตายาย ป้า และลุง ช่วงต้นเดือนเมษายนนับเป็นการเริ่มต้นฤดูร้อนที่อากาศร้อนอบอ้าว แม้ว่าจะเปิดพัดลมยังออกมาเป็นลมร้อนเลย “สวัสดีคะ” แม่ของเด็กน้อยสองคนรับโทรศัพท์มือถือ “ดิฉันโทรจากสถานทูตฟิลิปปินส์ประจำประเทศไทย ตอนนี้วีซ่าเดินทางเข้าประเทศฟิลิปปินส์ของลูกสาวคุณ ผ่านเรียบร้อยแล้วคะ” เจ้าหน้าที่ของสถานทูตแจ้งผลการขอวีซ่าจากปลายสาย “ขอบคุณมากนะคะ” แม่ของเด็กหญิงสองคนที่เป็นเจ้าของวีซ่ากล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ปลายสายพร้อมกับวางหูโทรศัพท์ไป

         เด็กหญิงสองคนวัยประถมศึกษามัวแต่สาละวนกับการเล่นกับเพื่อนๆซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันสี่ห้าคนที่บริเวณหน้าบ้าน เค้าเล่นขายของแบบเด็กๆโดยแบ่งเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ร้านขายน้ำปั่น ร้านขายไอศกรีมและร้านขายอาหารฝรั่งอย่างร้านขายไก่ทอดและแฮมเบอร์เกอร์ โดยมีป้าเป็นผู้ร่วมทีมในการเล่นขายของครั้งนี้

“สวัสดีคะ คุณลูกค้า วันนี้จะทานอะไรดีคะ?” เสียงของเด็กหญิงผู้เป็นน้องสาว รูปร่างผอมบาง ผิวขาวเหลืองหน้ารูปไข่ ปากเล็ก จมูกหน่อย ฟันหลอ สองซี่หน้า กล่าวถามป้าผู้ที่เล่นบทบาทเป็นลูกค้านั่นเอง “ขอส้มตำปูปลาร้า ใส่ปลาร้าตัวใหญ่ๆ หมูน้ำตก ขนมจีน ข้าวเหนียวหนึ่งกะติบ คะ” ป้าสั่งอาหารตามบทบาทสมมุติ ในขณะที่กำลังนั่งผูกผ้าไหมมัดหมี่ เพื่อทักทอออกมาเป็นลวดลายแบบต่างๆที่สวยงามตระกาลตาเนื่องจากป้ามีความคิดสร้างสรรค์และเป็นผู้ที่ทำงานได้อย่างละเอียดอ่อน งานไหมมัดหมี่จึงออกมาได้อย่างสวยงามเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานในแถบนั้น “ทางร้านเราไม่ได้ขายอาหารอีสานคะ เรามีรายการอาหาร บลา บลา” เด็กน้อยอีกคนตอบพร้อมแนะนำเมนูอาหารที่มีในร้าน “ออ งั้นขอสลัดผัก น้ำมะพร้าวปั่นหนึ่งแก้ว หวานน้อย” เนื่องจากป้ามีโรคประจำตัวคือ เบาหวานและไขมันในเลือดสูงนั่นเอง ป้าก็เล่นบทบาทสมมุติเหมือนชีวิตจริงกันเลยทีเดียว

      ขณะที่เด็กๆ กำลังเล่นขายของกันอย่างสนุกสนานอยู่นั่นเอง แม่ของเด็กน้อยสองคนเดินเข้ามาเรียกลูกๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เราต้องรีบเตรียมจัดกระเป๋าเดินทางกันวันนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องรีบออกเดินทางเข้ากรุงเทพแต่เช้ากันนะลูก” เด็กๆในกลุ่มเดียวกันหันหน้ามามองแม่ของเด็กหญิงสองคนเหมือนอยากรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับพวกเพื่อนเล่นของพวกเค้า “แม่เรากำลังจะเดินทางไปใหนกันหรือคะ ทำไมต้องไปกรุงเทพด้วย” พี่สาวถามแม่ด้วยความอยากรู้ ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบ ชั่วขณะเหมือนทุกคนหยุดหายใจเพื่อรอฟังคำตอบว่า แม่จะพาพวกเราไปเที่ยวช่วงปิดเทอมเดี๋ยวก็กลับมา แต่แล้วคำตอบที่ได้ยินจากปากของแม่เด็กทั้งสองกลับกลายทำให้หัวใจของเด็กน้อยๆที่เป็นเพื่อนเล่นกันมายาวนานเป็นเวลาหลายปี หล่นตุบลงที่ตาตุ่ม “แม่จะพาหนูไปเรียนหนังสือที่ประเทศฟิลิปปินส์ “เราคงต้องจากกันไปซักพักหนึ่งนะคะ” แม่เด็กบอกเพื่อนๆของลูกวัยประถมศึกษาทั้งสองคน

       เด็กหญิงสองคนเอ่ยปากกล่าวคำอำลาเพื่อนๆโดยหวังว่าจะได้เจอกันอีกไม่นาน ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านและเด็กสองคนรีบจัดเตรียมกระเป๋าเดินทางโดยเตรียมข้าวของต่างๆเช่นตุ๊กตาของเล่นใส่กระเป๋ามาเต็มกระเป๋าเดินทาง ค่ำคืนนั้นเด็กสองคนแอบเขียนจดหมายน้อยมาวางไว้ที่เตียงของตายายและของป้า กว่าจะหลับตาลงได้ก็ล่วงเลยไปเช้าวันใหม่

       รุ่งเช้าของวันใหม่ ตะวันส่องแสงยามเช้าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความรู้สึกของการจากลาต้องเดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเลเพื่อไปเล่าเรียนหนังสือในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักเพราะอยู่อาศัยในเมืองหลวงอย่างกรุงมะนิลา “ได้เวลาต้องออกเดินทางกันแล้วเด็กๆ” แม่ของเด็กเอ่ยขึ้นพร้อมกับบอกให้กล่าวคำอำลาตายาย ลุง ป้า น้า อา บรรยากาศเต็มไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ต้องจากลากันไปไกล วันนั้นเด็กๆ ได้เงินขวัญถุงเพื่อเดินทางกันพอสมควรติดกระเป๋าไปด้วย

      รถยนต์รุ่นเก่าวีออส สีบรอนเงินเคลื่อนตัวออกจากบ้านอย่างช้าๆ พร้อมกับความรู้สึกดีใจและตื่นเต้นที่จะได้ เดินทางโดยเครื่องบินครั้งแรกของชีวิตของเด็กน้อยวัยประถมศึกษาทั้งสองคน ขณะที่ป้าผู้ดูแลและเลี้ยงดูมาตั้งแต่วัยเยาว์กลับน้ำตาไหลพรากออกมา ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์และดีใจระคนกันที่เด็กน้อยทั้งสองคนที่เป็นเด็กต่างจังหวัดใช้ชีวิตเซราะกราวจวบจนอายุย่างเข้าเจ็ดแปดปี เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เด็กสองคนจะเข้าเรียนได้หรือไม่หากการสื่อสารภาษาอังกฤษก็ยังพูดไม่ได้ และเหลือระยะเวลาแค่สี่เดือนโรงเรียนก็จะเปิดเทอมแล้ว

     หากสนใจเรื่องสั้นแนวการใช้ชีวิตของเด็กเซราะกราวในกรุงมะนิลา รบกวนกดไลค์ กดแชร์ และ กดซับสไคร้ เพื่อเป็นกำลังให้กับนักเขียนมือใหม่ภายใต้นามปากกา Rommyrom ติดตามตอนต่อไปได้ในเร็วๆนี้คะ

แชร์ให้เพื่อน