8 ประโยชน์ของพริก ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเผ็ช!

แชร์ให้เพื่อน

8 ประโยชน์ของพริก ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเผ็ช!

หลายวันมานี้เรานั่งอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับผักและผลไม้ต่าง ๆ ของต่างประเทศ ระหว่างนั่งอ่านเพลิน ๆ เจองานวิจัยเกี่ยวกับพริก ที่เห็นแล้วต้องอึ้ง จึงอยากเอามาแชร์ให้อ่านกัน และนี่คือที่มาของบทความ ” 8ประโยชน์ของพริก ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเผ็ช!”

สมัยเราเป็นเด็ก เมื่อมีอาการเป็นหวัด คัดจมูกแม่มักจะทำอาหารรสจัด เช่น ทำส้มตำ น้ำพริก ต้มแซ่บมาให้กิน เราก็ฝืนกินตามที่แม่บอก และอาการเป็นหวัดก็มักจะดีขึ้นภายในไม่กี่วัน เมื่อโตขึ้นหลายครั้งที่เราป่วยเป็นหวัด แม่มักจะบอกว่า เพราะเราไม่ค่อยกินพริก จึงทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย เราก็แอบแย้งในใจ แม่จะไปรู้อะไร แม่ไม่ได้จบโภชนาการมาสักหน่อย จนเมื่อเราได้อ่านบทความงานวิจัยเกี่ยวกับพริกเราก็ย้อนไปคิดถึงคำพูดของแม่ในวันนั้นข้อมูลที่ได้เกี่ยวกับพริกแทบจะตบทั้งหน้าและตัวเราให้ชากันไปข้างหนึ่งเรามาดูกันเลยค่ะว่าพริกมีประโยชน์อะไรบ้าง

ข้อมูลโภชนาการของพริกสดสีเขียว ขนาด 100 กรัม

  • พลังงาน 47 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 2 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 9,2 กรัม มีน้ำตาล 4,5 กรัม หรือประมาณน้ำตาลก้อน 1 ก้อน ไม่มีเส้นใยอาหาร
  • ไขมัน 0,2 กรัม

วิตามินที่สำคัญในพริก

  • วิตามิน เอ ประมาณ 4,8% ของปริมาณวิตามินเอที่ควรได้รับต่อวัน
  • เบต้าแคโรทีน 460 ไมโครกรัมในพริกสดสีเขียวแต่ในพริกแดงพบเบต้าแคโรทีนสูงกกว่าแครอทซึ่งเป็นผักที่อุดมได้ด้วยเบต้าแคโรทีน
  • วิตามินอี ประมาณ 24,2% ของปริมาณวิตามินอีที่ควรได้รับต่อวัน
  • วิตามินบี 1 ประมาณ  8,2%  ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
  • วิตามินบี 2 ประมาณ  6,4% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
  • วิตามินบี 3 ประมาณ  8,3% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
  • วิตามินบี 6 ประมาณ  20%  ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
  • วิตามินบี 9 ประมาณ  11,5%   ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน
  • วิตามินซี ประมาณ  300% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวันซึ่งมากกว่าปริมาณวิตามินซีในผลไม้ตระกูลส้มและฝรั่งที่จัดว่าเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก

เกลือแร่ที่สำคัญในพริก

โพแทสเซียมประมาณ 17% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน

ธาตุเหล็ก 8,6% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน

แมกนีเซียม 6,7% ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน

ฟอสฟอรัส 6,6 %ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน


8 ประโยชน์ของพริก ที่ไม่ได้มีดีแค่ความเผ็ช!

พริกเป็นผักที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ”Capsaicin” ใครยังไม่รู้จักสารแอนตี้ออกซิแดนซ์สามารถย้อนกลับไปทำความรู้จักได้ในบทความ มันม่วง ประโยชน์มากล้น จนอยากกินทุกวัน โดยสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ตัวนี้ มีประโยชน์มากมายเช่นเดียวกัน ผู้เขียนขออ้างอิงงานเวิจัยเกี่ยวกับพริกของต่างประเทศที่อ่านเจอเป็นหลักดังนี้

  1. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
  2. สามารถลดการเจริญเติบโตของไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราต่าง
  3. ใช้รักษาอาการเจ็บปวด และลดการอักเสบ (ใช้ในทางการแพทย์) โดยเฉพาะการอักเสบของข้อ
  4. คาดว่าสามารถป้องกันมะเร็งได้ดี เช่นเดียวกับสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ตัวอื่นๆ
  5. ช่วยป้องกันเลือดเป็นลิ่ม
  6. ช่วยบำรุงเส้นเลือด ลดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดขอด
  7. ช่วยบำรุงตับ
  8. ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร

จากรายงานการวิจัยเกี่ยวกับพริก ประโยชน์ในข้อ 6-8 ต้องมีการรับประทานพริกอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ วัน สำหรับผู้เขียนเอง แม้ไม่ใช่สายส้มตำพริก 10 เม็ดแต่ก็ขาดพริกไม่ได้เช่นกันจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เจ็บป่วยด้วยโรคโควิดที่ต่างประเทศทำให้ไม่ได้รับประทานพริกเป็นช่วงๆสังเกตุได้ว่าตัวเองจะมีอาการของโรคโควิดเช่นมีไข้ไอเจ็บคอมากขึ้นแต่เมื่อเราลุกขึ้นมาทำยำตำแตงต้มยำเผ็ดๆกินรู้สึกว่าอาการโควิดดีขึ้นจนผู้เขียนคิดว่าเราอาจจะมโนไปเองแต่พอมาอ่านเจองานวิจัยหลายๆงานก็พอจะสนับสนุนได้พริกอาจจะเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้อาการเป็นหวัดหรือโควิดดีขึ้นก็เป็นไปได้แหมเราก็วิ่งหาวิตามินซีมาตั้งนานที่แท้ก็มีของดีอยู่ใกล้ตัววันนี้ลาไปก่อนเดี๋ยววันหลังจะหาข้อมูลพริกอื่นๆมาให้อ่านกันถ้าอ่านแล้วชอบฝากกดไลค์กดแชร์เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะคะ

แชร์ให้เพื่อน