3 วิธีดื่มกาแฟ ให้ได้ประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ

แชร์ให้เพื่อน

3 วิธีดื่มกาแฟ ให้ได้ประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ

เครื่องดื่มชา กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่นิยมทั่วโลก โดยในอดีตชาจะได้รับความนิยมมากแถบประเทศจีน ญี่ปุ่น ส่วนกาแฟจะได้รับความนิยมในประเทศฝั่งตะวันตก ยกเว้นอังกฤษที่มีวัฒนธรรมการดื่มชา ที่เรียกว่า ”British tea” แต่ปัจจุบันพบว่า การดื่มกาแฟได้แพร่หลายไปในหลายพื้นที่ และพบว่ามีคนดื่มกาแฟเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้จึงอยากมาแชร์วิธีการดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์ ดีต่อสุขภาพเรามาดูกันเลยค่ะ

  • วิธีเลือกชนิดของกาแฟ ให้ได้ประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ

กาแฟอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งพบมากถึงพันชนิด แต่หลัก ๆ ก็คือ Chlorogenic acid (มีคาเฟอีนอยู่ในนี้ ) กับ โฟลีฟีนอล (Polyphenal) โดยจากงานวิจัยในประเทศนอร์เวย์ พบว่า ร่างกายของคนเราได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากกาแฟ มากกว่าสารต้านอนุมูลอิสระจาก ชา ผัก และผลไม้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วจะเลือกชนิดของกาแฟอย่างไรให้ได้ประโยชน์ จากหลายงานวิจัยที่สรุปว่า กาแฟดำคือกาแฟ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด ทั้งนี้เพราะกาแฟดำไม่มีน้ำตาลและพลังงานให้กวนใจ การดื่มกาแฟดำโดยปราศจากน้ำตาลและสารให้ความหวานจึงทำให้ปลอดภัยจากโรคอ้วน เบาหวาน ความดัน ไขมัน และโรคหัวใจมากที่สุด

  • วิธีเลือกเวลาในการดื่มกาแฟ ให้ได้ประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ

เวลาที่แนะนำให้ดื่มกาแฟ คือ หลังจากตื่นนอน 1 ชั่วโมง เช่นหากเราตื่นนอนตอนเช้าประมาณ 8 โมงเช้า ก็ควรจะดื่มกาแฟหลังจากเวลา 09:00 เนื่องจากช่วงเวลาหลังจากตื่นนอนใหม่ ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ยังสูง ฮอร์โมนคอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด ทำให้ร่างกายตื่นตัว ดังนั้นการดื่มกาแฟตอนเช้าทันทีหลังจากตื่นนอน จึงไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ เวลาที่ควรดื่มกาแฟอีกครั้ง คือประมาณช่วงบ่าย และควรงดเว้นการดื่มกาแฟประมาณ 4 ชั่วโมงก่อนเข้านอนเว้นแต่คุณเป็นคนดื้อต่อคาเฟอีนคาเฟอีนไม่ได้มีผลต่อการนอนหลับ

  • วิธีเลือกปริมาณของกาแฟในการดื่มต่อวัน ให้ดีต่อสุขภาพ

แม้กาแฟจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพมากมาย แต่กาแฟก็มีคาเฟอีนเป็นสารประกอบหลัก ที่หากได้รับมากเกินไปก็อาจจะทำให้เป็นผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกันโดยปริมาณของสารคาเฟอีนที่แนะนำว่าจะไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ คือ ไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน

โดยกาแฟแต่ละชนิดมีปริมาณของสารคาเฟอีนที่แตกต่างกัน โดยพบว่ากาแฟคั่ว หรือ กาแฟดริปพบสารคาเฟอีนมากถึง 100 มิลลิกรัมต่อการชง 180 ml ส่วนกาแฟสำเร็จรูปพบคาเฟอีน 90 มิลลิกรัมต่อการชง 180 ml แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการชง ขั้นตอน และแหล่งที่ผลิตกาแฟด้วย ดังนั้นหากเราดื่มกาแฟบดก็ไม่ควรเกิน  3-4 แก้วต่อวัน

คาเฟอีนในเครื่องดื่มชา และกาแฟ อ่านต่อได้ใน ชาเขียว กับ กาแฟ  อะไรมีสารคาเฟอีน มากกว่ากัน ?

ประโยชน์ของกาแฟ อ่านต่อได้ใน 8 ประโยชน์ของกาแฟ ที่ไม่ได้แค่แก้ง่วง

อย่างที่บอกค่ะว่า กาแฟแม้จะมีประโยชน์มาก แต่ก็มีโทษต่อสุขภาพเช่นกัน ดังนั้นการเลือกวิธีดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงจำเป็นเช่นกัน และทั้ง 3 วิธีดื่มกาแฟนี้จะช่วยให้ร่างกายเราได้ประโยชน์มากกว่าได้โทษจากกาแฟแถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วยวันนี้ลาไปก่อนแล้วกลับมาพบกันใหม่นะคะ

แชร์ให้เพื่อน