7 โรคที่ควรกินสับปะรด ประโยชน์เยอะจนต้องทึ่ง

แชร์ให้เพื่อน

7 โรคที่ควรกินสับปะรด ประโยชน์เยอะจนต้องทึ่ง

สับปะรดเป็นผลไม้ที่อยู่กับคนไทยมาช้านาน ซึ่งเราจะนำสับปะรดมากินเป็นผลไม้สด หรือจะนำมาทำอาหาร เช่น ข้าวผัดสับปะรด แกงสับปะรด หรือ จะนำมาทำน้ำปั่นรวมกับผลไม้ชนิดอื่นก็ดีงาม วันนี้เราจะไปดู 7 โรคที่ควรกินสับปะรด ดีต่อสุขภาพสำหรับสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของสับปะรดอ่านต่อได้ในบทความ

เรามาดูกันเลยค่ะว่ามีโรคอะไรบ้างที่ควรกินสับปะรด

1.โรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นลำดับต้น ของโลก ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ของโรคหัวใจ ก็คือ เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือด ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตกะทันหัน สาเหตุร่วมของโรคหัวใจก็เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง สำหรับสับปะรดมีเอนไซม์บรอเมเลน (bromelain)  ที่ออกฤทธิ์ป้องกันการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด หรือป้องการเลือดเป็นลิ่มนอกจากนี้พบว่าการบรอเมเลนในสับปะรดยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจได้ด้วยใครที่มีปัญหาโรคหัวใจโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจเช่นไขมันในเลือดสูงความดันโลหิตสูงก็อย่าลืมกินสับปะรดป้องกันโรคหัวใจกันด้วยนะคะ

2.โรคไขมันเกาะตับและไขมันในเลือดสูง

โรคไขมันเกาะตับ เป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับและมีโอกาสที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งในสับปะรดมีสารไฟโตสเตอรอลที่ช่วยสลายไขมันเกาะตับและยังช่วยป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับนอกจากนี้สับปะรดยังช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

3.โรคลำไส้อักเสบ

โรคลำไส้อักเสบเป็นปัญหาด้านสุขภาพและอาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาและผ่าตัด ซึ่งจากข้อมูลปี 2017 พบผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบมากถึง 6,8 ล้านคนทั่วโลก สำหรับเอนไซม์ บรอเมเลน ที่พบในสับปะรด สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคลำไส้อักเสบได้ เนื่องจากเอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรดออกฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบนอกจากนี้เอนไซม์บรอเมเลนยังช่วยให้การรักษาแผลในลำไส้ได้ผลดีอีกด้วย

4.โรคข้ออักเสบ

โรคข้ออักเสบแม้ไม่ใช่โรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็เป็นปัญหาสุขภาพที่ก่อให้เกิดความไม่สุขสบาย และทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ โรคข้ออักเสบรวมทั้งโรคข้อเข่าเสื่อม (osteoarthritis) และข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) ซึ่งจากการทดลองพบว่าเอนไซม์ บรอเมเลนในสับปะรดช่วยบรรเทาอาการปวด และลดอาการอักเสบในโรคข้ออักเสบได้ นอกจากนี้ยังพบว่าหากใช้เอนไซม์บรอเมเลนจากสับปะรด รักษาคู่กับสมุนไพรชนิดอื่น เช่นสารเคอร์คูมิน จากขมิ้นชันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคข้ออักเสบได้ดียิ่งขึ้น 

5.โรคภูมิแพ้

จากงานวิจัยพบว่า เอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรด ช่วยให้การรักษาโรคภูมิแพ้มีอาการดีขึ้น ทั้งนี้รวมทั้งโรคหอบหืดด้วยเช่นกัน

6.โรคไซนัสอักเสบ

โรคไซนัสอักเสบ แม้ไม่ใช่โรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็เป็นปัญหาสุขภาพที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการรักษา โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่า เอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรด ทำหน้าที่ช่วยลดการอักเสบ จึงช่วยลดระยะเวลาการรักษาโรคไซนัสอักเสบ

7.โรคโควิด

โรคโควิดเป็นระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ซึ่งจากงานวิจัยล่าสุดพบว่าไวรัสโคโรน่าที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด จะทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ เลือดแข็งตัว และไปลดฮอร์โมนที่ช่วยในปฏิกิริยาการแข็งตัวของเลือด ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้มีผลกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด จากการวิจัยโดยใช้ เอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรด และสารเคอร์คูมินจากขมิ้นชัน พบว่าช่วยให้การรักษาโรคโควิดได้ผลดียิ่งขึ้น

และทั้งหมดนี้คือ 7 โรคที่ควรกินสับปะรด ดีต่อสุขภาพ ที่เอามาฝากวันนี้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า เอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรด ช่วยให้การรักษาโรคต่าง ได้ผลดียิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสับปะรดบางพันธุ์อาจจะมีรสหวานมาก อาจทำให้น้ำตาลสูงในผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานจึงจำเป็นต้องรับประทานสับปะรดด้วยความระมัดระวัง สำหรับผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานกินได้ อ่านต่อได้ใน 10 ผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานกินได้ คุมน้ำตาล ลดไขมัน ป้องกันโรคหัวใจ (trueid.net)  แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้านะคะ

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10123163/

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8534447/

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3984586/

By HealthyBestCare

แชร์ให้เพื่อน