โทษของน้ำตาล ที่ไม่ได้แค่ทำให้เป็นเบาหวาน ”รู้แล้ว มีหนาว!”
ปัจจุบันเราใช้ในน้ำตาลในการทำอาหารแทบทุกชนิด ทั้งเมนูคาว เมนูหนาว นอกจากนี้ในเครื่องดื่มสำเร็จ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชาเย็น กาแฟเย็น ล้วนมีน้ำตาลทั้งสิ้น จากรายงานการวิจัยพบว่า น้ำตาลมีโทษมากกว่าประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์เรา และจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่าคนที่ป่วย และเสียชีวิตด้วยโรคที่เกิดจากการกินน้ำตาลที่มากเกินไป มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้ HealthyBestCare จะมาชวนคุณผู้อ่านมาพบกับ โทษของน้ำตาล งานนี้บอกเลยว่า รู้แล้ว มีหนาว กันแน่นอนค่ะ
ในแต่ละวันเรารับน้ำตาลอะไรเข้าสู่ร่างกายบ้าง
น้ำตาลที่เรารับเข้าสู่ร่างกายในแต่ละวันมีได้หลากหลายเช่น
- น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (monosaccharides) ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคสกาแลกโต๊สฟรุ๊กโต๊ส
- น้ำตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharides) ประกอบด้วย น้ำตาล Sucrose, lactose, maltose, trehalose
- สารที่ให้ความหวานทดแทนน้ำตาล (Polyols) ประกอบด้วย Sorbitol, mannitol, lactitol, xylitol, erythritol, isomalt, maltitol
- น้ำตาลอิสระ (Free sugar) เป็นน้ำตาลที่เติมเข้าไปในอาหารโดยโรงงานผู้ผลิตรวมทั้งน้ำตาลที่ได้ตามธรรมชาติเช่นจากน้ำผึ้งจากผลไม้
โทษของน้ำตาลต่อสุขภาพ
อย่างที่กล่าวตั้งแต่ต้นว่าโทษของน้ำตาลต่อสุขภาพมีมากมายและน้ำตาลไม่ได้ส่งผลให้แค่เป็นโรคอ้วนหรือเบาหวานแต่น้ำตาลมีโทษและส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเรามากกว่านั้นเรามาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
- โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคต่อมไร้ท่อ และการเผาผลาญอาหาร 34%
- โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงต่อความเสี่ยงโรคมะเร็ง 30%
- โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 20%
- โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคอื่น ๆ 10%
- โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคระบบประสาท 4%
- โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับฟันและช่องปาก 2%
ต่อไปเรามาดูกันค่ะว่าในแต่ละวันเรามีโอกาสได้รับน้ำตาลทางใดบ้าง
- มื้อเช้า รับประทานข้าว กับ ผัดเปรี้ยวหวาน ทำเอง
ข้าวหอมมะลิหุงสุก100 กรัม มีน้ำตาล 0,1 กรัม แป้ง 25 กรัมซึ่งแป้งก็สามารถเปลี่ยนน้ำตาลได้เช่นกันลองมาดูกับข้าวผัดเปรี้ยวหวานน้ำตาลจากสับปะรดผักผลไม้อื่นๆและถ้าเป็นคนติดหวานผัดเปรี้ยวหวานจานนั้นก็อาจจะเติมน้ำตาลเข้าไปอีก
- ซื้อกาแฟ หรือ ชาเย็นไปกินที่ทำงาน
สำหรับกาแฟเย็นหรือชาเย็นก็ขึ้นกับปริมาณน้ำตาลที่เราชอบหวานมากก็รับน้ำตาลเข้าไปมากหวานน้อยก็รับน้ำตาลเข้าไปน้อย
- มื้อเที่ยง กินข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ดื่มน้ำโค้ก ที่ร้านใกล้ที่ทำงาน
ข้าวเหนียวก็มีทั้งน้ำตาลและแป้งส้มตำน้ำตาลอย่างต่ำหนึ่งช้อนไก่ย่างแบบแซ่บๆก็ผสมรวมในขั้นตอนการหมักนอกจากนี้เรารับน้ำตาลจากน้ำโค้กเข้าไปอีก
- หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ ซื้อสับปะรด กับฝรั่งไปนั่งกินระหว่างทำงาน
อย่างที่เขียนตั้งแต่ต้น สับปะรดก็มีน้ำตาล ฝรั่งก็มีน้ำตาล แต่น้ำตาลจากผลไม้ก็ยังไม่อันตรายเท่าน้ำตาลที่เติมเข้าไปในอาหาร
- บ่ายสอง เพื่อนแบ่งเค้กให้ชิม
น้ำตาลจากเค้กก็แบ่งกันรับกับเพื่อนคนละครึ่ง
- มื้อเย็น แวะซื้อข้าวที่เซเว่นหนึ่งกล่อง ดื่มน้ำเปล่า
ข้าวกล่องที่คนอื่นทำให้กินเพื่อความอร่อยเราก็รับน้ำตาลจากอาหารเพิ่มไปอีกเล็กน้อย
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จรู้สึกเพลียก็นั่งเล่นเกมส์ดูหนังฟังเพลงต่อและอาบน้ำเข้านอนเพื่อเตรียมตัวไปทำงานวันถัดไป
จากที่เขียนเล่ามาเราก็พอจะรู้ว่าในหนึ่งวันเรารับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายมากน้อยแค่ไหนและเราก็พอจะเดาออกว่าเราเอาพลังงานออกมากน้อยเพียงใดแล้วแบบนี้จะไม่ให้คนยุคใหม่เกิดโรคอ้วนโรคหัวใจเบาหวานความดันมะเร็งมากขึ้นได้อย่างไรในเมื่อถ้าเราเทียบกับสมัยก่อนที่คนไม่นิยมใส่น้ำตาลในการปรุงอาหารและคนสมัยก่อนก็มักจะประกอบอาชีพเกษตรกรรมกินข้าวเยอะแต่ก็เอาออกไปเยอะเช่นกันวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะแล้ววันหลังจะมาแชร์เรื่องโทษของน้ำตาลให้อ่านเพิ่มเติมอย่างไรแล้วอย่าลืมลดน้ำตาลกันนะคะเพราะโทษของน้ำตาลต่อร่างกายมีมากกว่าประโยชน์จริงๆ
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10074550/#ref24
By HealthyBestCare