10 ผลไม้ไม่ถูกกับโรค คนมีโรคประจำตัวต้องระวัง!!

แชร์ให้เพื่อน

10 ผลไม้ไม่ถูกกับโรค คนมีโรคประจำตัวต้องระวัง!!

แม้ผักและผลไม้จะมีทั้งวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญต่อร่างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกกับทุกคน ถูกกับทุกโรค เพราะผักผลไม้ และอาหารที่เรารับประทานในแต่ละวัน มีผลโดยตรงกับสุขภาพของเราเอง วันนี้จะชวนมาอ่าน 10 ผลไม้ไม่ถูกกับโรค คนมีโรคประจำตัวต้องระวัง  เรามาดูกันเลยค่ะ
10 ผลไม้ไม่ถูกกับโรค คนมีโรคประจำตัวต้องระวัง!!

  • ผลไม้ตากแห้ง
  • อโวคาโด
  • ทุเรียน
  • กล้วย
  • ฝรั่ง
  • กีวี่
  • ราสเบอรี่
  • อินทผาลัมตากแห้ง
  • มะเฟือง
  • เกรปฟรุต

10 ผลไม้ไม่ถูกกับโรค คนมีโรคประจำตัวต้องระวัง!!
ผลไม้ไม่ถูกกับโรคไต ต้องระวัง!!
สำหรับคนเป็นโรคไต ทั้งไตวายแบบเฉียบพลัน หรือไตวายเรื้อรัง ทำที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานของไตลดลง หรือ บางกรณีไตไม่สามารถทำงานได้ จนต้องเข้ารับการฟอกไตที่โรงพยาบาล การเลือกกินอาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญ และนี่คือ 5ผลไม้ที่ไม่ถูกกับโรคไต ที่ระวัง ไม่กินดีที่สุด



ผลไม้ตากแห้ง
ผลไม้ตากแห้งต่าง ๆ ก็มีปริมาณโพแทสเซียมสูงมาก ตัวอย่างองุ่นตากแห้ง หรือลูกเกด ในปริมาณ 100 กรัม มีโพแทสเซียมสูงถึง 750 มิลลิกรัม หรือ ประมาณ 37,5% ของปริมาณโพแทสเซียมที่ควรได้รับต่อวัน หรืออย่างอินทผาลัมตากแห้ง 100 กรัม มีโพแทสเซียมประมาณ 650 มิลลิกรัม หรือประมาณ 32,5% ของปริมาณโพแทสเซียมที่ควรได้รับต่อวัน  



อโวคาโด
อโวคาโดเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญหลายชนิด แต่คุณรู้หรือไม่ว่า อโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูงมาก โดยอโวคาโดขนาด 100 กรัมมีโพแทสเซียมสูงถึง 600 มิลลิกรัม หรือ ประมาณ 30% ของปริมาณโพแทสเซียมที่ควรได้รับต่อวัน  โดยถ้าเป็นอโวคาโดลูกเล็กมีน้ำหนักประมาณ 100 กรัม ถ้าลูกกลาง ๆ น้ำหนักประมาณ 120 กรัม มีโพแทสเซียมประมาณ 720 มิลลิกรัม



ทุเรียน
ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ซึ่งมีทั้งพลังงานที่ได้จากคาร์โบไฮเดรตและไขมัน โดยทุเรียน 100 กรัมให้พลังงานมากถึง 147 kcal และมีโพแทสเซียมสูงถึง 436 มิลลิกรัม หรือประมาณ 21,8% ของปริมาณโพแทสเซียมที่ควรได้รับต่อวัน และถ้าเราเป็นโรคไตวายหมอจำกัดโพแทสเซียมไม่เกิน 2000 มิลลิกรัมต่อวัน หากวันนั้นเรากินทุเรียนไปสองพูใหญ่นำหนักทุเรียนที่มากเกิน 500 กรัม ร่างกายเราก็จะได้รับโพแทสเซียมเกินอย่างรวดเร็ว ดังนั้นคนเป็นโรคไตจึงต้องระวังการกินทุเรียนให้มากค่ะ และไม่ใช่แค่คนเป็นโรคไตเท่านั้นที่ต้องระวัง คนเป็นเบาหวานก็ต้องระวังเช่นกันค่ะ



กล้วย
กล้วย เป็นผลไม้ที่หาได้ง่าย มีประโยชน์มากมาย แต่กล้วยก็อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่คนเป็นโรคไตวายต้องระวังอย่างมากเช่นกัน โดยในกล้วย 100 กรัม มีโพแทสเซียมสูงถึง 395 มิลลิกรัม หรือประมาณ 19,8% ของปริมาณโพแทสเซียมที่แนะนำต่อวัน โดยกล้วยลูกเล็กถึงกลางน้ำหนักประมาณ 120-125 กรัม มีโพแทสเซียมประมาณ 470 มิลิกรัม ถ้ากล้วยหอมลูกใหญ่น้ำหนักประมาณ 150 กรัม มีโพแทสเซียมประมาณ 590 มิลลิกรัม



ฝรั่ง
สำหรับฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก แต่ฝรั่งก็ไม่ถูกกับโรคไต โดยเฉพาะไตวายเช่นกัน โดยฝรั่งน้ำหนัก 100 กรัม มีโพแทสเซียม 285 มิลลิกรัม หรือประมาณ 14,2% ของปริมาณโพแทสเซียมที่แนะนำต่อวัน สำหรับฝรั่ง 1 ลูกมีน้ำหนักประมาณ 150 กรัม มีโพแทสเซียมประมาณ 430 มิลลิกรัม



กีวี่
กีวี่เป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่ไม่ถูกกับโรคไต โดยเฉพาะไตวาย เนื่องจากในกีวีมีปริมาณโพแทสเซียมสูง เช่นเดียวกับกล้วย โดยในกีวี่ 100 กรัม มีโพแทสเซียม 270 มิลลิกรัม หรือ ประมาณ 13,5% ของปริมาณโพแทสเซียมที่แนะนำต่อวัน สำหรับกีวี่นอกจะไม่ถูกกับโรคไตแล้ว หากคุณเป็นภูมิแพ้และรู้สึกไม่สบายก็ควรเลี่ยงหรือกินในปริมาณน้อย อ่านต่อได้ใน 10 ผลไม้ไม่สบาย ห้ามกิน! ไม่สบายห้ามกินผลไม้อะไร? | TrueID Creator
สำหรับคนไข้โรคไต ส่วนใหญ่หมอจะจำกัดปริมาณโพแทสเซียมเนื่องจากโพแทสเซียมที่กินเข้าไปไม่สามารถขับออกทางไตได้ และในอาหารที่เรากินในแต่ละวันส่วนใหญ่ก็จะมีส่วนผสมของโพแทสเซียม ทำให้ถ้าเรากิน 6 ผลไม้ที่กล่าวมาข้างต้นอาจจะทำให้ร่างกายเราได้รับโพแทสเซียมที่มากเกินไป โดยอาการที่เกิดจากโพแทสเซียมสูง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ร่างกายอ่อนล้า หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจจะทำให้เป็นอัมพาต หรือเสียชีวิตได้เช่นกัน
นอกจากนั้นยังมีผลไม้ที่ไม่ถูกกับคนเป็นโรคนิ่วในไต ซึ่งบางคนอาจมีนิ่วที่ไต แต่อาจจะเป็นก้อนเล็ก ๆ ที่อาจจะเคยมีอาการ แล้วนิ่วหลุดไปเอง หรือ อาจจะตรวจพบโดยบังเอิญ แต่ยังไม่มีอาการจนต้องได้รับการรักษา และนี่คือผลไม้ที่ไม่ถูกกับโรคนิ่วที่ไต


ผลไม้ที่ไม่ถูกกับคนเป็นโรคนิ่วในไต ต้องระวัง!!


ราสเบอรี่
ราสเบอรี่เป็นผลไม้ของทางตะวันตก ซึ่งมีสาร Oxalates สูงมาก โดยราสเบอรี่ 1 ถ้วย มีอ็อกซาเลตสูงถึง 48 มิลลิกรัม โดยสารอ็อกซาเลตตัวนี้เสี่ยงที่จะทำให้เกิดนิ่วในไตได้เช่นกัน
อินทผาลัมตากแห้ง
อินทผาลัมตากแห้ง เป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีรสหวาน ชาวอาหรับนิยมเอามาทำขนม หรือเป็นส่วนประกอบในอาหาร สำหรับอินทผาลัมตากแห้ง 1 เม็ด มีอ็อกซาเลตสูงถึง 24 มิลลิกรัม ซึ่งถ้าเรากินเข้าไปสัก 10 ลูกก็รับอ็อกซาเลตเข้าไปเต็ม ๆ 240 มิลลิกรัม นอกจากอ็อกซาเลตที่สูงแล้วในอินทผาลัมแห้งยังมีแคลอรี่สูงถึง 299 kcal ต่ออินทผาลัม 100 กรัม เทียบเท่ากับกินน้ำตาลก้อนเข้าไปถึง 17 ก้อน ดังนั้นคนเป็นโรคไต เบาหวาน นิ่วก็อย่ากินเลยดีกว่าค่ะ



มะเฟือง
สำหรับมะเฟืองเป็นผลไม้ที่มีอ็อกซาเลตสูง และถ้ากินนาน ๆ อาจจะไปทำลายไตได้ ดังนั้นสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องไต หรือ กินยาบางชนิดอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพราะมะเฟืองจะมีฤทธิ์ต่อยาบางชนิดเช่นเดียวกับเกรปฟรุต



เกรปฟรุต
เกรปฟรุตเป็นผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ มีวิตามินและเกลือแร่และสารแอนตี้ออกซิแดนซ์สูง ซึ่งเราเคยเขียนถึงในบทความ 10 ผลไม้ น้ำตาลน้อย แคลอรี่ต่ำ สำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก ไปแล้ว แต่อย่างที่บอกค่ะว่าเกรปฟรุตมีสารบางชนิดไปขัดขวางการทำงานของเอ็นไซม์ในลำไส้ที่ช่วยในการทำลายยา ดังนั้นถ้าเรากินเกรปฟรุตเข้าไปจะทำให้ยาที่เรากินเข้าไปไม่มีเอนไซม์ไปช่วยทำลาย อาจจะทำให้ปริมาณยาในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งจากรายงานวิจัยของต่างประเทศ พบว่าแม้จะดื่มน้ำเกรปฟรุตเข้าไปแค่ 100-200 ml ก็ทำให้ประสิทธิภาพของยาเพิ่มสูงขึ้นได้ โดยยาที่มีผลกับเกรปฟรุต หรือน้ำเกรปฟรุต ได้แก่
– ยาลดไขมันกลุ่ม Statin เช่น Simvastatin, Atorvastatin และ Lovastatin
– ยาลดความดัน เช่น Losartan, felodipin, amlodipin ฯลฯ
– ยาคลายเครียด เช่น Diapam หรือ Daizepam อาจจะทำให้ปริมาณยาในร่างกายมีปริมาณสูงขึ้น อาจจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยเพลีย ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อการขับขี่ได้

ดังนั้นคนไข้ที่มีโรคประจำตัว และกินยาเหล่านี้อยู่ จึงต้องระมัดระวังในการกิน หรือ ดื่มน้ำเกรปฟรุต และอย่างที่เรากล่าวถึงในบทความก่อนหน้าว่า เกรปฟรุตเป็นผลไม้ผสมสายพันธุ์ระหว่างส้มและส้มโอ ดังนั้นการจะกินส้มโอเมื่อมีโรคประจำตัวและกินยาเหล่านี้อยู่ก็ต้องระวังเช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือ 10 ผลไม้ไม่ถูกกับโรคที่เราเอามาฝากวันนี้

หากอ่านแล้วชื่นชอบ รบกวนแชร์ให้เพื่อนฝูงหรือคนที่เป็นโรคเหล่านี้ได้อ่านกัน แล้วจะพยายามหาเรื่องอื่นที่น่าสนใจมาฝากกัน แล้วพบกันใหม่นะคะ

แชร์ให้เพื่อน