ชาเขียว กับ กาแฟ อะไรมีสารคาเฟอีน มากกว่ากัน ?
ชา และกาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งทั้ง ชา และกาแฟ ก็เป็นเครื่องดื่มที่มีที่มีส่วนผสมของสารคาเฟอีนทั้งคู่ และคุณรู้หรือไม่ว่า ชาเขียว กับ กาแฟ อะไรมีคาเฟอีนมากกว่า ?
สำหรับประโยชน์ของชา กาแฟ อ่านต่อได้ที่นี่
- 6 ประโยชน์ที่ไม่ควรพลาดดื่ม ”ชาเขียว”
- 5 ประโยชน์ของชาเขียวมัทฉะ Matcha Green Tea
- 8 ประโยชน์ของกาแฟ ที่ไม่ได้แค่แก้ง่วง
ทำความรู้จักสารคาเฟอีนกันก่อน
สารคาเฟอีน (Caffeine) เป็นสารที่พืชสร้างขึ้นมา โดยสารคาเฟอีนไม่ได้มีคุณค่าทางสารอาหารอะไรต่อพืชโดยตรง เพียงแต่พืชสร้างขึ้นมาเพื่อขับไล่แมลงไม่ให้มารบกวน ซึ่งพบได้ในพืชมากกว่า 60 ชนิดทั่วโลก แต่ที่เรารู้จักกันดีว่ามีสารคาเฟอีนอยู่ตามธรรมชาติ เช่นใน ชา กาแฟ เมล็ดโกโก้ และอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนผสมอยู่ เช่น ช็อกโกแลต โซดา เครื่องดื่มชูกำลัง ยาบางชนิด โค้ก หรือหมากฝรั่ง ก็มีคาเฟอีนเช่นกันต่อไปเรามาดูประโยชน์ของคาเฟอีนต่อร่างกายเรากันค่ะ
ประโยชน์ของคาเฟอีน
ประโยชน์ของคาเฟอีนหลัก ๆ เลยก็คือ ทำให้รู้สึกตื่นตัว ลดอาการอ่อนเพลีย ทำให้มีแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนั้นงานวิจัยล่าสุดพบว่า คนที่ดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง จะช่วยลดความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์
เทียบปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่มชาเขียว และกาแฟ
เมื่อเปรียบเทียบปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่มชาเขียวและกาแฟพบปริมาณของสารคาเฟอีนที่แตกต่างกันดังนี้
- ในชาเขียวมัทฉะอยู่ในช่วงประมาณ 18.9 – 44.4 mg/g
- ในชาเขียวทั่วไปอยู่ในช่วงประมาณ 11.3–24.67 mg/g
- ในกาแฟบดในอยู่ช่วงประมาณ 10.0–12.0 mg /g
จากข้อมูลดังกล่าวจะพบว่า เมื่อเทียบกับน้ำหนักของเครื่องดื่มชา และกาแฟที่ปริมาณเท่ากันจะพบว่า ชาเขียวมัทฉะมีสารคาเฟอีนมากที่สุด รองลงมาเป็นชาเขียวทั่วไป และกาแฟมีปริมาณของคาเฟอีนน้อยที่สุด แต่เมื่อเราไปเทียบปริมาณสารคาเฟอีนเมื่อชงด้วยน้ำขนาด 180 ml เท่ากันพบว่า
- ขาเขียวชง 180 ml พบสารคาเฟอีน 35 มิลลิกรัม
- ชาดำชง 180 ml พบสารคาเฟอีน 70 มิลลิกรัม
- กาแฟดริป 180 ml พบสารคาเฟอีน 100 มิลลิกรัม
- กาแฟสำเร็จรูป 180 ml พบสารคาเฟอีน 90 มิลลิกรัม
- โกโก้ชง 180 ml พบสารคาเฟอีน 13 มิลลิกรัม
ข้อสังเกต 1: ทั้งนี้ปริมาณของสารคาเฟอีนในเครื่องดื่มชาและกาแฟ อาจมีความแตกต่างกันบ้างโดยขึ้นกับพื้นที่วิธีการปลูกขึ้นตอนและวิธีการผลิต
ข้อสังเกต 2: กาแฟดริป เป็นการชงกาแฟโดยการเทน้ำร้อนผ่านผงกาแฟ ซึ่งจะสามารถดึงรสชาติของกาแฟได้เป็นอย่างดี
หลายคนอาจจะเห็นตัวเลขแล้วสงสัยว่า ทำไมตัวเลขข้างบนพบว่าชาเขียวมีปริมาณสารคาเฟอีนมากกว่า แล้วทำไมเมื่อชงที่ปริมาณน้ำเท่ากัน 180 ml ทำไมชาเขียวถึงได้มีสารคาเฟอีนน้อยกว่าคำตอบก็คือเวลาเราชงชาหรือกาแฟเราจะใช้น้ำหนักของชาในการชงน้อยกว่ากาแฟนั่นจึงสนับสนุนว่าทำไมเมื่อชงสำเร็จชาจึงมีปริมาณของสารคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟ
คุณรับสารคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายมากน้อยแค่ไหน ?
ปริมาณคาเฟอีนที่รับเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะจากเครื่องดื่ม ชา กาแฟ โกโก้ ช็อกโกแลต ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ระดับดังนี้ค่ะ
- ผู้บริโภคคาเฟอีนระดับอ่อน (Low caffeine) น้อยกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวัน
- ผู้บริโภคคาเฟอีน ระดับกลาง (Moderate caffeine) 200 – 400 มิลลิกรัมต่อวัน
- ผู้บริโภคคาเฟอีน ระดับสูง (High caffeine) มากกว่า 400 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับปริมาณคาเฟอีนที่แนะนำในผู้ใหญ่ที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง คือไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวันซึ่งหากได้รับในคาเฟอีนในปริมาณนี้โอกาสจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายค่อนข้างน้อยแต่ถ้าร่างกายได้รับสารคาเฟอีนเกินนี้ก็อาจจะมีผลเสียต่อสุขภาพได้เดี๋ยววันหลังจะเอามาฝากนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7796401/
Caffeine: Cognitive and Physical Performance Enhancer or Psychoactive Drug? – PMC (nih.gov)