อร่อยกับน้ำยาขนมจีนตีนไก่สูตรนางพยาบาล

แชร์ให้เพื่อน

อร่อยกับน้ำยาขนมจีนตีนไก่สูตรนางพยาบาล

หลังจากไปตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดมาเมื่อวาน รู้สึกขมคอมากเนื่องจากการฉีดสารทึบแสง อยากกินขนมจีนน้ำยาตีนไก่ขึ้นมาทันทีเพราะงดน้ำงดอาหารตั้งแต่หกโมงเช้าถึงบ่ายสองเลย จึงลงมือเข้าครัวทำขนมจีนน้ำยาตีนไก่สูตรนางพยาบาลเรามาดูกันเลยว่ามีส่วนผสมและวิธีทำยังไงบ้าง

ส่วนประกอบของน้ำยาขนมจีนตีนไก่สูตรนางพยาบาล

* มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม
* เนื้อปลาช่อน ½ กิโลกรัม
* ปลาทู 1 ตัวใหญ่
* กระเทียม 2 หัว
* หอมแดง 10 หัว
* ข่า ตะไคร้ รากผักชี
* กระชายขาว 1 กำมือ
* พริกแห้ง 20 เม็ด
* ใบมะกรูด 1 กำมือ
* ปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
* เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ
* ผงนัว 1 ช้อนโต๊ะ
* ขนมจีน 5 กิโลกรัม
* ตีนไก่ 1 กิโลกรัม
* ถั่วฝักยาว โหระพา แตงกวา หรือตามชอบ เน้นผักริมรั้ว
* ต้นหอม 5 ต้น

วิธีทำน้ำยาขนมจีนตีนไก่สูตรนางพยาบาล

* ตั้งหม้อต้มส่วนผสมของน้ำยาตีนให้เดือดกับเตาถ่าน
* เมื่อต้มน้ำเดือดใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด รากผักชี กระชายขาว หอมแดง กระเทียม พริกแห้ง เกลือ ปลาร้า กะปิ
* หลังจากนั้นใส่ปลาช่อน ปลาทูต้มจนเนื้อปลาและเครื่องปรุงจนสุก
* ตักเนื้อปลาและปลาทูหอมแดงตำให้ละเอียดแยกไว้
* ตำพริกให้ละเอียดพักไว้
* ตำกระชายขาวให้ละเอียดพักไว้
* คั้นน้ำมะพร้าวตั้งไฟจนแตกน้ำกะทิ ใส่พริก กระชาย เนื้อปลาลงผัด ใส่น้ำต้มเครื่องปรุงโดยกรองเอาแต่น้ำใส่ลงไป
* เติมผงนัว น้ำปลา ชิมรสชาติตามชอบ ใส่ต้นหอมหั่น
* ใส่ตีนไก่ที่ต้มเปื่อยลงไป แค่นี้ก็ได้น้ำยาตีนไก่สูตรนางพยาบาลพร้อมเสิร์ฟกับผักริมรั้วรสชาติอร่อยเลยคะ
* สามารถเสิร์ฟได้ประมาณ 30 จาน

วิธีต้มตีนไก่ให้หอม อร่อย ไม่มีกลิ่นคาว

* ตั้งไฟเดือด ใส่ตะไคร้ ข่า ใบเตยหอม เกลือเล็กน้อย
* ต้มจนตีนไก่เปื่อยยกลงพักไว้
* ตีนไก่เปื่อย มีกลิ่นหอมใบเตย ไม่มีกลิ่นคาว

น้ำยาตีนไก่สูตรนางพยาบาลอุดมไปด้วยสมุนไพรไทยแถมได้คอลลาเจนจากตีนไก่ช่วยชะลอวัยอีกด้วย กระชาย ตะไคร้ช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งต้านโควิด รสชาติอร่อย ได้ประโยชน์จากผักริมรั้วช่วยระบบการขับถ่ายอีกด้วย

เครดิตภาพ จากผู้เขียนทั้งหมด สูตรดัดแปลงจากคุณแม่ยุคเบบี้บูม

แชร์ให้เพื่อน

การเตรียมตัวก่อนไปเอกซเรย์ร่างกาย

แชร์ให้เพื่อน

การเตรียมตัวก่อนไปเอกซเรย์ร่างกาย

เตรียมตัวเพื่อรับการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ด้วยการฉีดสี (CT with contrast)

ในกรณีที่เรามีพยาธิสภาพที่ปอดหลังจากตรวจพบด้วยผลเอกซเรย์ปอดแล้ว การตรวจเอกซเรย์เพื่อวินิจฉัยโรคให้มีความแม่นยำมากขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันถัดมาคือ การตรวจพิเศษทางรังสีร่วมกับการฉีดสารทึบแสงนั่นเอง (CT Scan with contrast)

CT Scan เป็นเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ที่ใช้วิธีการตรวจวินิจฉัยหาความผิดปกติอวัยวะต่างๆ ในร่างกายด้วยการปล่อย X-Ray ผ่านอวัยวะที่ต้องการตรวจร่วมกับการฉีดสารทึบแสง แล้วใช้คอมพิวเตอร์สร้างเป็นภาพอวัยวะภายในร่างกาย ได้ภาพแบบ 3 มิติ ในกรณีที่ต้องดูเนื้องอกหรือเส้นเลือด ซึ่งอาจมีผู้รับการตรวจบางรายแพ้สารทึบรังสี หรือมีโอกาสทำให้เกิดพิษกับไตได้ โดยเฉพาะ ในผู้ที่มีภาวะไตเสื่อม ผู้สูงอายุ จึงต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ สำหรับการตรวจครั้งนี้ผู้เขียนได้รับการตรวจอวัยวะที่ปอดเพื่อช่วยในการวินิจฉัย วางแผนการรักษา และติดตามผลในการรักษาของแพทย์เนื่องจากตรวจพบปัญหารอยโรคของก้อนที่ปอดนั่นเอง

ระยะเวลาในการตรวจ CT scan ใช้เวลานานมากน้อยแค่ไหน?
CT Scan หลอดเอกซเรย์จะปล่อย X-Ray ไปพร้อมๆ กับการหมุนรอบอวัยวะที่ต้องการตรวจ โดยระยะเวลาที่ใช้ในการหมุนให้ครบรอบนั้น ใช้เวลาเพียง 1-2 วินาที ซึ่งรวมแล้วจะใช้เวลาตรวจอยู่ประมาณ 10-15 นาที ต่อในการตรวจอวัยวะนั้นๆ

การเตรียมตัวเพื่อรับการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ด้วยการฉีดสารทึบแสง (CT with contrast)
1. งดน้ำและอาหารก่อนการตรวจ 6 ชั่วโมง สำหรับผู้เขียนนัดตรวจเวลา 14.00 น จึงต้องงดน้ำและอาหารตั้งแต่เวลา 7.00 นเป็นต้อนไปจนกว่าจะตรวจเสร็จ
2. แจ้งเจ้าหน้าที่เวลามานัดหรือก่อนรับการตรวจในกรณีต่อไปนี้

  • ผู้ป่วยต้องแจ้งประวัติการแพ้ยาอื่นๆ
  • ผู้ป่วยต้องแจ้งหากมีประวัติแพ้อาหารทะเล
  • ผู้ป่วยต้องแจ้งหากเคยมีประวัติแพ้สารทึบรังสีมาก่อน
  • สตรีตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ในกรณีนัดตรวจ
  • ผู้ป่วยต้องแจ้งหากมีประวัติโรคประจำตัวต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด และลมบ้าหมู เป็นต้น เพื่อแพทย์พิจารณาให้กินยาแก้ก่อนรับการตรวจ
  • ผู้ป่วยอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปหรือมีโรคประจำตัวควรมีผลค่าการทำงานของไตก่อนการตรวจไม่เกิน 1 เดือน

 

แล้วพบกันในบทความต่อไป จะรีวิวประสบการณ์ในการตรวจให้ทราบหลังจากตรวจเสร็จนะคะ

แชร์ให้เพื่อน

ตรวจเจอก้อนที่ปอด

แชร์ให้เพื่อน

ตรวจเจอก้อนที่ปอด

ก้อนที่ปอดเป็นสัญญาณการเจ็บป่วยที่อาจเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งปอดในที่สุดหากว่าก้อนนั้นเจริญเติบโตโดยไม่หยุด ใครจะรู้ว่าเราใช้ชีวิตโดยไม่เคยสูบบุหรี่เลย ซึ่งการสูบบุหรี่นั้นเป็นสาเหตุต้นๆของโรคมะเร็งปอดเลยทีเดียว

อาการเริ่มต้นของภาวะการเจ็บป่วยก่อนตรวจพบก้อนที่ปอดมีดังนี้
1. มีอาการแน่นหน้าอก หายใจอึดอัด เวลาฝนตก อากาศอับชื้น
2.มีอาการแน่นหน้าอกเป็นช่วงๆ เวลาออกแรงเดินขึ้นบันได
3.อาการเหนื่อยหอบง่ายมากว่าปกติ
4.มีปัญหาปอดติดเชื้อง่ายกว่าปกติ
5.มีอาการปวดเมื่อยบริเวณบ่าไหล่ และสะบักมากกว่าปกติ
6.มีอาการคล้ายไข้หวัด ไอเป็นเลือดร่วมด้วยก็ได้ หรือไอแห้งๆ ช่วงเริ่มต้น

เราสามารถตรวจพบก้อนที่ปอดได้อย่างไร?
เบื้องต้นนั้นการตรวจเจอก้อนที่ปอดจากการตรวจเอกซเรย์ปอดหลังจากนั้นจะตรวจหาการติดเชื้อที่ปอด หากไม่พบการติดเชื้อที่ปอดแล้ว มักจะมองมาที่ประเด็นก้อนที่ปอดหรือมะเร็งปอดนั่นเอง

5 ความรู้สึกเมื่อผู้ป่วยได้รับแจ้งว่ามีก้อนที่ปอด มีอะไรบ้าง มาดูกันเลยคะ
1. เมื่อได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับสุขภาพจะมีความรู้สึกตกใจและปฏิเสธไม่ยอมรับ (Denial) เพราะว่าเมื่อเรามีสุขภาพแข็งแรงดี ต่อมาเจอก้อนที่ปอดทำให้เราตกใจกลัวและไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ยอมรับว่าความเจ็บป่วยนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว พยายามหาผลเอกซเรย์ครั้งก่อนมาเปรียบเทียบว่าก้อนที่เกิดขึ้นนั้นมีมาก่อนแล้ว
2. เมื่อได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับสุขภาพจะมีความรู้สึกกังวล สับสน และโกรธ (Anxiety, anger) อาการที่แสดงว่าเรากังวลได้แก่ นอนไม่หลับ อ่านเนื้อหาเกี่ยวกับอาการก้อนที่ปอด รู้สึกโกรธคนรอบข้างโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ใจ
3. เมื่อได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับสุขภาพจะมีความรู้สึกต่อรอง (Bargaining) ต่อรองในเรื่องของการรักษา ไม่ต้องการเข้ากระบวนการรักษาโรค
4.เมื่อได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับสุขภาพจะมีความรู้สึก เศร้าและหมดหวัง (Depression) ความรู้สึกเศร้าและหมดหวังนี้มักจะแยกตัวออกจากสังคม บางครั้งร้องให้ หรือบางครั้งเก็บกดไม่แสดงออกมานั่นเอง
5.เมื่อได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับสุขภาพจะมีความรู้สึกยอมรับความจริง (Acceptance) การยอมรับความจริงจะเกิดขึ้นในลำดับสุดท้ายและพร้อมที่จะต่อสู้ต่อความเจ็บป่วยต่อไป เริ่มเข้าสู่กระบวนการตรวจหาสาเหตุของก้อนนั้นว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ โดยการตรวจด้วยวิธีเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดร่วมกับการฉีดสีเพื่อให้เห็นรอยโรคที่ปอดชัดเจนขึ้น ถึงแม้ว่าการเกิดก้อนที่ปอดจะเป็นสัญญาณการเริ่มต้นของมะเร็งปอดแต่การมีกำลังใจและยอมรับเพื่อรักษาตั้งแต่เริ่มต้นก็จะทำให้รักษาได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับก้อนที่ปอดได้ในครั้งต่อไป
เนื้อหาจาก คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

แชร์ให้เพื่อน

5 วัคซีนป้องกันไวรัส ปี 2566 โรคร้ายป้องกันได้ด้วยวัคซีน

แชร์ให้เพื่อน

5 วัคซีนป้องกันไวรัส ปี 2566 โรคร้ายป้องกันได้ด้วยวัคซีน

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 
โรคไข้หวัดใหญ่มีอาการหลัก ๆ คือ ไข้ ไอ ปวดตามตัว ไวรัสที่ทำให้เกิดอาการไข้หวัดใหญ่มีหลายชนิด ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เป็นอันตราย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และคนที่ภูมิคุ้มกันไม่ดี ซึ่งวัคซีนไข้หวัดใหญ่มักจะฉีดให้ทั้งคนทั่วไปที่มีความเสี่ยง เช่น เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข และผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หลายประเทศในยุโรปจะฉีดให้ฟรีแก่ผู้ที่มีความจำเป็น และคนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี นอกจากในกลุ่มผู้สูงอายุแล้ว คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะมีอาการร้ายแรง หรือเสียชีวิตเมื่อเจ็บป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ เช่น คนที่มีโรคหัวใจเรื้อรัง คนที่ป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง เบาหวาน โรคตับ โรคไต หรือ คนที่มีโรคภูมิคุ้มกันต่ำอื่น ๆ

ผลข้างเคียงวัคซีนไข้หวัดใหญ่
ผลข้างเคียงแบบรุนแรงจากวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีน้อยมาก แต่อาจจะมีอาการปวด บวม แดง ตำแหน่งที่ฉีดยาได้ นอกจากนั้นคนที่ได้รับวัคซีนอาจจะมีไข้ น้ำมูกไหล ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย ๆ ไม่อันตรายแต่อย่างใด


 

วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด

โรคงูสวัด (Herpes zoster) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสอีกชนิดหนึ่ง อาการของงูสวัดคือ มีตุ่มน้ำใส ๆ ที่จะมีอาการปวด แสบร้อน อาจมีไข้ร่วมด้วย ตามความเชื่อคนโบราณบอกว่า ถ้าเป็นงูสวัดรอบเอว จะทำให้ตายซึ่งในอดีตก็อาจจะเป็นได้ เพราะหากเป็นงูสวัดรอบตัว ก็จะมีอาการจะปวดแสบมากเช่นกัน จากรายงานการศึกษาในประเทศสวีเดนพบว่า 1 ใน 5 คน เคยเป็นงูสวัด ซึ่งงูสวัดเกิดได้ในคนที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสในอดีต โดยเชื้อไวรัสดังกล่าวจะแอบซ่อนอยู่ตามเส้นประสาท และก่อให้เกิดโรคอีกครั้ง ซึ่งก็กลายเป็น งูสวัด ผลกระทบที่เกิดตามมาจากโรคงูสวัด คือ อาการปวดตามเส้นประสาทที่มีอาการมากกว่า 3 เดือน
วัคซีนป้องกันโรคงูสวัดปัจจุบันมี 2 ตัว คือ Zostervax และ Shingrix ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง สำหรับวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดแนะนำให้ฉีดให้คนที่มีอายุมากกว่า 50 ปี หรือ คนที่ต้องการป้องกันเป็นพิเศษ แต่ห้ามฉีดให้คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน คนท้อง หรือ คนที่ป่วยเป็นวัณโรคที่ยังไม่ได้รักษา
อาการข้างเคียงจากวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด คือ ปวด บวม คันตำแหน่งที่ฉีดยา มีอาการปวดหัวซึ่งพบได้บ่อย นอกจากนั้นก็มีอาการ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ มีอาการไม่สบายท้อง เป็นต้น

 


วัคซีนป้องกันป้องกันโรคโควิด-19
โรคโควิด- 19 เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งระบาดไปทั่วโลกตั้งแต่ปี 2019 และยังคงระบาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลาย ๆ คนก็เจ็บป่วยไปแล้วหลายรอบ อาการของโควิด เราคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะทุกคนน่าจะรู้ดี สำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด มีมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งบางคนฉีดไปแล้วมากถึง 5 เข็ม อาการข้างเคียงของวัคซีน สำหรับผู้เขียนคือมีอาการ ปวดหัว และมีอาการเหมือนเป็นหวัดเท่านั้น แต่หลาย ๆ คนก็ไม่มีอาการใด ๆ เลย


วัคซีนป้องกันโรค RSV 
โรคอาร์เอสวี ( Respiratory syncytial virus =RSV) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบหายใจส่วนล่าง บางคนมีอาการรุนแรงจนต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในเด็กทารกและเด็กเล็ก รวมทั้งผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 60ปี และมีโรคประจำตัวอย่างโรคหัวใจ เบาหวาน สำหรับวัคซีนป้องกันโรค RSV มีการวิจัยค้นคว้ามานานแล้ว แต่เพิ่งจะมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งประเทศในยุโรป คาดว่าจะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรค RSV ให้ผู้สูงอายุ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง หรือ ปลายปี 2023

 


วัคซีนป้องกันโรคสมองอักเสบ TBE 
โรคสมองอักเสบ TBE เกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในหมัด ซึ่งพบในพื้นที่ประเทศแถบยุโรป สแกนดิเนเวีย เช่นที่ประเทศสวีเดน ซึ่งจะพบได้เกือบทั้งประเทศ ประเทศในคาบสมุทรบอลข่าน ประเทศรัสเซีย ดังนั้นหากใครที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวป่า หรือ มาเก็บเห็ด เก็บผลไม้ป่าในประเทศเหล่านี้ต้องระวังว่าอาจจะเกิดเจ็บป่วยจากโรคสมองอักเสบ TBE ได้ สำหรับโรคสมองอักเสบ TBE จะพบมากในช่วงหน้าร้อน ในหมัดที่อยู่ในป่ามีการแพร่กระจาย
อาการของโรคสมองอักเสบ TBE คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ ชักเกร็ง ไปจนถึงอาการอัมพาต บางคนที่เจ็บป่วยจากโรคนี้มีอาการตั้งแต่ สับสนเล็กน้อย ไปจนถึงอัมพาต และเสียชีวิตหากไม่ได้รักษาอย่างทันท่วงที ดังนั้นหากเราอยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันจะดีที่สุด
อาการข้างเคียงจากการได้รับวัคซีน ป้องกันโรคสมองอักเสบ TBE คือ อาการปวด บวม แดง ตำแหน่งที่ฉีดยา นอกจากนั้นอาจจะมีอาการไข้ต่ำ ๆ ท้องเสีย อาเจียนร่วมด้วย
และนี่คือ 5 วัคซีนป้องกันไวรัส ที่เราเอามาฝากในวันนี้ ใครที่สนใจฉีดวัคซีนดังกล่าว ก็ควรไปติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อขอคำปรึกษาในการฉีดวัคซีนได้ค่ะ วัคซีนอาจจะป้องกันไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ป้องกันความรุนแรงของโรคได้เช่น วันนี้ขอลาไปก่อน

สนใจเนื้อหาด้านสุขภาพดี ๆ นึกถึง Healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

4 เทคนิคการเรียนรู้ด้านภาษาใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว

แชร์ให้เพื่อน

4 เทคนิคการเรียนรู้ด้านภาษาใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว

    มนุษย์​เรานั้นจำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาความรู้เพื่อให้เท่าทันกับความก้าวหน้าในโลกแห่งเทคโนโลยี่ ทุกอย่างพัฒนา​ขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการใช้ชีวิตง่ายขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่น การซื้อสินค้าและการบริการ เราไม่จำเป็นต้องเข้าร้านทุกครั้งเพื่อซื้อสินค้าและรับบริการ อีกต่อไปเพียงแค่ใช้มือถือสมาร์ทโฟน​พร้อมกับมีอินเตอร์​เน็ต​เราก็สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว อย่างการใช้บริการด้านการเงิน โอนเงินเดิมทีการโอนเงินเราต้องเดินทางไปธนาคารเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้​เป็นเรื่องง่ายที่เราโอนเงินรวมถึงการซื้อสินค้าต่างๆ จึงเป็นช่องโหว่​ให้กับมิจฉาชีพ​อย่างแก๊งค์​คอลเซ็นเตอร์​ส่งผลให้ผู้ที่รู้ไม่เท่าทันสูญเสียเงินจำนวนมาก​โดยที่ไม่สามารถติดตามผู้กระทำผิดได้


   แต่วันนี้เราจะเขียนเกี่ยวกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอย่างเช่นการเรียนรู้ด้านภาษาใหม่ เราจะมีเทคนิคอย่างไร มาดูกันเลยนะคะ

1.เทคนิค​การฟัง ลองนึกถึงเด็กๆที่เริ่มหัดพูด เด็กๆมักจะฟังอย่างตั้งใจ ช่างสังเกตุ​การมองปากคู่สนทนาขณะพูดจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น รวมถึงการมองกริยา​ทา่ทางของผู้พูดจะช่วยให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้นอีกด้วย หากเราไม่รู้ว่าจะเรียนรู้ด้านภาษาอย่างไรได้อย่างรวดเร็วให้ทำเหมือนเด็กเริ่มหัดพูด
อย่างการเรียนรู้ภาษาใหม่ๆเดี่ยวนี้มีการสอนออนไลน์​ฟรีมากมายให้เข้าไปเรียนรู้ เรียนรู้ได้ตลอดเวลาทุกที่ทุกเวลาที่มีสมาร์ทโฟน​และอินเตอร์​เน็ต​

2.เทคนิคการพูด การเริ่มต้นพูดภาษาใหม่ๆเราไม่ต้องกังวลว่าสำเนียงเราจะไม่เหมือนเจ้าของภาษาเพียงแค่สื่อสารให้เข้าใจก็เพียงพอแล้ว เพราะสำเนียงเราสามารถปรับกันได้เพียงแต่เราต้องใช้เวลาในการฝึกฝนให้มากขึ้นนั่นเอง แล้วสำเนียงของคุณจะใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาเลยทีเดียว

3.เทคนิคการเขียน ในช่วงเริ่มต้นของการหัดเขียน หลักการเขียนสำหรับตัวอักษร​ที่ยากเราสามารถใช้หนังสือสมุดเขียนตามไข่ปลาก็จะช่วยให้เราเขียนได้เร็วขึ้น

4.เทคนิคการอ่าน หลังจากที่เราเข้าใจหลักของภาษาเบื้องต้นว่าอะไรคืออักษร​สระ วรรณ​ยุกต์​หลังจากนั้นเราก็สามารถ​อ่านออกเสียง สะกดคำในการอ่านได้
จะเห็นได้ว่าทักษะการสื่อสารด้วยการพูดนั้นอาศัยการฟัง การสังเกตุ​พฤติกรรม​ประกอบ และจดจำซึ่งเป็นทักษะ​พื้นฐานของเด็กในการหัดพูดหากใครต้องการเรียนรู้ในการพูดภาษาใหม่ๆลองนำเทคนิคนี้ไปใช้ดูคะ

แชร์ให้เพื่อน

6 ปัจจัย​ช่วยรักษาความสมดุลของร่างกาย

แชร์ให้เพื่อน

6 ปัจจัย​ช่วยรักษาความสมดุลของร่างกาย

จากกระแสข่าวเรื่อง work ไร้ Balance ใน​สัปดาห์​ที่ผ่านมีการหยิบยก​ข่าวการลาออกของแพทย์อินเทิร์นออกจากระบบเนื่องจากประเด็นปัญหา​งานในระบบหนักเกินไปส่งผลให้เสียสุขภาพกายและสุขภาพจิต​รวมถึงข่าวที่พยาบาลใส่ชุดพีพีอีเป็นลมขณะดูแลผู้ป่วยใส่เครื่องช่วยหายใจที่เกิดในช่วงโรคโควิด19 ระบาดในรอบสามปีที่ผ่านมา”ใครจะตายก่อนกันระหว่างผู้ดูแลและผู้ป่วย”
จากประเด็นการใช้ชีวิตที่ไร้ความสมดุลนั้นเกิดขึ้นได้ในทุกกลุ่มทุกอาชีพแต่พบได้มากกว่าในงานด้านบริการสุขภาพเพราะความเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ​เกิดได้ทุกที่ทุกเวลาไม่เลือกวันหยุดเวลากลางวันหรือกลางคืน ลักษณะ​งานจึงจำเป็นต้องมีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงซึ่งโดนจำกัดของลักษณะ​งานโดยปริยาย​นั่นเอง

การเลือกใช้ชีวิตให้มีความบาลานซ์​คงหนีไม่พ้นในประเด็นหลักๆดังต่อไปนี้คือ

1.การนอนหลับ​พักผ่อน การนอนหลับพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพ​จะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซม​ส่วนที่สึกหรอ พร้อมที่เริ่ม​กิจกรรม​ในวันรุ่งขึ้นด้วยความสดชื่นและมีพลัง หากเรานอนหลับพักผ่อนไม่เป็นเวลาเช่น สลับเวลากลางคืนบ้าง กลางวันบ้างร่างกายย่อมได้รับความไม่สมดุล​เป็นธรรมดาขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายจะทนได้ต่อไปอีกนานแค่ไหน

2.กิจกรรมการผ่อนคลาย​ พักผ่อนหย่อนใจเช่น การดูหนัง ฟังเพลง ท่องอินเตอร์​เน็ต​ การเดินทาง​ท่องเที่ยว พบปะญาติพี่น้องเพื่อนฝูง ก็ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้นได้

3.การรับประทาน​อาหาร อาหารช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงาน การรับประทานอาหารอย่างสมดุลจะช่วยให้ร่างกาย​มีภูมิต้านทานโรค สุขภาพแข็งแรง ปราศจาก​โรคภัยไข้เจ็บ อาหารที่มีประโยชน์​ต่อร่างกายทั้ง5หมู่และต้องระมัดระวังอาหารที่ปนเปื้อนสารเคมีหรือสารพิษตกค้าง​เพราะหากเข้าสู่ร่างกายก็ย่อมก่อให้เกิดโรคหรือปัญหาด้านสุขภาพ​ตามมาได้

4.การออกกำลังกาย​ กิจกรรม​การออกกำลังกายเป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกมีความแข็งแรง ช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ไม่ยึดติด กระตุ้น​การไหลเวียนของหลอดเลือดนั่นเอง

5.การดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอและถูกเวลาในแต่ละวัน จะเห็นได้ว่าน้ำมีความสำคัญรองลงมาจากอากาศเพราะการขาดน้ำสุดท้ายก็ทำให้ร่างกายเสียชีวิตได้

6.การได้รับอากาศที่บริสุทธิ์​ในสังคมเมืองปัจจุบัน​นี้มีฝุ่นละอองและควันพิษ​เป็นจำนวนมากซึ่งส่งผลต่อการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจรวมถึงมะเร็งปอดอีกด้วย

จะเห็นได้ว่าความสมดุลของร่างกายนั้นจำเป็นต้องมีความสมดุลในหลายๆปัจจัย​ที่กล่าวมาหากมีสิ่งใดสิ่งหนึ่ง​มี่มากเกินไปย่อมส่งผลให้เกิดผลกระทบ​ต่อสุขภาพ​โดยรวมและเกิดปัญหา​ด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

แชร์ให้เพื่อน

6 ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปอด

แชร์ให้เพื่อน

6 ปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งปอด

    หากใครที่ยังสุขภาพแข็งแรงดี  คงยังไม่ได้ตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด ถึงแม้ว่ามะเร็ง​ปอดทำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ แต่การมีกำลังใจที่ดีและดูแลสุขภาพเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆก็ช่วยให้เซลล์​มะเร็งหยุดการแพร่กระจาย ลุกลามไปอวัยวะอื่นๆ ไกล้เคียง หรือหายจากการเป็นมะเร็งปอดก็ได้ใครจะรู้ เราคาดหวังว่าเราต้องหายนั่นเอง
    อาการของโรคมะเร็ง​ปอดนั้นสามารถหาอ่านได้ในบทความก่อนหน้านี้ สำหรับบทความนี้ผู้เขียนจะกล่าวถึงแค่ปัจจัย​เสี่ยง ที่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งปอดเท่านั้น เผื่อจะช่วยให้คนที่ยังมีสุขภาพดีและแข็งแรง​ในวันนี้ จะได้ไม่เป็นโรคมะเร็งปอดในวันข้างหน้า
    เรามาดูกันเลยคะว่าโรคมะเร็งปอดเกิดจากสาเหตุ​อะไรได้บ้าง

1.ประวัติการเจ็บป่วยเกี่ยวกับโรคติดเชื้อในปอดมาก่อน อย่างเช่น วัณโรค​ปอด ใครจะรู้ว่าการติดเชื้อวัณโรค​เมื่อสิบปีก่อนและได้รับการรักษาจนหายขาดไปแล้ว แต่เมื่อปัญหาโรคโควิด 19 ระบาดกลับมีอาการเจ็บป่วยโควิดที่มีอาการหนักเชื้อลงปอด ผ่านมาประมาณหนึ่งเริ่มมีปัญหาปอดติดเชื้อผลการตรวจเอกซเรย์​ปอดหมอแจ้งว่ามีก้อนที่ปอด แสดงว่ามะเร็งปอดนั้นปัจจัยเสี่ยงจากการติดเชื้อวัณโรค​ปอดก็ทำให้เกิดได้เหมือนกัน

2.ควันบุหรี่จากการสูบบุหรี่โดยตรงหมายความว่าผู้ป่วยมะเร็ง​ปอดส่วนใหญ่มักเกิดจากการสูบบุหรี่มาก่อน ทำไมถึงว่าแบบนั้น เพราะเวลาแพทย์​ซักประวัตินั้นมักจะเน้นไปในประเด็นการสูบบุหรี่ถึงแม้เราได้ปฏิเสธ​ไปแล้วว่าไม่ได้สูบบุหรี่แต่แพทย์ก็เหมือนจะไม่เชื่อในคำตอบที่ได้รับว่าไม่เคยสูบบุหรี่ แสดงว่าคนสูบบุหรี่มักทำให้เกิดมะเร็งปอดนั่นเอง แม้ที่กล่องบุหรี่ก็มีรูปยืนยันว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็ง​ปอด

3.ควันบุหรี่มือสอง หมายความว่าเราอยู่ใกล​ชิดกับคนสูบบุหรี่เช่นสามี ภรรยา ลูก หรือคนในครอบครัวเป็นต้น เราจะได้รับควันบุหรี่ทางอ้อม​ถึงแม้ว่าเราไม่ใช่เป็นคนสูบบุหรี่​ เราคงหลีกเลี่ยงได้ยากหากอยู่อาศัย​ในบ้านหลังเดียวกัน

4.ฝุ่นPM 2.5 หรือฝุ่นละอองทางท้องถนน โรงงานอุตสาหกรรม​กรรมต่างๆ ท่อไอเสีย ควันรถยนต์​ต่างๆ รวมถึงฝุ่นจากการถลุงแร่เหล็ก แร่ชนิดอื่นๆ การถลุงหินเป็นต้น

5.โรคมะเร็ง​จากอวัยวะ​อื่นๆ เช่น มะเร็งมดลูก มะเร็งผิวหนัง ที่มีการแพร่กระจายเชื้อไปที่ปอด

6.พันธุกรรม​ ส่วนใหญ่แล้วแพทย์​มักจะซักประวัติว่าคนในครอบครัวสายตรงมีใครป่วยด้วยมะเร็ง​ปอดหรือไม่ นั่นแสดงว่าเชื้อมะเร็ง​ปอดสามารถส่งผ่านทางยีนได้นั่นเอง

การวินิจฉัยโรค​แยกโรคแพทย์มักจะพยายามตรวจหาการติดเชื้อวัณโรค​ปอดก่อนเมื่อไม่พบการติดเชื้อวัณโรค​ก็จะมองประเด็นการเจ็บป่วยโรคมะเร็ง​ปอดถึงแม้ว่าประวัติการเจ็บป่วยวัณโรค​มาก่อนหน้านี้แต่ไม่มีผลเอกซเรย์​เพื่อเปรียบเทียบแนวทางถัดไปคือรอผลตรวจเอกซเรย์​คอมพิวเตอร์​ปอดนั่นเอง บทความต่อไปเราจะพูดเกี่ยวกับอาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอด

แชร์ให้เพื่อน

ประโยชน์และโทษจาก สุราก้าวหน้า

แชร์ให้เพื่อน

” ประโยชน์และโทษจาก สุราก้าวหน้า “

หลายวันมานี้ใคร ๆ ก็พูดถึงนโยบายสุราก้าวหน้า ที่พรรคก้าวไกลต้องการให้การผลิตสุรา เพื่อการบริโภคไม่ต้องขอใบอนุญาต ไม่มีความผิด และไม่กำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติการขอใบอนุญาต ซึ่งก็เป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันพอสมควร สำหรับเราเองยังคิดว่า นโยบายสุราก้าวหน้าจะช่วยลดการผูกขาดของอุตสาหกรรมน้ำเมาในบ้านเรา และยังช่วยเพิ่มรายได้ให้ประชากรและประเทศชาติ แต่ในทางกลับกันเราก็แอบกังวลลึก ๆ ว่าผลเสียที่เกิดในสังคมจากนโยบายสุราก้าวหน้าก็อาจจะมีมากเช่นกัน วันนี้เราจึงอยากมาแชร์ความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเราขอแยกประโยชน์ และผลกระทบจากนโยบายสุราก้าวหน้า ดังนี้ค่ะ

ประโยชน์จากนโยบายสุราก้าวหน้า

• ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น
แน่นอนค่ะว่านโยบายสุราก้าวหน้านี้จะช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรผู้ผลิตสุรามีรายได้มากขึ้น เนื่องจากมีการนำสินค้าเกษตร เช่น ข้าว องุ่น สัปปะรด มาแปรรูป และเพิ่มมูลค่าให้สินค้า ทำให้เกษตรผู้ผลิตสุรามีรายได้เพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างนี้ เช่น หลาย ๆ ประเทศในยุโรปที่นิยมนำองุ่นมาหมักเป็นไวน์ ส่งออกขายไปทั่วโลก ซึ่งไวน์ที่คุณภาพดีมีตั้งแต่ราคาขวดละหลายพัน จนถึงหลายแสนบาท แน่นอนถ้าสามารถทำได้โอกาสที่เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มก็จะตามมา
• ช่วยแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และสินค้าล้นตลาด
ปัญหาเรื่องสินค้าเกษตรตกต่ำ เป็นอะไรที่ส่งให้เกษตรกรไทยมีรายได้ต่ำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสินค้าเกษตรหลายอย่างแม้จะมีการส่งออกก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ เนื่องจากหลายประเทศในแถบตะวันออกเฉียงใต้ หรือประเทศแถบบ้านเรา ผลิตสินค้าเดียวกัน ทำให้เกิดภาวะสินค้าล้นตลาด กดให้ราคาสินค้าถูกลง เราเองที่อาศัยอยู่ในยุโรปและต้องซื้อข้าวหอมมะลิ เราสังเกตเห็นว่า เมื่อไรที่ราคาข้าวในบ้านเราปรับตัวเพิ่มขึ้น ข้าวหอมมะลิที่ขายในประเทศสวีเดนจะเปลี่ยนเป็น ข้าวจากเวียดนาม เขมร ลาวแทน ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกราคาตลาดปกติที่คนซื้อจะซื้อสินค้าที่ราคาถูกกว่า แต่หากมีการใช้นโยบายสุราก้าวหน้า ก็จะมีการนำสินค้าเกษตรเหล่านี้มาเป็นวัตถุดิบตั้งต้น ก็จะช่วยลดปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและล้นตลาดได้อย่างแน่นอน
• ช่วยลดการทิ้งสินค้าเกษตร ลดปัญหาขยะล้นโลก
หลายครั้งที่เกษตรต้องตัดใจทิ้งสินค้าเกษตร เนื่องจากราคาสินค้าตกต่ำ จนไม่คุ้มทุนต่อการต้องจ้างแรงงานมาเก็บเกี่ยวและส่งจำหน่าย ทำให้สินค้าเกษตรหลายอย่างถูกทิ้งขว้าง เกิดเป็นปัญหาขยะโลก หากนำนโยบายสุราก้าวหน้ามาใช้ ก็จะช่วยลดปัญหาการทิ้งสินค้าเกษตร และเป็นการช่วยลดปัญหาขยะโลกได้ด้วย
• รัฐจัดเก็บภาษีได้มากขึ้น
หากนโยบายสุราก้าวหน้า ทำสำเร็จเกษตรกรก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น รัฐก็จะสามารถจัดเก็บภาษีอากรได้มากขึ้น และนำเงินเหล่านั้นไปใช้ในการพัฒนาประเทศ และสร้างระบบสวัสดิการต่อไป

หลังจากที่เราเห็นประโยชน์มากมายหลายข้อจากนโยบายสุราก้าวหน้าไปแล้ว เรามาดูกันค่ะว่า ผลกระทบจากนโยบายสุราก้าวหน้ามีอะไรบ้าง

ผลกระทบจากนโยบายสุราก้าวหน้า

https://healthybestcare.com/2023/06/04/ผลกระทบจากนโยบายสุราก้/

แชร์ให้เพื่อน

รถไฟชนกัน อุบัติภัยหมู่สู่ความหมายที่กำกวม

แชร์ให้เพื่อน

รถไฟชนกัน อุบัติภัยหมู่สู่ความหมายที่กำกวม

รถไฟชนกันนั้นตามสำนวนไทยหมายความว่า”ชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่เจ้าชู้มากมายหรือมีแฟนคราวละหลายๆคนจนไม่สามารถกำหนดนัดได้ตามตารางนัดจึงเกิดการพบปะกันขึ้นมาโดยบังเอิญหรือเป็นอุบัติเหตุนั่นเอง
แต่หากตามความหมายโดยตรงก็เป็นเรื่องของอุบัติเหตุ​หรืออุบัติภัยหมู่ซึ่งเมื่อเกิดขึ้นแล้วมักมีผู้ประสบภัย​บาดเจ็บหลายคนส่งผลให้เสียชีวิตและทรัพยสิน​ตามมาเพราะลักษณะ​ของรถไฟนั้นเป็นการต่อกันเป็นท่อนๆเมื่อเกิดการชนหรือได้รับแรงกระแทกทำให้แต่ละตู้เกิดการเสียสูญหลุดออกจากรางส่งผลให้ผู้โดยสารที่นั่งมาในขบวนหรือตู้นั้นๆหลุดออกจากที่นั่งล้มระเนระนาดเนื่องจากไม่มีเข็มขัดนิรภัย​ยึดไว้

Continue reading

แชร์ให้เพื่อน

การกลายพันธุ์​ในระดับยีน (Genetic mutation) อาจเป็นสาเหตุ​การเสียชีวิตของเด็กเล็กขณะกำลังนอนหลับ

แชร์ให้เพื่อน

การกลายพันธุ์​ในระดับยีน (Genetic mutation) อาจเป็นสาเหตุ​การเสียชีวิตของเด็กเล็กขณะกำลังนอนหลับ

จากข่าวการเสียชีวิตของหนูน้อย 4 คนชาวต่างชาติตั้งแต่วัยเด็กเล็กที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนทำให้แม่ถูกตัดสินจำคุก 30 ปีแต่สุดท้ายข้อมูลด้านวิทยาศาสตร์​ออกมายืนยันว่าการเสียชีวิตของหนูน้อย 2 คน อาจเกิดมาจากการเสียชีวิตตามธรรมชาติเนื่องจากการกลายพันธุ์​ในระดับยีนส่งผลให้ผู้เป็นแม่หลุดพ้นจากคดี ฆาตกรรม​ลูกน้อยสี่คนของตนเอง
ทุกคนคงจำได้เกี่ยวกับกลไกการกลายพันธุ์​ชาร์ลส์ ดาร์วิน เกี่ยวกับวิวัฒนาการ​ของสัตว์​และพืช การกลายพันธุ์​เกิดขึ้นได้ทั้งในระดับเซลล์​ร่างกาย เซลล์​สืบพันธุ์​รวมถึงในระดับยีนและโครโมโซม​โดยส่วนใหญ่เป็นการเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ​
จากข้อมู​ลทางวิทยาศาสตร์​การเสียชีวิตของหนูน้อยนั้นเป็นการกลายพันธุ์​ของยีน

การเปลี่ยนแปลง​ของยีนมีพื้นฐาน​มาจากการเปลี่ยนแปลง​ใน 3 ประการคือ
1.การขาดหายไป หรือการเพิ่มขึ้นมาของคู่สารประกอบไนโตรจีนัลเบส ส่งผลให้รหัสพันธุกรรม​ผิดหรือคลาดเคลื่อน​ไป
2.การเปลี่ยนคู่ของสารเพียวรินไพริมิดีนในสายของโมเลกุล​ดีเอ็นเอ
3.การเปลี่ยนแปลง​โครงสร้างภายในโมเลกุล​ของเบสเอง

แล้วสิ่งกระตุ้น​หรือตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์​นั้นมีอะไรกันบ้างเรามาดูกันเลยคะ

1.รังสี(Radiation) เช่นรังสีเอกซ์ รังสีบีต้า รังสีแกมมา รังสีอุลตรา​ไวโอเล็ต​(รังสียูวี)​ ข้อดีของรังสีทางการแพทย์​นำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง​ชนิดต่างๆ

2.สารเคมี เช่น สารอะฟลาทอกซิน อันเป็นสารพิษ​ที่เกิดจากการกลายพันธุ์​ของแบคทีเรี​ยส่งผลทำให้เกิดโรคมะเร็ง​ตับได้

3.การจัดเรียงเบสในกระบวนการ​สังเคราะห์​ดีเอ็นเอ​ผิดพลาดทำให้เกิดการเพิ่มหรือลดจำนวนเบสในคู่สายและทำให้เกิดการเลื่อนของสายดีเอ็นเอนั่นเอง

ขอย้อนกลับมาที่ข่าวการเสียชีวิตของหนูน้อยสี่คนนั้นทีมวิจัยมีความเห็นว่า “การกลายพันธุ์​น่าจะทำให้เด็กหญิงทั้งสองคนเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน​ตาม​ธรรมชาติ” ซึ่งเป็นการกลายพันธุ์​เกิดขึ้นในระดับยีนที่เรียกว่า CALM2 ซึ่งอาจทำให้เกิด​การเสียชีวิต​จากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน​ได้ ส่วนการเสียชีวิตของลูกชายทั้งสองนั้นยังคงต้องทำการศึกษาเพิ่มเติม

ศาสตราจารย์​วีนเวซา ให้สัมภาษณ​์กับทีมข่าวบีบีซี​ว่า” เราตรวจพบการกลายพันธุ์​ชนิดใหม่ที่ไม่เคยมีรายงานมาก่อนในลูกสาวของแคทลีนโดยได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้เป็นแม่นั่นเอง”

แม้ว่าคดีความจะมีผลสรุป​ออกมาที่เป็นประโยชน์​ต่อจำเลยเนื่องจากยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนในการเอาผิดกับจำเลยผู้ซึ่งเป็นแม่บังเกิดเกล้าได้ หากเราพิจารณา​จากปัจจัย​ที่ทำให้หนูน้อยมียีนกลายพันธุ์​ก็เกิดจากตัวกระตุ้นสามประการหลักๆที่กล่าวมานั่นเองใช่หรือไม่

แต่ในมุมมองของผู้พิจารณา​ตัดสินคดีความก็คงหนีไม่พ้นเรื่องมีใครบางคนจงใจทำอันตราย​ให้เกิดขึ้นต่อเด็กๆและทำให้เกิดการขาดอากาศ​หายใจส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตตามมาซึ่งเกี่ยวโยงกับแม่บังเกิดเกล้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ในมุมมองของผู้เขียนนั้นการเกิดความผิดปกติที่ส่งต่อมาถึงลูกสี่คนหากเทียบกับการเกิดโรคทางกรรมพันธุ์​ก็ทำให้น่าคิดว่ามีโอกาส​เป็นไปได้หรือ แต่อย่างลืมว่าการเสียชีวิตของลูกชายทั้งสองคนยังไม่มีผลการยืนยันที่ชัดเจน
อย่างไรเสียก็ขอให้วิญญาณ​ของหนูน้อยทั้งสี่คนไปสู่สุขคติ​

ข้อมูลจาก: BBC NEWS Thai. เวปไซต์​ Mahidol University.

แชร์ให้เพื่อน