สายชอบน้ำ ไม่ควรพลาดกับ 9 ประโยชน์ของการว่ายน้ำ

แชร์ให้เพื่อน

สายชอบน้ำ ไม่ควรพลาดกับ 9 ประโยชน์ของการว่ายน้ำ

   ใครๆ ก็ชอบน้ำ (ไม่ใช่คนชื่อน้ำนะคะ)​ แหมจะให้ไม่ชอบน้ำได้อย่างไรละ เพราะถ้าขาดน้ำแล้วทำให้เสียชีวิต​ได้เหมือนกับขาดอากาศนั่นแหละ น้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกาประมาณ​5ลิตรเลยทีเดียวดังคำพูดที่ว่าร่างกายนั้นประกอบด้วยธาตุทั้ง ​4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ หลังจากตายไปก็กลายเป็นสี่ธาตุนี้
กิจกรรม​การว่ายน้ำ​เล่นได้ทุกเพศทุกวัยรวมถึงวัยทารกในครรภ์​ว่ายน้ำคร่ำเล่นตลอดเวลา สร้างความเพลิดเพลินและช่วยให้ร่างกาแข็งแกร่ง​เสริมสร้างสมาธิ แม้แต่เด็กทารกเองก็ว่ายน้ำเองได้ด้วยสัณญาณ​การเอาชีวิตรอดนั่นเอง
   อากาศ​ร้อนบ้านเรานี่ก็หนักเอาการอยู่เหมือนกันยิ่งในอีกห้าปีข้างหน้าอุณหภูมิ​โลกจะร้อนขึ้นอีกเราจะมีวิธีช่วยปรับอุณหภูมิ​ร่างกายร่วมกับการมีสุขภาพร่างกาย​ที่ดีอีกวิธี​หนึ่ง​คงหนีไม่พ้นกิจกรรมการออกกำลังกาย​ด้วยการว่ายน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ว่ายน้ำคลอง ว่ายน้ำบึง ว่ายน้ำหนอง ว่ายน้ำทะเล รวมถึงว่ายในสระว่ายน้ำ ได้หมดเกิดประโยชน์​ทั้งสิ้นเพียงแต่เราต้องระวังสัตว์น้ำอย่างปลิง จรเข้ หรือเชื้อโรคที่เจือปน​ในน้ำอื่นๆ
   หลังจากเลือกชุดว่ายน้ำสวยๆให้เหมาะสมกับตัวเองจากบทความที่ผ่านมาหรือหากใครมีความนิยมชมชอบการนุ่งผ้าถุงตีโป่ง หรือนุ่งลม ห่มฟ้าก็ไม่ว่ากัน เรามาดูกันเลยคะว่าประโยชน์​ที่ได้จากการว่ายน้ำนั้นมีอะไรกันบ้าง

1.น้ำช่วยปรับอุณหภูมิ​ร่างกาย การกินน้ำให้ถูกวิธีช่วยให้มีสุขภาพ​ดี ลองอ่านในบทความก่อนหน้านี้ เวลาเราเจ็บป่วยมีไข้สูงเราก็ใช้น้ำนี่แหละช่วยในการเช็ดตัวลดไข้ ลองลงว่ายน้ำช่วงบ่ายคล้อยวันละ 30 นาทีจะรู้สึกร่างกายสดชื่น กระปรี่กระเปร่า​ ลดความร้อนในร่างกาย​ลงได้ ยิ่งเริ่มเข้าสู่วัยทองช่วยระบายความร้อนได้ดีเลยที่เดียว

2.การว่ายน้ำช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด​เพราะว่าเวลากล้ามเนื้อตึงเครียดจะเกิดความร้อนขึ้นเมื่อเราลงแช่หรือว่ายน้ำจะช่วยให้กล้ามเนื้อระบายความร้อนออก ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายนั่นเอง หากคุุณว่ายน้ำเป็นประจำ​แล้วไม่จำเป็นต้องเสียเงินนวดผ่อนคลาย​เลยคะ

3.การว่ายน้ำเป็นการเคลื่อนไหว​ร่างกายได้ทุกส่วนพร้อมกันเพราะว่าน้ำมีแรงต้านน้อย และเมื่อตัวเราลอยตัวอยู่ในน้ำเราสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้พร้อมๆกันในทุกท่าของการว่ายน้ำเช่น ว่ายท่ากบ ท่าผีเสื้อ ฟรีสไตล์​ ท่ากรรเชียง และอีกหลายๆท่าตามความสามารถ​ของแต่ละคน เดี่ยวเราค่อยอ่านในบทความต่อไป ซึ่งพบได้สำหรับการดูแลผู้ป่วยด้วยกิจกรรม​ธาราบำบัด​นั่นเองคะ

4.การว่ายน้ำช่วยให้หุ่นฟิตแอนเฟิร์ม การว่ายน้ำช่วยในการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักได้ดีเลยทีเดียว ใครๆก็ชอบหุ่นดีกันทั้งนั้นเพราะใส่เสื้อผ้าได้สวยเป็นที่ต้องตาต้องใจแก่ผู้พบเห็นแถมร่างกายแข็งแรงปราศจาก​โรคภัไข้เจ็บอีกด้วย

5.การว่ายน้ำช่วยให้เกิดความสนุกสนาน มีสมาธิ​เพราะว่าเวลาเราว่ายน้ำนั้นเราต้องมีสติตลอดเวลาในการพยุงตัวไม่เช่นนั้นร่างกายจะจมลงในน้ำได้ เห็นไหมคะว่ายน้ำแล้วได้ประโยชน์​สองต่อเลยทีเดียว

6.การว่ายน้ำช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ลดการยึดตึด เพราะเมื่อเราลอยตัวในน้ำข้อต่อต่างๆได้เคลื่อนไหวขณะ​ที่แรงต้านของน้ำมีเพียงเล็กน้อยลดการบาดเจ็บได้

7.การว่ายน้ำช่วยให้ร่างกายเรา ได้รับออกซิเจน​ในเลือดเพิ่มขึ้นเพราะอะไรหรือ เพราะว่าน้ำเป็นธาตุ​ที่ประกอบด้วยไอโดรเจนและออกซิเจน​นั่นเองเมื่อน้ำระเหยก็จะได้ออกซิเจนนั่นเอง หากมีต้นไม้อยู่ใกล้สระว่ายน้ำยิ่งได้ออกซิเจน​สองต่อช่วยให้สดชื่นไปเลย

8.การว่ายน้ำช่วยให้หัวใจแข็งแรงและปอดขยายตัว​ได้เป็นอย่างดีเพราะช่วงที่เรากลั้นหายใจและหายใจออกขณะที่หน้าจมอยู่ในน้ำแต่พอเราโผล่หน้ามาเหนือน้ำเราต้องรีบสูดอากาศ​เข้าปอดให้เต็มที่ช่วยให้ปอดขยายตัวได้อย่างดี หากใครที่ป่วยโควิดลองบริหารปอดด้วยวิธีการ​ออกกำลังกาย​แบบว่ายน้ำจะช่วยได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว

9. การว่ายน้ำช่วยรักษาโรค​บางชนิดได้เช่นโรคสมาธิ​สั้น เด็กออ​ทิสติ​ โรคที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว​ซึ่งเป็นการช่วยบำบัด​ที่ร่างกาย​ได้รับแรงกระแทกน้อย

* ข้อควรระวัง ในการว่ายน้ำคือท้องเสียเรื้อรัง​เนื่องจากหากในน้ำที่ไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้ รวมถึงหูชั้นนอกอักเสบ​หากไม่ได้ป้องกันที่ดีทำให้น้ำเข้าหูเกิดหูชั้นนอกอักเสบ​เรื้อรังได้ และสุดท้ายปัญหา​การติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อโรคที่เจือปนในน้ำแบบไม่รู้ตัวนั่นเอง

แชร์ให้เพื่อน

ผลกระทบจากนโยบายสุราก้าวหน้า

แชร์ให้เพื่อน

ผลกระทบจากนโยบายสุราก้าวหน้า

• ผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ดื่มสุรา
แน่นอนค่ะว่าหากนโยบายสุราก้าวหน้า ทำได้สำเร็จ ประชาชนมีการผลิตสุรามากขึ้น การเข้าถึงสุราก็ง่ายขึ้น หากไม่มีการควบคุมอย่างจริงจัง จำนวนคนดื่มสุราย่อมเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน หลายคนอาจจะเถียงว่า คนที่ดื่มก็มีปริมาณเท่าเดิม แต่ในสังคมความเป็นจริง คนเราเมื่อสามารถหาซื้อได้ง่าย เราก็มักจะบริโภคมากขึ้น ตัวอย่างกรณีของยาเสพติดที่ระบาดในประเทศไทยในปัจจุบัน
กลุ่มที่น่าห่วงมากที่สุดในนโยบายสุราก้าวหน้าก็คือ กลุ่มเด็กและวัยรุ่นที่มีโอกาสถูกชักจูงได้ง่าย จากงานวิจัยในประเทศสวีเดนกล่าวว่าคนที่ดื่มแอลกอฮอล์มากต่อเนื่องตั้งแต่อายุ 18 ปีจะมีโอกาสเสียชีวิตเร็วขึ้นเมื่ออายุประมาณ 33 ปี เท่าที่เราสังเกตในสังคมต่างจังหวัดแถวบ้านเรามีผู้เสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์ในวัยนี้จริง นอกจากนั้นจากงานวิจัยก็พบว่า คนที่ดื่มสุรามีโอกาสเป็นโรคความจำเสื่อมตั้งแต่อายุยังน้อย และมีโอกาสเป็นมากกว่าคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งนโยบายสุราก้าวหน้าก็อาจจะเร่งให้ประชากรมีปัญหาสุขภาพมากขึ้นได้เช่นกัน

• ผลกระทบต่อครอบครัว และสังคม
นอกจากปัญหาสุขภาพของผู้ดื่มแล้ว สุรายังทำให้คนมีสติลดลง ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว ทำให้เสี่ยงที่จะมีปัญหาครอบครัว และสังคมตามมา นอกจากนั้นหากกฎหมายการควบคุมเมาแล้วขับไม่สัมฤทธิ์ผล จะทำให้เกิดปัญหาเมาแล้วขับ ที่จะทำให้ผู้ขับขี่ หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบบาดเจ็บ เสียชีวิต พิการ เพราะเราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาเมาแล้วขับ ถือเป็นหนึ่งปัญหาที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจราจรในบ้านเรา

• ผลกระทบต่อประเทศชาติ
แม้นโยบายสุราก้าวหน้าจะมีประโยชน์ในแง่ของการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน และประเทศชาติ แต่หากการควบคุมการบริโภคสุราไม่สัมฤทธิ์ผล ในระยะยาวอาจจะมีประชากรที่ติดสุรามากขึ้น จนส่งผลให้ต้องเสียเงินค่ารักษาพยาบาล และอาจจะทำให้ประเทศชาติขาดแรงงานวัยทำงานในอนาคตได้เช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราเองคิดว่า แม้นโยบายสุราก้าวหน้าจะช่วยยกระดับรายได้ประชากร และประเทศชาติ แต่ในทางกลับกันผลเสียของนโยบายสุราก้าวหน้าก็มีมากมายเช่นกัน หากการบริหารจัดการ และการควบคุมล้มเหลว เราก็ได้แต่หวังว่านโยบายสุราก้าวหน้าจะทำด้วยความระมัดระวัง และรอบคอบ ก็ฝากไว้ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่อยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปในทางที่ดีแบบยั่งยืน

แชร์ให้เพื่อน

9 ประโยชน์​ของไข่ไก่ ที่หลายคนยังไม่รู้

แชร์ให้เพื่อน

9 ประโยชน์​ของไข่ไก่ ที่หลายคนยังไม่รู้

      จากกระแสข่าวดราม่า​เกี่ยวกับอาหารกลางวันเด็กนักเรียนโรงเรียนประถมศึกษา​เรื่องการกินไข่พะโล้​1ฟองกับข้าวเปล่าสำหรับอาหารมื้อกลางวันและจากหนังสือบทเรียนเด็กไทยกินไข่ต้มครึ่งซีกกับข้าวคลุกน้ำปลาแสดงให้เห็นว่าอาหารที่เด็กนักเรียนได้รับนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายสำหรับเด็กซึ่งอยู่ในวัยที่กำลังเจริญเติบโตทั้งทางด้านร่างกายและพัฒนาการของสมองส่งผลให้เด็กมีรูปร่างเตี้ยและแคระแกร็น สมองพัฒนา​การช้าเนื่องจากได้รับสารอาหารไม่พอเพียงนั่นเอง แล้วเราควรกินไข่แค่ใหนถึงจะพอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย

     คุณค่าทางอาหารในไข่ 1 ฟองให้พลังงาน70-75 แคลอรี่​ประกอบด้วยสารอาหารดังต่อไปนี้คือ

1.โปรตีน ไข่จัดว่าเป็นแหล่งโปรตีนสูงที่มีคุณค่า​ต่อร่างกายสูง โปรตีน​จากไข่นั้นช่วยให้ร่างกายเจริญ​เติบโตและเสริมสร้าง​ส่วนที่สึกหรอ

2.แคลเซียม มีประโยชน์​ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูก​พรุนในวัยทองได้

3.สังกะสี เป็นสารต้าน​อนุมูล​อิสระ​ช่วยชะลอ​ความเสื่อม เสริมสร้างคอลลาเจน​ ลดการอักเสบ​ของสิว ทำให้แผลหายเร็วขึ้น บำรุงเล็บ ลดอาการผมร่วง ช่วยเสริมสมรรถภาพ​ทางเพศ​ของผู้ชายอีกด้วย

4.กรดโฟลิก เป็นส่วนประกอบ​ของเม็ดเลือดแดง ช่วยทดแทนการสูญเสียเลือดในแต่ละเดือนของสตรีวัยเจริญพันธุ์​ ช่วยบำรุงผิวพรรณ​ลดปัญหาผมขาวก่อนวัย

5.แมกนีเซียม ช่วยในการปรับระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ช่วยการทำงานของหัวใจ ลดปัญหา​ไมเกรนก่อนมี​ประจำเดือน​ ลดภาวะซึมเศร้า ลดความวิตกกังวล​ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น และช่วยต้านการอักเสบเพิ่มภูมิ​คุ้มกัน​ให้กับร่างกายนั่นเอง

6.ธาตุเหล็ก เป็นส่วนประกอบ​ของเม็ดเลือดแดง​ในโลหิตเป็นตัวนำออกซิเจน​และสารอาหารต่างๆไปเลี้ยงเซลล์​ต่างๆในร่างกาย​และมีประโยชน์​สำหรับเด็กในครรภ์​จนถึงปีแรกเพราะช่วยเสริมพัฒนาการ​ด้านสมอง ป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง​อีกด้วย

7.โคลีนและลูทีน ช่วยบำรุงเซลล์​สมองเกี่ยวกับหน่วยความจำและการเรียนรู้และช่วยบำรุงสายตาอีกด้วยส่งผลต่อการเรียนรู้และรับรู้ของเด็ก

8.เลซิติน ที่มีมากในไข่แดงช่วยบำรุงประสาทและสมอง

9.มีวิตามินและแร่ธาตุ​ต่างๆมากมายเช่น วิตามินเอ บี บี12 ไอโอดีน โฟเลต โอเมก้า3 ซึ่งแร่ธาตุ​ทั้งหลายล้วนมีประโยชน์​ต่อร่างกายทั้งสิ้น

จะเห็นว่าไข่นั้นเป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์​ต่อร่างกายและมีราคาไม่แพง เราควรกินไข่แค่ใหนถึงไม่เกิดผลเสียต่อสุขภาพ จากข้อมูลวิจัยพบว่าการกินไข่วันละไม่เกินสามฟองทั้งนี้ต้องระวังสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว​ด้วยต้องปฏิบัติ​ตามคำแนะนำ​ของนักโภชนาการ​ ไข่ที่มีประโยชน์​ควรเป็นไข่ที่เลี้ยงตามธรรมชาติ​ไม่ได้สารกระตุ้นนั่นเอง

 

แชร์ให้เพื่อน

3 สิ่งที่ควรทำเพื่อลดความเครียดและเพิ่มพลังชีวิตอย่างง่ายๆ

แชร์ให้เพื่อน

3 สิ่งที่ควรทำเพื่อลดความเครียดและเพิ่มพลังชีวิตอย่างง่ายๆ

ในการใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้มีความตึงเครียดเริ่มต้นตั้งแต่เดินทางออกจากบ้านออกไปทำงานขณะที่บางคนมีความรับผิดชอบต่อครอบครัว​และลูกๆต้องส่งไปโรงเรียนแต่เช้าเส้นทางจราจร​ติดขัดยิ่งก่อให้เกิดความเครียดหนักกว่าเดิมเราจะมีวิธีง่ายๆมาแนะนำเพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการเรียกพลังงานกลับมาคืนเพื่อเตรียมพร้อมในการเริ่มต้นรับมือกับการทำงานในแต่ละวันให้มีความสุข​ เรามาดูกันเลยคะContinue reading

แชร์ให้เพื่อน

โทษของเหล้า และกัญชา อันไหนน่าจะหนักกว่ากัน ?

แชร์ให้เพื่อน

โทษของเหล้า และกัญชา อันไหนน่าจะหนักกว่ากัน ?
”ตอนโทษของกัญชา”

กัญชา เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมากอีกครั้งช่วงที่ผ่านมาเมื่อมีการประกาศให้มีกัญชาเสรีในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งกลุ่มคนที่เห็นด้วย และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย โดยหลาย ๆ คนก็เอาประสบการณ์การเสพกัญชามาแชร์และโต้แย้งว่ากัญชาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อย่างที่เราเกริ่นในบทความก่อนหน้าเกี่ยวกับโทษของเหล้า ว่าเราเองก็ไม่ใช่สายดื่มเหล้า หรือ สายเมากัญชา จึงไม่ได้มาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว แค่อยากเอาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมา มาเล่าให้ฟังก็เท่านั้นเอง


กัญชา หรือ Cannabis เป็นชื่อรวมที่ใช้เรียกพืชที่มีสาร Delta-9-tetrahydrocannabinol (THC) ซึ่งมีมากมายหลายชนิดทั่วโลก และเมื่อมีการนำมาใช้ หรือ เสพ หลาย ๆ คนเรียกว่า Hasch (แฮช) หรือ Marijuana ( มาริยวนนา ) เท่าที่ได้ข้อมูลมาคือ แฮช จะมีปริมาณสาร THC มากกว่า หรือ เข้มข้นกว่า แต่ในปัจจุบันก็มีการปรับเปลี่ยนขนาดทั้งแฮช และมารียวนนา
ส่วนใหญ่แล้วกัญชาจะนำมาสูดดม มากกว่าการใช้วิธีอื่น ซึ่งสาร THC จะส่งผลต่อร่างกายอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงประมาณ 4 ชั่วโมง สาร THC ในกัญชาจะมีมีผลโดยตรงต่อระบบประสาท และสมอง ซึ่ง สาร THC ในกัญชา จะทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข มีความคิดสร้างสรรค์ และรู้สึกโลกสวย แต่ในทางกลับกันก็อาจจะทำให้เกิดความวิตกกังวล สับสน เห็นภาพหลอน หรือ ในบางรายเกิดพฤติกรรมก้าวร้าว เกรี้ยวกราด
ในกรณีที่ใช้ หรือเสพกัญชาในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ติดได้เช่นเดียวกับเหล้า และหากมีการหยุดกะทันหัน ก็จะเกิดอาการอยากยา ซึ่งจะมีผลทางร่างกาย เช่น ปวดท้อง ปากแห้ง มือสั่น เหงื่อออก ไข้ หนาวสั่น ปวดหัว นอกจากนั้นจะมีผลต่อจิตใจ ดังต่อไปนี้

  • หงุดหงิด โมโหง่าย
  • วิตกกังวล กระวนกระวาย
  • ฝันร้าย นอนไม่หลับ หรือ หลับยาก
  • ไม่อยากอาหาร หรือ อาจจะทำให้น้ำหนักลด
  • อาจจะทำให้มีอาการซึมเศร้า ไม่อยากเข้าสังคม
  • ทำให้เกิดอาการทางจิตเวช เช่น การเห็นภาพหลอน หรือ เป็นโรคจิตเภทชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า Schizophrenia
    เนื่องจาก กัญชา ส่งผลโดยตรงกับประสาทและสมอง ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในเด็กที่สมองยังพัฒนาไม่สมบูรณ์

หากเราพิจารณาทั้งโทษของเหล้านบทความก่อนหน้า และโทษของกัญชาในบทความนี้ สำหรับเราเองมองว่า ทั้งเหล้า และกัญชา มีผลเสียต่อมนุษย์มากน้อยต่างกัน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและวัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแล และใส่ใจเป็นพิเศษ ทั้งนี้ไม่ว่าเหล้า หรือ กัญชา หากมีการนำมาใช้โดยไม่ควบคุม ดูแลโดยปล่อยให้มีการดื่ม หรือ เสพแบบเสรี ผลเสียจะเกิดทั้งตัวคนที่กินหรือเสพ และยังจะมีผลเสียต่อสภาพสังคมโดยรวมด้วย เราเองก็ได้แต่หวังว่าผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องทุกคนจะตระหนักถึงปัญหาสุขภาพ และสังคมที่จะตามมาทั้งจากการดื่มเหล้า และเสพกัญชา หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน ไม่มาก ก็น้อย แล้วกลับมาพบกันใหม่นะคะ

แชร์ให้เพื่อน

วันนี้คุณ​ดื่มน้ำหรือยังคะ?

แชร์ให้เพื่อน

วันนี้คุณ​ดื่มน้ำหรือยังคะ?

     ว่าด้วยเรื่องของน้ำ  เราพูดคุยกันเป็นวันคงไม่จบง่ายๆ ได้แก่ น้ำดื่ม น้ำใช้ น้ำหวานปานน้ำผึ้ง น้ำผลไม้ น้ำผึ้งพระจันทร์ น้ำผึ้งเดือนห้า น้ำเมา ดูแล้วตระกูลน้ำนี่ดีต่อสุขภาพ​เป็นส่วนใหญ่เลยนะ แต่ก็มีน้ำบางอย่างที่มีผลเสียต่อสุขภาพ ดั่งคำกลอนของท่านสุนทร​ภู่ที่เป็นยอดกวีเอกแห่งเมืองสยาม ท่านเป็นนักดื่มตัวยงชนิดที่หาตัวจับยากเลยทีเดียว บทกลอนของท่านบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก  สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน” (นิราศ​ภูเขาทอง)​ ท่านอาจดื่มเพราะอกหักหรือเปล่า(คิดเองนะ 555) แต่การดื่มน้ำเมาของท่านก็ทำให้มีนิราศ​ต่างๅออกมามากมายให้เราได้อ่านกัน
 

  มีงานวิจัยชิ้นใหม่ที่เผยแพร่ในประเด็นแหล่งน้ำจืดทั้งทะเลสาบ อ่างเก็บน้ำ ทั่วโลกลดลงอย่างมหาศาลและรวดเร็ว​เกินกว่าที่นักวิทยาศาสตร์​ได้คาดการณ์​ ในรอบ30ปีที่ผ่านมาโดยสาเหตุ​เกิดจากน้ำมือของมนุษย​์และสภาพอากาศ​ที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง ส่งผลกระทบ​ต่อระบบ​นิเวศน์​ตามมา ทำให้สัตว์​หลากหลาย​สายพันธุ์​ไม่สามารถอาศัยมีชีวิตรอดเกิดการสูญพันธุ์​ไปในที่สุด สำหรับมนุษย์​เองก็ทำให้ขาดแคลนแหล่งน้ำทำการเกษตร​และไม่มีน้ำเพื่ออุปโภค​บริโภค​ที่เพียงพอ เกิดปัญหา​ขาดแคลนอาหารตามมาได้
    เรามาดูกันว่าการดื่มน้ำนั้นมีผลดีต่อสุขภาพ​อย่างไร  น้ำช่วยรักษาความสมดุลย์​ของร่างกาย เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค แล้วเราจะดื่มน้ำเวลาใหนถึงจะดีที่สุดต่อสุขภาพ​ของเรา น้ำที่เราดื่มนั้นควรดื่มน้ำสะอาด ไม่จำเป็นต้องเป็นน้ำเกลือแร่อะไร แต่ให้มีอุณหภูมิ​ห้อง ไม่จำเป็นต้องเย็น หรือร้อนนะคะ  เรามาดูเลยว่าในหนึ่งวันเราควรต้องดื่มน้ำตอนไหนบ้างถึงจะมีผลดีและมีประโยชน์​ต่อสุขภาพ​

1.ดื่มน้ำหลังจากตื่นนอนตอนเช้า เพราะอะไร เพราะว่าเรานอนหลับทั้งคืนไม่ได้ดื่มน้ำเลย เราจะรู้สึกคอแห้งหลังตื่นนอนตอนเช้านั่นเอง เป็นการดื่มเพื่อชดเชยและกระตุ้นลำไส้พร้อมที่จะขับถ่ายตอนเช้า

2.ดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหารในแต่ละมื้อประมาณ​ครึ่งชั่วโมงเป็นการกระตุ้นกระเพาะอาหารให้พร้อมที่จะรับประทานอาหารนั่นเอง แถมช่วยให้เรารับประทานอาหารได้น้อยกว่าเดิมช่วยลดความอ้วนได้ด้วย
3.ดื่มน้ำก่อนอาบน้ำหากว่าท่านอาบน้ำอุ่นทุกครั้งเพราะช่วยปรับอุณหภูมิ​ของร่างกาย

4.ดื่มน้ำช่วงก่อนและหลังการออกกำลังกาย​หรือท่านที่ทำงานที่ต้องสูญเสียเหงื่อ  โดย​เฉพาะหลังจากออกกำลังกายเพราะว่าจะมีเหงื่อออกมาก ดังนั้นร่างกายจึงมีความต้องการน้ำเพื่อชดเชยน้ำในร่างกายที่สูญเสียไป โดยเป็นน้ำเปล่า น้ำเกลือแร่และดื่มในปริมาณ​ให้เพียงพอ

5.ดื่มน้ำหากไม่สบายเจ็บป่วยมีไข้ เพราะว่าหากร่างกายมีไข้เจ็บป่วยนั้นเกิดจากร่างกายเราขาดความสมดุลย์​สูญเสียน้ำเราจึงจำเป็นต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยนั่นเอง

6.ดื่มน้ำช่วงที่มีกิจกรรมร่วมกันกับคนหมู่มากเพราะช่วยให้ร่างกายเราเสริมภูมิคุ้มกันเนื่องจากในปัจจุ​บัน​นี้มีการระบาดของเชื้ิอโรคโควิด19

7.ดื่มน้ำเมื่ิอรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง​เพื่อช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระปรี่กระเปร่า​

8.ดื่มน้ำก่อนนอน เราควรดื่มน้ำก่อนนอนประมาณ​หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเราเข้าห้องน้ำแล้วเข้านอนเพื่อป้องกันขาดน้ำขณะนอนหลับ​และการตื่นปัสสาวะ​ช่วงนอนหลับอาจทำให้นอนหลับยากนั่นเอง

    ถามว่าเราควรดื่มน้ำแค่ใหนถึงจะพอเพียง หากเราไม่ได้เจ็บป่วยที่จำเป็นต้องจำกัดน้ำเราสามารถดื่มน้ำสะอาดได้วันละ 2-3 ลิตรเลยคะ ทั้งนี้ให้ค่อยๆดื่มไม่ใช่ว่าจะดื่มครั้งเดียวหนึ่งลิตรอาจทำให้เราจุกได้คะ จะเห็นว่าน้ำดื่มที่สะอาดนั้นมีประโยชน์​ต่อร่างกายจริงๆ แล้ววันนี้คุณดื่มน้ำหรือยังคะ แล้วพบกันบทความต่อไปคะ

ที่มา:ข่าวไทยรัฐ​   Doctor Top 8 เวลาที่ควรดื่มน้ำที่ดีที่สุด

แชร์ให้เพื่อน

โทษของเหล้า และกัญชา อันไหนน่าจะหนักกว่ากัน ? 

แชร์ให้เพื่อน

โทษของเหล้า และกัญชา อันไหนน่าจะหนักกว่ากัน ? 

ตอนโทษของเหล้า

ช่วงนี้เห็นมีนโยบายของภาครัฐยุคก่อนที่สนับสนุนกัญชาเสรี ต่อด้วยรัฐบาลชุดนี้ที่สนับสนุนการผลิตสุราท้องถิ่น ซึ่งงานนี้เหล้าเป็นสิ่งถูกกฎหมาย และได้รับการยอมรับกันมายาวนาน ในขณะที่กัญชาจะเรียกว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดโลกก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันนี้มีเพียงบางประเทศที่สนับสนุนให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย เท่าที่เคยได้ยินมาก็ประเทศฮอลแลนด์ และสหรัฐอเมริกาบางรัฐ โดยส่วนตัวผู้เขียนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการเสพกัญชา และสายเมา เหล้าเข้าปากแล้วจึงมีความกล้า จึงไม่สามารถมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวได้มากนัก แต่เราจะมาแบ่งปันความรู้ที่ได้รับรู้มาเท่านั้น 

สมัยที่เราเป็นเด็ก สิ่งที่กลัวมากคือเทศกาลสำคัญต่าง ๆ เพราะทุกเทศกาลจะต้องมีคนตายจากอุบัติเหตุเมาแล้วขับ นี่ยังไม่นับรวมปัญหาความรุนแรงในครอบครัวที่เห็นจนชินตา แต่จะว่าไปจนถึงตอนนี้ผ่านมาก็หลายสิบปีคนรุ่นเก่าตายไป คนรุ่นใหม่ก็ยังเมานั่นคือโทษของเหล้าที่เราเห็นจนชินตา ต่อไปเรามาดูกันค่ะว่า โทษของเหล้า และกัญชา อันไหนน่าจะหนักกว่ากัน ? 

โทษของเหล้า ต่อร่างกาย จิตใจ และสังคม

โทษของสุรา หรือเหล้า เราคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากนัก เพราะในอดีตย่าโมก็เคยใช้เหล้าในการล่อลวงข้าศึก จนได้รับชัยชนะมาแล้ว ดังนั้นเราเองก็คงไม่ต้องสาธยายโทษของเหล้าในระยะสั้นมากมายนัก เหล้าถูกจัดว่าเป็นสิ่งที่มีโทษทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม โดยโทษของเหล้า มีตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จนถึงระยะติดเหล้า ในระยะเริ่มต้นเช่น ทำให้สมองถูกกด จนทำให้การรับรู้น้อยลง หรือที่เราเรียกว่า เมา และหากกินเหล้าปริมาณมาก ไปนาน ๆ ก็จะมีผลดังนี้ 

เสี่ยงที่จะเป็นโรค WKS ( Wernicke-Korsakoffs syndrom) ซึ่งก็คือร่างกายขาดวิตามินบี 1 ที่จะทำให้เซลล์สมองตาย และเกิดรอยแผลเป็นที่สมอง โดยคนที่เป็นโรคนี้ก็จะมีอาการเช่น อาการสับสน ความจำลดลง การเดินผิดปกติ 

เสี่ยงที่จะเป็นโรคความจำเสื่อม ในบ้านเราอาจจะพบคนเป็นโรคสมองเสื่อมจากเหล้าไม่บ่อยนัก ทั้งนี้คนกินเหล้ามาก ๆ อาจจะชิงเสียชีวิตจากการเมาแล้วขับไปก่อน  แต่หลายประเทศในยุโรปจะพบคนที่มีความจำเสื่อมจากเหล้าได้บ่อยครั้ง ซึ่งเราจะเอามาแชร์ให้อ่านรวมกับโรคความจำเสื่อมในภายหลัง 

เสี่ยงที่จะมีการป่วยทางจิต อาการป่วยทางจิตจากเหล้า เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล 


อาการป่วยทางร่างกาย 

อาการป่วยทางร่างกายจากเหล้า เช่น ตับอ่อนอักเสบ ตับอักเสบ ตับแข็ง และจากงานวิจัยหลายฉบับระบุว่า เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นไวรัสตับอักเสบ ซี ซึ่งเป็นโรคที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับและตับแข็งเป็นลำดับต้น ๆ นอกจากนั้นที่พบได้บ่อย ๆ คือ มีเลือดออกในทางเดินอาหาร อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด 

และนี่เป็นโทษของเหล้าที่เราเอามาฝากที่เกิดกับคนที่กินโดยตรง ต่อไปเรามาดูกันค่ะว่า ต้องกินเหล้ามากขนาดไหนถึงจะเป็นอันตรายต่อชีวิต

กินเหล้าแค่ไหน ถึงจะอันตรายถึงตาย ? 

ปริมาณเหล้าที่กินแล้วเป็นอันตรายถึงตาย ค่อนข้างแตกต่างกันในแต่ละชาติ จากข้อมูลวิจัยในประเทศสวีเดน พบว่าผู้ที่กินเหล้าตั้งแต่อายุ 18 ปีในปริมาณมาก มีโอกาสเสียชีวิตกะทันหันเมื่ออายุประมาณ 33 ปี นั่นหมายความว่า บุคคลนั้นต้องกินเหล้าติดต่อกันนาน 15 ปี โดยกินเหล้ามากกว่า 400 กรัมต่อสัปดาห์ (เทียบกับเหล้าประมาณ 1.5 ขวดต่อสัปดาห์ หรือไวน์ประมาณ 5.5 ขวดต่อสัปดาห์ ) นอกจากนั้นในงานวิจัยยังพบว่า หากกินแอลกอฮอล์ประมาณ 15 กรัมต่อวัน (เทียบเท่าเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ประมาณ 5% ) ก็เสี่ยงที่จะเสียชีวิตเมื่ออายุประมาณ 33 ปีเช่นกัน

และนี่คือโทษของเหล้าที่เราเอามาฝากในวันนี้ แล้ววันหลังจะเอาเรื่องโทษของกัญชามาฝากกันอีกที อย่าลืมติดตามอ่านกันนะคะ 

แชร์ให้เพื่อน

สำรวจตนเอง “คุณแพ้ง่ายหรือไม่? “

แชร์ให้เพื่อน

สำรวจตนเอง “คุณแพ้ง่ายหรือไม่? “

เรื่องของการแพ้นั้นไม่เข้าใครออกใครคุณอาจแพ้สารบางชนิดขณะที่คนอื่นๆทั่วไปไม่แพ้ ดังนั้นเราจึงต้องระมัดระวัง​การใช้ยา อาหารหรือผลิตภัณฑ์​ใหม่ที่ไม่เคยกินมาก่อน
การแพ้ยา​ แพ้อาหารหรือสารเคมีชนิดอื่นๆนั้นเป็นปฏิกิริยา​ที่เกิดขึ้นเฉพาะบุคคล​ในระดับของพันธุกรรม​ ดีเอ็นเอ เนื่องจากการผลิตยารักษาโรค​และอาหาร เวชภัณฑ์​ต่างๆ นั้นจะใช้ข้อมูลในการถอดรหัสทางพันธุกรรม​ของมนุษย​ชาติที่มีดีเอ็นเอ​เหมือนกัน​ทั้งหมด 99.6% และเป็นการถอดรหัสพันธุกรรม​ของมนุษย์เพียงไม่กี่คน พันธุกรรม​ส่วนใหญ่ถึง 70% ที่ใช้ในการถอดรหัส​และรวบรวมข้อมูลพันธุกรรม​มนุษย์​เป็นชายชาวอเมริกัน​ที่มีบรรพบุรุษ​เป็นชาวยุโรป​และเชื้อสายแอฟริกันบางส่วน ข้อมูลดังกล่าวนำมาเป็นต้นแบบสำหรับค้นหาวิธีรักษาโรค รวมถึงคิดค้นยา วัคซีน​และเวชภัณฑ์​ต่างๆ แล้วเราซึ่งเป็นเชื้อสายทางเอเชียละ

สำหรับในปัจจุบันนี้โลกมีการพัฒนา​ขึ้นอย่างรวดเร็วดังนั้นการถอดรหัสและรวบรวม​ข้อมูล​พันธุกรรม​มนุษย์​มีความหลากหลาย​ทางชาติพันธุ์​มากขึ้น ที่เรียกว่า “แพนจีโนม” (Pangenome)​ ซึ่งเป็นฐานข้อมูล​สำคัญ​ในการนำไปพัฒนา​เทคนิค​การรักษาโรค​และผลิตยา อาหารและเวชภัณฑ์​ที่มีความจำเพาะกับคนไข้ผู้ที่มีความแตกต่างด้านพันธุกรรมมากขึ้น​นั่นเอง

ทำไมเวลาเราได้รับยารักษาโรค​โดยเฉพาะกลุ่มยาฆ่าเชื้อ (Antibiotic) จากโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่เภสัช​กรมักจะต้องถามคุณทุกครั้งว่า”คุณเคยแพ้ยา แพ้อาหารอะไรไหม? ” เพราะว่าในระดับของพันธุกรรม​มนุษย์นั้นยังมีอีก 0.4%ที่มีความแตกต่างออกไปจากข้อมูลของการวิจัยนั่นเอง จากข้อมูลที่มีการตีพิมพ์​บทความ​วิชาการ​ในวารสาร Nature และวารสารวิชาการในเครือเมื่อกลางเดือนพฤษภา​คมนี้ถึงความสำเร็จเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์​สามารถถอดรหัส​พันธุกรรม​ของจีโนมมนุษย์​ได้อย่างสมบูรณ์​ในปี 2022 นับว่าเป็นเรื่องดีต่อมนุษยชาติ​เป็นอย่างมากนั่นเอง

เราลองมาสังเกต​ตนเองว่าเรามีอาการดังต่อไปนี้หรือไม่หลังจากรับประทาน​ยาฆ่าเชื้อ ยาบางชนิด อาหารหรือเวชภัณฑ์​บางอย่างเพื่อเป็นข้อมูลให้กับเจ้าหน้าสาธารณสุข​เพื่อประกอบการพิจารณา​ของเจ้าหน้าเภสัช​กรหรือแพทย์ผู้ทำการรักษาโรค อาการที่พบได้หลักๆมีดังต่อไปนี้

1.อาการที่เกิดขึ้นทางระบบหายใจได้แก่ ไอมาก แน่น คัดจมูก น้ำมูกไหล เสียงแหบแห้งหรือไม่มีเสียง แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงวี้ด หรือหายใจไม่ออก รู้สึกแน่นที่ลำคอ ระคายเคืองในคอ หลอดลมตีบ

2.อาการทางระบบไหลเวียนโลหิตและหัวใจได้แก่ ใจสั่น หน้ามืด วิงเวียน​ศีรษะ ​เจ็บแน่นหน้าอก ความดันโลหิตตก อาจรุนแรงทำให้หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตตามมาได้

3.อาการทางระบบทางเดินอาหาร​ได้แก่ คลื่นไส้​อาเจียน ปวดมวนท้อง ถ่ายเหลว

4.อาการทางผิวหนัง​ที่สามารถสังเกตได้จาก ผื่นคัน ผื่นลมพิษ​ หรือผิวแดงที่หน้า ทั้งตัว หน้าบวม ปากบวม ตาบวม เป็นต้น

หากพบอาการดังกล่าวที่พูดมาต้องทำอย่างไรบ้าง?
1.ตั้งสติ ขอความช่วยเหลือ​จากบุคคลรอบข้าง
2.ให้นั่งหรือนอนพักในท่าที่สบาย หายใจสะดวก
3.หากมียาแก้แพ้ให้รีบรับประทานยาให้เร็วที่สุดและรีบไปโรงพยาบาลใกล้บ้านให้เร็วที่สุด
4.การรับประทานยาช่วยดูดซับสารพิษ​หากเรารับประทานอาหารดังกล่าวอาจเจือปนสารพิษ​ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง

 

แชร์ให้เพื่อน

”วิธีเลือกซื้อยาแก้ปวด เลือกอย่างไรให้ถูกอาการ”

แชร์ให้เพื่อน

“วิธีเลือกซื้อยาแก้ปวด เลือกอย่างไรให้ถูกอาการ”

การเลือกยาแก้ปวดมากินให้ถูกอาการ จะช่วยลดเจ็บปวดอาการได้ดียิ่งขึ้น วันนี้เราจึงอยากแชร์การเลือกซื้อยาแก้ปวดมากินให้ถูกอาการ เผื่อเป็นประโยชน์ให้คุณผู้อ่าน
ในช่วงชีวิตของทุกคน ต้องเคยรู้สึกปวด ไม่ว่าจะปวดหัว ตัวร้อน ปวดท้อง ปวดฟัน ปวดตามข้อ หรือปวดท้องประจำเดือน บางครั้งปวดมาก ซื้อยากินเองก็หาย แต่บางครั้งไม่หาย ก็ต้องวิ่งไปหาหมอ บางครั้งอาการก็ดีขึ้น บางครั้งก็ปวดเป็น ๆ หาย ๆ จนสุดท้ายไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ ยาแก้ปวดมีหลายแบบ หลายขนาน แต่ละแบบใช้บรรเทาอาการปวดที่แตกต่างกัน และยาแต่ละชนิดก็มีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเราควรใช้ และกินยาแก้ปวดด้วยความระมัดระวัง เรามาดูวิธีเลือกซื้อยาแก้ปวดกันเลยค่ะ

1. อาการไข้ ไข้เป็นภาวะที่ร่างกายพยายามต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย ถ้ามีไข้สูง หรือเรารู้สึกไม่สบายตัว ก็สามารถกินยาลดไข้ได้ เช่น ยาพาราเซ็ตตามอล (paracetamol หรือ tylenol) และยาแก้ปวดลดไข้ที่กินได้อีกชนิดที่กินได้ ก็คือ ยาบรูเฟ็น(Brufen) แต่ถ้าเรามีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ หอบหืด หรือแผลในกระเพาะ ควรเลือกกินยาพาราเป็นลำดับแรก และในกรณีที่ไข้สูงลอยหลาย ๆ วัน ควรกินแค่ยาพาราเซตตามอลแล้วไปพบแพทย์

2. อาการปวดหัว ยาที่ช่วยลดอาการปวดหัว ได้แก่ ยาพารา ยาบรูเฟ็นและ นาพรอกเซน (Naproxen) หรือจะใช้เป็นยาแก้ปวดที่ละลายในน้ำได้ ก็อาจจะได้ผลเร็วกว่ายาแก้ปวดทั่วไป แต่ถ้าปวดหัวจากอาการอยากกาแฟ ก็ไปหากาแฟมาดื่มสักแก้วก็น่าจะพอช่วยได้นะคะ

3. อาการปวดฟัน อาการปวดฟัน ควรใช้ยากลุ่มที่ช่วยลดการอักเสบเช่น ยาบรูเฟ็น หรือนาพรอกเซนเพื่อช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้น และหลังจากนั้นควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการปวดฟัน สมัยก่อนที่ผู้เขียนเริ่มมีอาการปวดฟัน ก็จะกินยาพาราเซ็ตตามอลเพื่อบรรเทาอาการ แต่คืนนั้นทั้งคืนก็หลับ ๆ ตื่น ๆ จนตอนเช้าต้องรีบไปหาหมอฟัน แต่เมื่อย้ายมาอยู่ต่างประเทศปวดฟันวันเสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องรอจนถึงวันจันทร์ เผลอ ๆ วันจันทร์คิวเต็มก็ต้องรอวันถัด ๆ ไป ทำให้ต้องมียาบรูเฟ็นมาติดบ้าน ซึ่งหลังกินเราก็คิดว่าได้ผลดีมากกกว่า การกินแค่ยาพาราเซ็ตตามอล

4. อาการปวดไมเกรน เบื้องต้นที่แนะนำคือ นาพรอกเซนแต่ถ้าทราบแน่ชัดว่าเราเป็นไมเกรน ควรกินยาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับไมเกรนจะได้ผลดีกว่า

5. อาการปวดท้องประจำเดือน เบื้องต้นที่แนะนำคือ ยาบรูเฟ็น และยานาพรอกเซนสำหรับยานาพรอกเซนอาจระงับอาการปวดได้ยาวนานกว่า

6. อาการปวดข้อ และกล้ามเนื้อ เลือกใช้ได้ทั้ง 3 ตัว ไม่ว่าจะเป็นพารา บรูเฟ็น หรือ นาพรอกเซนซึ่งช่วยลดอาการอักเสบเบื้องต้น หรือจะใช้ยานวดประเภทครีม หรือเจล ที่ช่วยลดการอักเสบเฉพาะที่ก็ได้ผลดี หรือจะใช้การประคบร้อน ประคบเย็นช่วย เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดแทนการกินยาก็ได้เช่นกัน เมื่อครั้งที่ผู้เขียนล้มและซี่โครงถูกกระแทก ก็จัดยาพาราเซตตามอลไปหนึ่งอาทิตย์ อาการก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น จนสุดท้ายจบลงที่นาพรอกเซนหลังจากนั้นอาการปวดก็หายเป็นปลิดทิ้ง แต่ก็มีปัญหานอนไม่หลับ ตอนแรกก็คิดว่านอนไม่หลับจากอาการปวด แต่หลัง ๆ ปวดไม่มาก แต่ก็นอนไม่หลับ จึงต้องไปค้นหาฉลากยามาอ่าน สุดท้ายทราบว่าเป็นผลข้างเคียงจากยานาพรอกเซน และเมื่อหยุดยา การนอนหลับก็ไม่มีปัญหาอีกต่อไป

7. อาการปวดท้อง แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการปวดให้แน่ชัด

ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นคำแนะนำสำหรับการดูแล บรรเทาอาการปวดเบื้องต้น เพื่อให้การใช้ยามีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นอันตรายกับผู้ใช้น้อยที่สุด และหากเราเคยมีประวัติแพ้ยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพื่อป้องกันอันตรายจากการแพ้ยา ซึ่งอาจจะมีผลถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องกินยาแก้ปวดด้วยความระมัดระวัง

แชร์ให้เพื่อน

5 อาหารป่า ให้โปรตีนสูง ไข่มันต่ำ

แชร์ให้เพื่อน

5 อาหารป่า ให้โปรตีนสูง ไข่มันต่ำ

   พอเริ่มเข้าฤดูฝนนี่อะไรๆก็ดูสดชื่นไปหมด สบายหูสบายตาต้นไม้ ใบหญ้าเขียวขจีต้อนรับน้ำฝนแรกแห่งปีพร้อมกับรัฐบาลใหม่ที่เจริญ​หูเจริญตา นำความเจริญรุ่งเรือง​กลับมาอีกครั้งให้กับประเทศไทย​ พืชสัตว์ป่าได้น้ำ ปลาได้ฝน คนได้อาหารจากแหล่งตามธรรมชาติ​ อาหารจากแหล่งธรรมชาติ​ที่มีความอุดมสมบูรณ์​มักเป็นระบบ​นิเวศน์​ที่สมดุลตามธรรมชาติ​ตามหลักวิชาชีววิทยา​ ที่กล่าวไว้ว่า  ปลาใหญ่กินปลาเล็ก(ระบบนิเวศน์​ในท้องทะเล)​ สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก (ระบบนิเวศน์​ในป่าเขา ลำเนาไพร)​ เจ้ามือหรือรายใหญ่กินรวบรายย่อย 555(ระบบตลาดเงินและตลาดทุน) นอกเรื่องแป็บ

    อาหารป่าที่เป็นแหล่งโปรตีนสูง ไขมันต่ำนั้นมีอยู่ในสัตว์​จำพวกใหนบ้างเรามาดูกันเลยคะ

1.ปลาตามธรรมชาติ ปลาจัดว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่มีประโยชน์​อย่างมากโดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึกซึ่งมีโอเมก้า 5 สูงนั่นเอง และเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ดูดซึมได้ดี สำหรับปลาน้ำจืดก็มีประโยชน์​ไม่แพ้กัน อย่างเช่น ปลานิล ปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอ ปลาหลด ปลาไหล ปลาเนื้ออ่อน ปลาเล็กปลาน้อย ที่เป็นแหล่งเสริมแคลเซียม​ช่วยบำรุงกระดูก​และฟันนั่นเอง


2.เห็ดตามธรรมชาติหรือเห็ดป่า ประโยชน์​ 9 อย่างของเห็ดสามารถหาอ่านได้เพิ่มเติมในบทความที่แล้ว ข้อมูลแน่นเชียวคะ รวมถึงข้อควรระวังในการเก็บและบริโภค​เห็ดป่า ตลอดจนการปฐมพยาบาล​เบื้องต้น​กรณีกินเห็ดพิษเข้าไปด้วย


3.อึ่งอ่าง กบ เขียด ช่วงฝนแรกต้นปีมักจะมีสัตว์กลุ่มนี้ออกจากการจำศีลช่วงหน้าร้อนและหน้าหนาว ออกมากินอาหารมื้อโต๊ะจีนอย่างแมลงชนิดต่างๆ ที่มีช่วงหน้าฝน และก็กลายมาเป็นอาหารของมนุษย์​ตามห่วงโซ่อาหารกินต่อไปนั่นเอง  อาหารประเภท​นี้มักเป็นที่ชื่นชอบของคนชนบทเพราะไม่ต้องซื้ิอ หาได้ตามธรรมชาติ รสช่วยอร่อยลองดูตามยูทูปที่มีการโชว์​การกินอึ่งอ่างแม่ไข่ต้มส้ม อึ่งช๊อตเป็นต้น อาหารกลุ่มนี้ให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ และแคลเซียม​สูงอีกเช่นกัน


4.ไข่ตามธรรมชาติ หรือแมลงตามธรรมชาติ เช่นไข่มดแดงที่เคยเขียนในบทความก่อนหน้าสามารถอ่านประโยชน์​ของไข่มดแดงได้ ไข่แมงมันเป็นอาหารที่ได้รับความนิยม​ทางภาคเหนือมีรสชาติ​อร่อยราคาขายเป็นหลักพันเลยก็ว่าได้เพราะเป็นสมุนไพร​อีกด้วย


5.แมลงชนิดต่างๆที่เป็นแหล่งโปรตีนสูงไขมันต่ำสามารถหารับประทานได้ตามร้านขายแมลงทอดอย่างเช่น ดักแด้ทอด ตักแตนทอด เขียดไชโย กบทอด จิ้งหรีดทอดกรอบ แมงกะชอน แมงแคง สารพัดแมลงเลยก็ว่าได้

จะเห็นได้ว่าพอเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแหล่งอาหารเริ่มอุดมสมบูรณ์​อีกครั้งเหมาะสำหรับประเทศไทย​ที่มีพื้นที่ทำการเกษตร​เป็นหลัก แต่ในอีกสี่ปีข้างอาจเกิดปัญหา​แห้งแล้ง​ น้ำท่วม ไฟป่า ดังนั้นเราจึงเตรียมแหล่งอาหารไว้เองหากแหล่งอาหารตามธรรมชาติ​ถูกทำลายลงไป

 

แชร์ให้เพื่อน