การรักษาเบาหวานด้วยการควบคุมอาหาร

แชร์ให้เพื่อน

การรักษาโรคเบาหวานด้วยการควบคุมอาหาร

การควบคุมอาหารในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่2นั้น มีเป้าหมายเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล และไขมันให้อยู่ในเกณฑ์​ปกติ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ซึ่งในการบริโภคอาหารของผู้ป่วยเบาหวานนั้น จำเป็นต้องควบคุมทั้งปริมาณ​และชนิดของอาหารให้เหมาะสมกับพลังงานที่ใช้ในแต่ละวันของผู้ป่วยเบาหวาน

พฤติกรรมการบริโภค​อาหารของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2

  • การบริโภคอาหารที่มีปริมาณ​มากเกินไป ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสู
  • การบริโภค​อาหารที่น้อยเกินไปร่วมกับการใช้ยารักษาเบาหวาน ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
    ฉะนั้นผู้ป่วยเบาจะต้องเรียนรู้ คำนวณปริมาณ​อาหารที่รับประทานแต่ละวัน โดยแบ่งมื้ออาหาร รับประทานตรงเวลา และเลือกรับประทานอาหารตามหมวดหมู่ โดยแบ่งออกเป็น

1.หมวดหมู่อาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานได้ไม่จำกัดจำนวน ซึ่งให้พลังงานต่ำ ช่วยการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายได้ช้าลง เช่น ผักใบเขียวทุกชนิด  ได้แก่ คะน้า ผักบุ้ง ผักกาด ถั่วฝีกยาว ถั่วงอก กวางตุ้ง เป็นต้น

2.หมวดหมู่อาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานได้แต่ต้องจำกัดจำนวน เช่น อาหารประเภทแป้ง ข้าว ซึ่งควบคุมได้ จึงแนะนำให้เลือกรับประทาน เส้นหมี่ มะกะโรนี วุ้นเส้น ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ สำหรับการรับประทานข้าวเหนียวให้ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งของข้าวจ้าว
สำหรับไขมันให้เลือกรับประทานน้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง

3.หมวด​หมู่อาหาร​ที่ผู้ป่วย​เบาหวานไม่สามารถรับประทานได้ คือกลุ่มอาหารที่ให้พลังงานสูง มีส่วนประกอบของน้ำตาลในปริมาณ​ที่มาก เช่น น้ำตาล ขนมหวาน ทองหยิบ ทองหยอด นมข้นหวาน หากต้องการอาหารที่มีรสหวานสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์​สารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลและให้พลังงานต่ำ เช่น  อีควล

ฉะนั้นการเลือกบริโภคอาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่2 อย่างเหมาะสม ควรต้องได้รับความรู้และคำแนะนำเรื่องชนิดและปริมาณของอาหาร เพื่อให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงกับค่าปกติมากที่สุดเพื่อให้ผู้ป่วยเบาหวานมีสุขภาพที่ดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ลดความสูญเสียด้านค่าใช้จ่ายสูง และเสียชีวิตได้

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

การดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานสำคัญอย่างไร?

แชร์ให้เพื่อน

การดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานสำคัญอย่างไร?

จากปัญหาภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในกลุ่มผู้ที่มีอาการชาที่ปลายมือปลายเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน ส่งผลให้เกิดแผลเรื้อรังที่นิ้วเท้า ขา นำไปสู่การตัดนิ้วเท้า หรือขาตามมาได้ ซึ่งจะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายสูงและเสียภาพลักษณ์​ ในประเทศไทยพบได้บ่อย
ร้อยละ 20-30 สาเหตุเกิดจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน ระบบประสาทส่วนปลายเสื่อม ร่วมกับการมีแผลเรื้อรัง และยังพบอัตราการตายสูงขึ้นด้วย

ฉะนั้นการส่งเสริมพฤติกรรม​การดูแลเท้าในผู้ป่วยเบาหวานที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อป้องกันการเกิดแผลที่เท้า เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยต้องตระหนักและปฎิบัติ​ตามอย่างเคร่งครัด

ข้อปฎิบัติ​ในการดูแลเท้าของผู้เบาหวานเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนมีดังต่อไปนี้

  • ทำความสะอาดเท้าด้วยน้ำสะอาด ใช้สบู่ฟอกตามซอกนิ้วเท้า เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มและสะอา
  • ตัดเล็บหลังทำความสะอาดเท้าใหม่ๆ โดยใช้กรรไกร​ตัดเล็บแบบตรงไม่ควรตัดสั้น ติดเนื้อเกินไป
  • ถ้าพบผิวหนังแห้ง หรือมีส้นเท้าแตกให้ใช้ครีม หรือโลชั่นทาบางๆ
  • ตรวจเท้าทุกวันเพื่อดูว่ามีแผล อักเสบ หรือไม่ ถ้ามีแผลให้รีบปรึกษาแพทย์
  • ห้ามใช้วัตถุมีคมแคะซอกเล็บ
  • ก่อนใส่รองเท้า ตรวจสอบภายในรองเท้าก่อนว่ามีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่ เลือกใส่รองเท้าที่หุ้มเท้า พอดี ไม่อับชื้น และสวมถุงเท้า
  • สวมรองเท้าทุกครั้งที่เดินออกนอกบ้าน ไม่เดินเท้าเปล่า
  • ขณะอยู่ในบ้านควรสวมถุงเท้าเพื่อปกปิดนิ้วเท้า
  • บริหารเท้าวันล่ะ 20-30 นาที โดยการนวดนิ้วเท้า ฝ่าเท้า และขา
  • สังเกตุอาการถ้ามีชาที่เท้า หรือมีความรู้สึกลดลงควรปรึกษาแพทย์
  • ถ้าพบบาดแผลถลอกควรรีบทำความสะอาดแผลด้วยน้ำต้มสุกหรือน้ำเกลือทันที
  • ควรได้รับการตรวจเท้าเพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดแผลที่เท้าเป็นประจำทุกปี

จะเห็นได้ว่าการดูแลเท้าที่ถูกต้องและการนวดเท้าเบาๆเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ร่วมกับเข้ารับการตรวจเท้าเพื่อประเมินความเสี่ยงการเกิดแผลที่เท้าเป็นประจำทุกปี ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนทางเท้าในผู้ป่วยเบาหวาน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

โรคเบาหวานรักษาได้อย่างไร?

แชร์ให้เพื่อน

โรคเบาหวานรักษาได้อย่างไร?

การรักษาโรคเบาหวานต้องอาศัยความร่วมมือของสหวิชาชีพและตัวผู้ป่วยเอง โดยผู้ป่วยต้องตระหนักและให้ความสำคัญเนื่องจากเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หายขาดแต่ควบคุมให้โรคสงบ อยู่ในเกณฑ์​ใกล้เคียง​ปกติมากที่สุดโดยเน้น คุมอาหาร ออกกำลังกาย ร่วมกับกินยาปรับระดับน้ำตาลในเลือด  ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่อง

  • การควบคุมอาหาร โดยอาศัยความร่วมมือกับโภชนากรแนะนำเรื่องอาหารให้ผู้ป่วยเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างถูกต้องเช่นอาหารที่กินได้ไม่จำกัดเช่นผักใบเขียว และกลุ่มที่ต้องจำกัดเช่นผลไม้รสหวาน ทุเรียน แนะนำใหกินผลไม้ที่หวานน้อย เช่น ชมภู่ ฝรั่ง เลี่ยงอาหารหวานมันและเค็ม  ขนมหวานเลี่ยงน้ำอัดลม  หรือแอลกอฮอล์​
  • การออกกำลังกาย เช่น แอโรบิก​ วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เดินเร็ว ไม่ควรนั่งเฉยๆ หรือนอนพักนานเกิน 90 นาที ควรลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบ
  • การใช้ยา โดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่1 รักษาโดยฉีดอินซูลินเท่านั้น โดยพยาบาลมีหน้าที่ในการสอนเรื่องการฉีดยาและติดตามเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการฉีดยาตามมาได้ และแพทย์จะได้ปรับยาให้ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โรคเบาหวานมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้างที่ต้องเฝ้าระวัง

  • เบาหวานขึ้นตา เกิดจากมีน้ำตาลสูงเรื้อรัง ควบคุมไม่ได้ ส่งผลให้จอประสาทตาเสื่อม ถ้าไม่รีบรักษา อาจทำให้ตาบอดได
  • เบาหวานลงไต เกิดจากน้ำตาลในเลือดสูงส่งผลให้เกิดแรงดันไปที่ไตสูงด้วย มีโปรตีนไข่ขาวรั่วมากับปัสสาวะ ไตทำงานลดลงขับของเสียออกไม่ได้ มีการคั่งของของเสียส่งผลให้เป็นไตวายในที่สุด
  • ภาวะแทรกซ้อนทางเส้นประสาทส่วนปลาย
    มีอาการชาปลายมือ ปลายเท้า ร้อนปลายมือปลายเท้า เสี่ยงทำให้เดินชนมีบาดแผลได้งาย และแผลหายช้า หรือแผลเรื้อรัง
  • เส้นเลือดแดงใหญ่อุดตัน เกิดบริเวณขาส่วนปลาย นิ้ว ทำให้มีการติดเชื้อ ต้องตัดนิ้วเท้าหรือขาเนื่องจากแผลเรื้อรังและขยายขึ้นเรื่อยๆ
  • เส้นเลือดหัวใจตีบ ส่งผลให้เกิดหัวขาดเลือดตามมา ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะและเสียชีวิตฉับพลัน
  • เส้นเลือดสมองตีบ ทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดอัมพฤกษ์​อัมพาต​ ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

โรคเบาหวาน คืออะไร? ทำไมต้องตรวจคัดกรอง

แชร์ให้เพื่อน

โรคเบาหวาน คืออะไร? ทำไมต้องตรวจคัดกรอง

โรคเบาหวาน( Diabetes) คือ ภาวะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากกว่า 126 มก/ดล.เกิดการขาดอินซูลินส่งผลทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญน้ำตาลไปใช้ได้หมด เกิดส่วนเกินในกระแสเลือด เมื่อเกิดระดับน้ำตาลเหลือค้างในกระแสเลือดติดต่อกันต่อเนื่องเป็นประจำทำให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นและมีผลกระทบต่อหลอดเลือด  ระบบประสาทส่วนปลาย ถูกทำลาย นำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่างๆได้

วิธีการตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน
ใช้เครื่องมือตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด โดยอาศัยเกณฑ์การวินิจฉัยดังนี้

  • มีระดับน้ำตาลในเลือดขณะงดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 8 ชั่วโมงมากกว่า 126 มก/ดล.โดยตรวจพบอย่างน้อย 2 ครั้ง
  • มีระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม (HbA1c)​มากกว่าหรือเท่ากับร้อยล่ะ 6.5 ขึ้นไป
  • มีระดับน้ำตาลในเลือดหลังกินน้ำตาลกลูโคส 75 กรัมเป็นเวลา 2 ชั่วโมงเกิน 200 มก./ดล.
  • มีอาการแสดงของโรคเบาหวานร่วมด้วย เช่น ปัสสาวะบ่อย  มีมดตอมน้ำปัสสาวะ กระหายน้ำบ่อย
  • เหนื่อยง่ายกว่าปกติ ชาปลายมือปลายเท้า แสบร้อน มีแผลหายช้า ตามัวลง

โรคเบาหวานแบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ

1.เบาหวานชนิดที่ 1(DMT1)​เกิดจากตับอ่อนถูกทำลายจากภูมิคุ้มกันร่างกายแล้วทำให้ขาดอินซูลิน
2.เบาหวานชนิดที่ 2(DMT2)​ เกิดจากภาวะดื้ออินซูลินมักพบกับบ่อยกับกลุ่มคนอ้วน
3.เบาหวานชนิดพิเศษ เกิดได้หลายสาเหตุเช่น พันธุกรรม  โรคตับอ่อน จากยาบางชนิด
4.เบาหวานขณะตั้งครรภ์ เกิดขึ้นช่วยที่ตั้งครรภ์และหายไปได้หลังจากคลอดบุตรแล้ว คนกลุ่มนี้มีโอกาสเกิดเบาหวานชนิดที่ 2 ในอนาคต


กลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวาน
1.ประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน
2.เป็นโรคอ้วนร่วมด้วย มีน้ำหนัก้กินมาตรฐาน
3.เคยมีประวัติเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือมีบุตรน้ำหนักเกิน 4 กก.
4.อายุเกิน 40 ปีขึ้นไป
5.ไม่เคยออกกำลัง กินเหล้า สูบบุหรี่

โรคเบาหวานเกิดจาก
1.กรรมพันธุ์​
2.อ้วน น้ำหนักเกิน
3.อายุุมากขึ้นเกิน 35 ปี
4.โรคของตับอ่อน เช่น ตับอ่อนอักเสบ การผ่าตัดตับอ่อน
5.มีการตั้งครรภ์
6.ติดเชื้อไวรัส​บางชนิด ส่งผลให้เป็นเบาหวาน เช่น หัด หัดเยอรมัน
7.ได้รับยาบางชนิด ทำให้มีการผลิตน้ำตาลมากขึ้น

อาการบ่งชี้ว่าเป็นโรคเบาหวาน

  • อาการหิวบ่อย กินเก่ง
  • ปัสสาวะบ่อย มีมดตอม
  • กระหายน้ำบ่อย จากปัสสาวะบ่อย
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
  • มีแผลเรื้อรัง หายช้า
  • น้ำหนักลดลงเร็วไม่ทราบสาเหตุ
  • คันตามผิวหนัง เป็นเชื้อรา ตกขาวบ่อย
  • ตาพร่ามีว มองไม่ชัด

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

สุขภาพกับการลงทุน

แชร์ให้เพื่อน

สุขภาพกับการลงทุน

“การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดพิจารณาก่อนการลงทุน”

ในโลกของการลงทุนนั้นมีมากมายหลายอย่างให้เลือกลงทุน เช่น  การลงทุนใน สกุลเงิน​ดิจิตอล​  สินค้าโภคภัณฑ์​ ตราสารหนี้  ฟอเร็กซ์หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม

การเลือกลงทุนในกองทุนรวมนั้นจะช่วยสำหรับบุคคลที่ไม่มีความรู้ในการจัดพอร์ต​การลงทุน จึงเลือกที่จะให้ผู้จัดการลงทุนเป็นผู้จัดพอร์ตลงทุนให้
การเลือกกองทุนที่จัดพอร์ตการลงทุนด้านสุขภาพนั้นมีมากมายหลากหลาย

กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนด้านสุขภาพเป็นหลักแบ่งออกเป็น
1.การลงทุนด้านสุขภาพภายในประเทศเช่น
.เน้นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลซึ่งดูแล รักษา และส่งเสริมสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎ์​  เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ เครือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์​ และอื่นๆ

2.การลงทุนด้านสุขภาพต่างประเทศเช่น
.กองทุนรวม scbihealth(a)​ เป็นกองทุนเปิด โดยเน้นการลงทุนด้านการแพทย์ 100%ในรอบปีที่ผ่านมา

ผลการดำเนินงานและการปันผล
ขาดทุนถึง 45.29% จากประเด็นปัญหาด้านโควิดระบาดน่าจะส่งผลต่อการดำเนินงานแต่เมื่อสถานการณ์​โควิดดีขึ้น ผลประกอบการน่าจะกลับมามีผลกำไรในปีหน้า

.กองทุนรวมSCBINNO(A)​ เป็นกองทุนเปิด โดยเน้นการลงทุนด้วยนวัตกรรม​ที่เกี่ยวข้องกับทางสุขภาพในอนาคต ซึ้งบริหารกองทุน โดย ARK Investment Management โดยได้รับความนิยมมาก่อนหน้านี้

ผลการดำเนินงาน​และผลตอบแทน ในรอบ 1ปีที่ผ่านมาขาดทุนถึง65%แล้ว การเลือกลงทุนด้านสุขภาพตอนนี้ถ้ามองถึงผลตอบแทนในอีก5-10ปีข้างหน้า ก็น่าสนใจ

ทำไมการลงทุนด้านสุขภาพถึงน่าสนใจ?

1.ภาวะสุขภาพของมนุษย์เริ่มต้นตั้งแต่การเกิด
โดยพัฒนาการเริ่มตั้งแต่เด็กในครรภ์จนถึงวัยทารกแรกเกิด รวมถึงภาวะสุขภาพดีตั้งแต่เกิด วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่  เน้นการลงทุนด้านการส่งเสริมสุขภาพ กลุ่มอาหารเสริมต่างๆ

2.ภาวะสุขภาพของมนุษย์ด้านการเจ็บป่วย
ตัวอย่างการเจ็บป่วยที่ผ่านมาคือเรื่องโควิด19 ส่งผลให้บริษัทที่ลงทุนด้านวัคซีน  การตรวจหาเชื้อ  ATK มีผลกำไรเติบโตอย่างเห็นได้ชัด และบริษัทที่ลงทุนเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย  ถุงมือและเครื่องมือแพทย์ ยารักษาโรค เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว  ภาวะสุขภาพการเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงอายุเพราะฉะนั้นการลงทุนด้านการดูแลรักษา ยา เป็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นกัน

3.ภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่ในขณะที่ญี่ปุ่นและยุโรปนั้นตอนนี้อยู่ในช่วงสังคมผู้สูงอายุแล้วหน่วยลงทุนที่เกี่ยวข้องกับวัยสูงอายุเช่น K-EUSAGE ผลการดำเนินงานและผลตอบแทนขาดทุนในรอบ 1ปีที่ผ่านมาคิดเป็น 17% โดยพอร์ต​การลงทุนเน้น ด้านการเงินและการแพทย์

จะเห็นได้ว่าในชีวิตมีความเกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งสิ้น การค้าขาย การปลูกพืชผักทางการเกษตร เพื่อค้าขาย  การเลี้ยงสัตว์เพื่อค้าขาย โดยผู้ลงทุนนั้นคาดหวังในผลกำไรที่ได้ เปรียบเสมือนการลงทุนในตลาดการลงทุนที่มีโอกาสทั้งกำไรและขาดทุนเช่นกัน  ขณะที่วงจรการลงทุนด้านสุขภาพจะอยู่ในวงจรชีวิตของมนุษย์คือเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถือว่าเป็นวัฏจักร​ที่ไม่จบสิ้น

การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดพิจารณาก่อนการตัดสินใจลงทุน
สนใจบทความด้านนี้โปรดติดตามครั้งต่อไป

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

 

แชร์ให้เพื่อน

5 นิทานช่วยกระตุ้นพัฒนาการวัยเด็กก่อนเรียน

แชร์ให้เพื่อน

5 นิทานช่วยกระตุ้นพัฒนาการวัยเด็กก่อนเรียน

การฟังนิทานกับเด็กวัยก่อนเรียนเป็นของคู่กัน ไม่มีเด็กคนใหนไม่ชอบฟังนิทาน  การเล่านิทานให้เด็กฟัง เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตามธรรมชาติให้กับเด็กวัยก่อนเรียน นอกจากให้ความเพลิดเพลินแล้วยังสอดแทรก สาระความรู้  คติธรรม  จริยธรรม สมาธิจดจ่อในการฟัง  สร้างจินตนาการ  มีความคิดสร้างสรรค์​ และยังช่วยปลูกฝังให้ช่างสังเกตุ  กล้าสอบถามและแสดงความคิดเห็น โดยใช้ตัวละครมีบทบาทสมมุติให้เด็กสร้างจินตนาการ โดยตัวละครแต่ละตัวสะท้อนประเด็นที่เด็กควรเลือกปฏิบัติ หรือหลีกเลี่ยงที่จะปฏิบัติตาม โดยมีสอดแทรกแง่คิดต่างๆ เช่น นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า สอดแทรกเรื่อง ความประมาทของกระต่ายทำให้เกิดความพ่ายแพ้  ขณะที่ความพยายามและอดทนของเต่าจะช่วยให้ประสบความสำเร็จ

นิทานที่นิยมเล่าให้เด็กๆวัยก่อนเรียนฟังเพื่อกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆมีดังต่อไปนี้คือ

1.เด็กเลี้ยงแกะ
เนื้อหาโดยย่อ
มีเด็กชายคนหนึ่งออกไปเลี้ยงแกะทุกวันที่ทุ่งนา วันหนึ่งนึกสนุกขึ้นมาจึงร้องตะโกนบอกชาวนาว่า หมาป่ากินแกะหมดแล้ว  หมาป่ากินแกะหมดแล้ว
ชาวนาที่อยู่แถวนั้นต่างวิ่งมาช่วยแต่เมื่อมาถึงกลับพบเด็กนั่่งหัวเราะ และไม่เห็นมีหมาป่าซักตัว ทำให้ชาวนาโกรธ​มาก  วันต่อมาเด็กไปเลี้ยงแกะตามปกติ
และมีหมาป่ามาไล่กัดฝูงแกะ  เด็กจึงร้องตะโกนให้ชาวนามาช่วย แต่ไม่มีใครมาช่วยเลยซักคน หมาป่าจึงกินแกะของเด็กจนหมด

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • ช่วยให้เด็กมีสมาธิในการตั้งใจฟัง
  • ช่วยให้รู้จักคำศัพท์ต่างๆเพิ่มมากขึ้น
  • ช่วยให้เด็กแยกแยะประเภทของสัตว์ที่ดุร้าย
  • สอดแทรกคติธรรมเรื่องการพูดโกหกทำให้ขาดความเชื่อถือ และสอนให้หลีกเลี่ยงไม่ทำตามเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ
  • พ่อแม่ใช้ทักษะถามคำถามปลายเปิดให้เด็กตอบเช่น หมาป่ากินแกะของใคร  ใครวิ่งไปช่วยเด็กเลี้ยงแกะครั้งแรก  เพื่อประเมินทักษะการจำในประเด็นต่างๆ

 


2.เทวดากับคนตัดต้นไม้
เนื้อหาโดยย่อ
มีคนตัดคนไม้คนหนึ่ง ออกไปตัดต้นไม้ในป่าใกล้แหล่งน้ำใหญ่ ขณะที่กำลังตัดกิ่งไม้อยูนั้น ขวานร่วงลงไปในน้ำ คนตัดไม้หาอย่างไรก็ไม่พบ  มีเทวดาตนหนึ่งนึกส่งสารจึงแปลงกายเป็นคนธรรมดาเพื่อสอบถาม และช่วยงมขวานให้ เทวดางมขวานทองคำมาส่งให้คนตัดแต่คนตัดไม้ก็บอกว่าไม่ใช่ของตนจึงไม่รับ เทวดาจึงงมขวานธรรมดาของชาวนา และชาวนาก็รับขวานของตนไป

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • มีสมาธิ ตั้งใจฟ้ง
  • สอดแทรกคติธรรมเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต​
  • พ่อแม่ใช้ทักษะการประเมินการจำของเด็กเช่น
    คนตัดต้นไม้ใช้อะไรตัดต้นไม้   สอดแทรกเรื่องการตัดไม้เป็นการทำลายธรรมชาติ  ใครช่วยงมขวานให้คนตัดไม้

3.ซินเดอเรลล่า​
เนื้อหาโดยย่อ เป็นนิทานที่ชื่นชอบในกลุ่มเด็กผู้หญิง
กาลครั้งมีเด็กคนหนึ่งชื่อซินเดอเรลล่า​ ผิวขาวดั่งหิมะ  เป็นธิดาของราชา ต่อมาราชินีเสียชีวิต ราชามีเมียใหม่ มีนิสัยโหดร้าย​ขี้อิจฉา​ เป็นแม่มด จึงกลั่นแกล้ง ซินเดอเรลล่า​ทุกอย่าง ให้ทหารเอาไปฆ่าในป่าแต่ทหารสงสารจึงปล่อยตัวไปและเอาหัวใจของสัตว์มามอบให้แม่มดแทน ซินเดอเรลล่า​ได้รับความช่วยเหลือจากคนแคระทั้งเจ็ด  แม่มดมักจะถามกระจกวิเศษใครงามเลิศในปฐพี กระจกวิเศษตอบว่า ซินเดอเรลล่า​งัย  ทำให้แม่รู้ว่าซินเดอเรลล่า​ยังไม่ตายจึงแปลงร่างเป็นหญิงชรานำแอปเปิล​อาบยาพิษ​ ให้ซินเดอเรลล่า​กินและเสียชีวิต
สุดท้ายซินเดอเรลล่า​ได้พบกับเจ้าชายรูปงาม​จมพิศทำให้ฟื้นคืนชีพและอยู่ด้วยกันกับเจ้าอย่างมีความสุข

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • ฝึกทักษะการจำ
  • การมีสมาธิ
  • การแยกแยะตัวละครที่ดีและตัวละครที่โหดร้าย
  • สอดแทรกคติธรรมเรื่องความอิจฉา​ริษยา​
  • ประเมินการจำโดยสอบถามซินเดอเรลล่า​มีรูปร่างแบบใหน ใครช่วยซินเดอเรลล่า​ในป่า  ซินเดอเรลล่า​กินอะไรทำให้เสียชีวิต

 


4.ราชสีห์​กับหนู
เนื้อหาโดยย่อ
ราชสีห์​เจ้าป่านอนหลับอยู่ มีหนูตัวหนึ่งวิ่งเล่นก่อกวนทำให้ราชสีห์​ตื่นแล้วตะครุบหนู หนูร้องขอชีวิตบอกว่าในภายภาคหน้าตนอาจได้ช่วยราชสีห์​ ราชสีห์​จึงปล่อยหนูไป  ต่อมาวันหนึ่งราชสีห์​ติดกับดักนายพรานร้องเสียงดังลั่นป่าหนูได้ยินจึงมากัดเชือกช่วยราชสีห์​พ้นจากบ่วงนายพราน และเป็นเพื่อนกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • ทักษะการจำเนื้อหา
  • สอดแทรกคติธรรมเรื่องความกตัญญู​การช่วยเหลือเกื้อกูล
  • พ่อแม่สอบถามความจำในประเด็น ราชสีห์​ติดบ่วงของใคร ใครเป็นคนช่วยราชสีห์​

5.ลูกหมู3ตัว
เนื้อหาโดยย่อ
มีลูกหมี3ตัวโตขึ้นต้องออกเดินทางผจญภัย​และสร้างบ้านของตนเอง
ลูกหมูตัวที่หนึ่งสร้างบ้านด้วยฟางไม่มีความแข็ง สร้างเสร็จก่อนเพื่อน
ลูกหมูตัวที่สองสร้างบ้านด้วยไม้ ความแข็งแรงปานกลาง เสร็จเป็นลำดับที่สอง
ลูกหมูตัวที่สามสร้างบ้านด้วยอิฐบ้านมีความแข็ง ทนทาน เสร็จเป็นตัวสุดท้าย
วันหนึ่งมีหมาป่ามาทำร้ายลูกหมูตัวที่หนึ่งและตัวที่สองเป่าทำให้บ้านพัง และลูกหมูทั้งสองตัววิ่งไปอาศัยในบ้านของลูกหมูตัวที่สามที่มีความแข็งทนทานและปลอดทำให้หมาป่าเข้าไปทำร้ายไม่ได้ จึงปืนขึ้นทางปล่องไฟ ลูกหมามีความคิดที่เฉลียวฉลาดจุดไฟ ทำให้หมาตกลงมาโดนความร้อนตาย

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • ความจำ  ความคิดสร้างสรรค์
  • สอดแทรกเรื่องความพยายามในการสร้างบ้านที่แข็งแรงของลูกหมูตัวที่สามเพื่อป้องกันอันตราย
  • สอดแทรกเรื่องการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีความแข็งแรงเรื่อง บ้านอิฐ บ้านไม้ บ้านฟางมีความแข็งแตกต่างกัน
  • ส่งเสริมให้เด็กแยกแยะและเปรียบสิ่งของต่างๆได้

จะเห็นได้ว่าการเล่านิทานให้เด็กวัยก่อนเรียนฟัง และการใช้หุ่นมือ หรือเสียงดนตรีประกอบการเล่านิทานก็ช่วยดึงดูดความสนใจของเด็กได้มากขึ้นด้วย สามารถใช้วิธีการเล่าเรื่องอื่นๆได้มากมาย และสลับให้เด็กเป็นผู้เล่าเพื่อประเมินความจำของเด็กได้ด้วย

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

วัยรุ่นกับความงาม

แชร์ให้เพื่อน

วัยรุ่นกับความงาม

เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น การเจริญเติบโตทางด้านร่างกายและสติปัญญา​ในช่วงอายุ 12-18 ปี โดยเด็กผู้หญิงเข้าสู่วัยรุ่นก่อนเด็กผู้ชาย 2 ปี เป็นวัยที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมศึกษา​ และเป็นวัยเจริญพันธุ์​ มีพัฒนาการด้านร่างกายเติบโตขึ้นอย่ารวดเร็ว พร้อมเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ขณะที่พัฒนาการด้านสติปัญญา  มีความคิดที่ซับซ้อน ลึกซึ้ง และมีระบบ ตัดสินใจแก้ปัญหาได้เอง
ความต้องการด้านความงามของวัยรุ่นหญิงเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เป็นจุดสนใจกับเพศตรงข้าม ฉะนั้นวัยรุ่นจะเน้นการดูแลสุขภาพร่างกายเป็นหลัก

การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของวัยรุ่น

1.การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและครบหลัก5 หมู่
2.การออกกำลังเพื่อช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
3.แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นโดยไม่ตัดสินเน้นให้เกิดการเรียนรู้และคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองนำไปสู่การตัดสินใจ
4.ช่วยส่งเสริมและกระตุ้นให้วัยรุ่นกำหนดเป้าหมายของชีวิตในอนาคต โดยคอยให้คำปรึกษาแนะนำ
5.ชมเชยและเสริมสร้างกำลังในกิจกรรมที่วัยรุ่นเลือกและปฏิบัติได้เหมาะสม

 

การเสริมความงามของวัยรุ่นที่ได้รับความนิยมแพร่หลายคือ
1.การจัดฟัน เนื่องจากวัยรุ่นฟันแท้ขึ้นครบ28ซี่แล้ว การจัดฟันนอกจากจะทำเพื่อความสวยงามแล้ว  การทำเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของตำแหน่งฟัน โครงหน้าและช่วยการขบเคี้ยวอาหารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  และการจัดฟันเพื่อช่วยลดปัญหาทางเดินหายใจ

การจัดฟันแบ่งเป็น

  • การจัดฟันแบบใส
  • การจัดฟันแบบเร่งด่วน
  • การจัดฟันแบบเซรามิค​

 

 

2.การศัลยกรรมด้านความงาม เช่น การเสริมจมูก  เหลาคาง  ปรับกระดูกหน้าผากนั้น  ยังไม่เหมาะสมกับวัยรุ่นเนื่องจากการเจริญเติบโตของกระดูกยังไม่หยุดนิ่ง  ไม่เหมาะสมที่จะศัลยกรรมด้านนี้


2.การใช้เครื่องสำอางค์
การเลือกใช้เครื่องสำอางค์​ของวัยรุ่น เนื่องจากวัยรุ่นเป็นวัยที่มีฮอร์โมน​เพศที่ช่วยให้ร่างกายมีความเต่งตึง การเลือกเครื่องสำอางค์​ที่จำเป็นเช่น
.ครีมกันแดด ครีมกันแดดนั้นมีความจำเป็นกับทุกเพศทุกวัยเพื่อป้องกันรังสีจากแสงแดด เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในเขตร้อน การเลือกครีมกันแดดต้องไม่มีความระคายเคืองต่อผิว ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้

  • ครีมบำรุงผิว เลือกครีมบำรุงผิวที่ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น  ลดอาการแห้งกร้านของผิว ที่สำคัญไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิว หรือแพ้ มีผื่นคัน
    ควรมีการตรวจสอบกับผิวแขนก่อนใช้กับผิวหน้า
  • แป้ง เด็กวัยรุ่น ควรเลือกใช้แป้งที่บางเบา ไม่จำเป็นต้องใช้ผสมรองพื้นเพราะจะทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน​ มีปัญหาสิวอักเสบได้
  • ลิปสติก​ ควรเลือกใช้ลิปมัน มีสีจาง ช่วยให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้น

3.การใส่คอนแทคเลนส์​ การใส่คอนแทคเลนส์​ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มวัยรุ่นเช่นการใช่คอนแทคเลนส์​สายตาที่มีสี และคอนแทคเลนส์​เพื่อความงามทำให้ตาโต เปลี่ยนสีของดวงตา

ข้อควรระวังการใช้คอนแทคเลนส์​

  • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งที่ใส่หรือถอด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ห้ามใส่คอนแทคเลนส์​ขณะนอนหลับ  การถอดคอนแทคเลนส์​ช่วยให้ดวงตาได้รับออกซิเจน​  ตาชุ่มชื้น ไม่แห้ง
  • เปลี่ยนตลับคอนแทคเลนส์​ทุกเดือนและทำความสะอาดบ่อยๆเนื่องจากเป็นแหล่งเพาะเชื้อ
  • เปลี่ยนน้ำแช่คอนแทคเลนส์​ทุกวัน ลดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ห้ามใช้น้ำเกลือ น้ำประปาแช่คอนแทคเลนส์​   น้ำเกลือใช้ล้างคอนแทคเลนส์​ได้
  • ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์​ติดต่อกันเกิน 8 ชั่วโมง
    การใส่นานเกินไปจะทำให้ดวงตาขาดออกซิเจน​ ตาแห้ง ขาดความชุ่มชื้น เคืองตาได้
  • ควรตัดเล็บให้สั้น และดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
  • คอนแทคเลนส์​ใหม่ให้แช่น้ำยา 1 คืนก่อนใช้ เพื่อเป็นการปรับสภาพคอนแทคเลนส์​ ลดการระคายเคืองของดวงตา

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

การเล่นมือถือกับปัญหาสุขภาพของเด็กวัยเรียน

แชร์ให้เพื่อน

การเล่นมือถือกับปัญหาสุขภาพของเด็กวัยเรียน

ในยุคสมัยปัจจุบันนี้เด็กวัยเรียนเข้าถึงสื่อออนไลน์ได้ง่าย ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพหลายด้าน
แต่ถ้าผู้ปกครองดูแลและป้องกันในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรงได้
จากข้อมูลการศึกษาพบว่าเด็กวัยเรียนมีความเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ​ร้อยล่ะ 61 และการใช้
อินเตอร์​เน็ต​ประจำบ้านร้อยล่ะ 44 โดยที่เด็ก
วัยเรียนเล่นมือถือมากกว่า 1ชั่วโมงต่อวันคิดเป็นร้อยล่ะ 88 และเล่นมือถือมากกว่า 3 ชั่วโมงขึ้นไปคิดเป็นร้อยล่ะ 36  โดยเข้าดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกมถึงร้อยล่ะ 66

เด็กที่ติดมือถือมีปัญหาด้านสุขภาพและด้านอื่นๆดังต่อไปนี้

1.มีปัญหาด้านสายตา มีอาการเจ็บแสบตา สายตาพร่ามัว จำเป็นต้องใช้แว่นสายตามากขึ้น
2.มีอาการปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะอาหาร เนื่องจากกินอาหารไม่ตรงเวลา ขาดน้ำ  เพราะเล่นต่อเนื่องไม่อยากหยุดเล่นโทรศัพท์
3.กระตุ้นอาการภูมิแพ้ให้รุนแรงขึ้นเนื่องจากขาดการดูแลสุขภาพ ในกลุ่มที่เป็นโรคภูมิแพ้
4.ปัญหาด้านจิตใจ มีอารมณ์​ร้อน หงุดหงิดง่าย เอาแต่ใจตัวเอง
5.ปัญหาด้านสังคม เก็บตัวอยู่ในบ้าน  หลีกเลี่ยงการสื่อสารกับบุคคลอื่น
6.ปัญหาด้านการเรียน  ผลการเรียนตกต่ำ  สนใจการเรียนน้อยลง  ขาดสมาธิในการเรียนรู้ มีการแสดงออกไม่เหมาะสมกับวัย

จะเห็นได้ว่าการเล่นมือถือมากกว่า3 ชั่วโมงต่อวันนอกจากส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้วยังมีผลกระทบต่อจิตใจและสังคมของเด็กด้วย
ผู้ปกครองควรตระหนักและคิดหาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจังก่อนที่จะสายเกินแก้

แนวทางและข้อแนะนำสำหรับการแก้ปัญหามีดังต่อไปนี้
1.ผู้ปกครองต้องดูแลเอาใจใส่เด็กมากขึ้นทั้งในด้านการดูแลเรื่องอาหารการกินให้ตรงเวลา
2.กำหนดเวลาการเข้าถึงสื่อออนไลน์ให้น้อยลง
3.เพิ่มกิจกรรมด้านอื่นให้มากขึ้นเพื่อลดเวลาการเข้าถึงสื่อออนไลน์เช่น การขี่จักรยานออกกำลังกาย
การเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน การเล่นที่สนามเด็กเล่น
4.ผู้ปกครองพาเด็กนั่งสมาธิ หรือสวดมนต์ก่อนนอน
5.มีกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวเช่น เล่นเกมทายปัญหา เล่านิทาน  เล่นเกมเศรษฐี​ เพื่อเบียงเบนความสนใจจากสื่อออนไลน์
6.ผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการเข้าถึงสื่อออนไลน์ขณะอยู่ที่บ้านกับเด็ก
7.ผู้ปกครองควรติดตามพฤติกรรมของเด็กที่โรงเรียนเพื่อจะได้หาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกับครูประจำชั้น
8.จัดตารางการเข้าถึงสื่อออนไลน์ และผู้ปกครองควรดูแลใกล้ชิดขณะที่เด็กเล่นโทรศัพท์จะได้ให้ข้อแนะนำด้านสื่อที่ไม่เหมาะสมได้

เนื่องจากการสื่อสารและเทคโนโลยี่ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงและเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว การไม่ให้เด็กเข้าถึงสื่อออนไลน์เลยย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะในอนาคตข้างหน้าเมื่อเด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ต้องมีความเกี่ยวข้องกับสื่อออนไลน์​อยู่ดี สิ่งที่จะทำได้ดีที่สุดคือการให้คำแนะนำแก่เด็ก และกำหนดกฎกติกาต่างๆในการใช้โทรศัพท์เพื่อแก้ปัญหาด้านสุขภาพ จิตใจ อารมณ์​และสังคมของเด็ก

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

4 เกมกระตุ้นพัฒนาการของวัยเด็ก

แชร์ให้เพื่อน

4 เกมกระตุ้นพัฒนาการของวัยเด็ก

เกมออนไลน์​มีมากมายหลายชนิดการชวนลูกเล่นเกมแบบใหนที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ
โดยแต่ละเกมจะมีกฏกติกาที่แตกต่างกันไป
ผู้ปกครองชวนลูกเล่นเกมนอกจากจะช่วยให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้วยังควบคุมเวลาการเล่นมือถือของเด็กและเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างผู้ปกครองและเด็กด้วย

เกม​ออนไลน์​ที่นิยมเล่นเพื่อช่วยกระตุ้นพัฒนาการของวัยเด็กมีดังต่อไปนี้คือ

1.เกมการแต่งตัว

โดยทั่วไปจะเป็นการเล่นของเด็กผู้หญิง  โดยในเกมจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการแต่งตัวตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า และมีอุปกรณ์และเครื่องประดับต่างๆด้วย

ประโยชน์ที่ได้รับจากการเล่นเกมแต่งตัวออนไลน์​

  • ช่วยในการตัดสินใจเลือกชุดมาแต่งตัว
  • สร้างแรงบันดาลใจ​ ในด้านความสวยงาม
  • ช่วยให้เพลิดเพลิน คลายเครียดจากการเรียน
  • สร้างคลังคำศัพท์ให้แก่เด็ก รวมถึงศัพท์​ภาษาอังกฤษ
  • .ช่วยการเรียนรู้ศัพท์​ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอุปกรณ์การแต่งกาย และเครื่องประดับต่างๆ

2.เกมปริศนาอักษร​ไขว้

ประโยชน์ที่ได้รับจากการเล่นเกมคือ

  • ช่วยพัฒนาสมองซีกซ้ายและความจำ
  • ช่วยในการเรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ
  • มีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน
  • ช่วยฝึกไหวพริบ เชาวน์​ปัญญา​ ฝึกคิดแก้ปมปัญหา
  • มีความคิดสร้างสรรค์​และมีความคิดนอกกรอบ
  • ช่วยให้มีความรอบคอบ และพิจารณาละเอียดถี่ถ้วน
  • ช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาทั้งไทยและอังกฤษ

 


 

3.เกมหาจุดแตกต่างของภาพ

ประโยชน์ที่ได้จากเกมหาจุดแตกต่างของภาพคือ

  • ช่วยฝึกให้ช่างสังเกตุและจดจำแยกแยะความแตกต่างได้
  • ช่วยฝึกสมาธิ ความอดทนในการค้นหาจุดแตกต่าง
  • ช่วยเรียนรู้เรื่องคำศัพท์​
  • ช่วยฝึกทดสอบแข่งกับเวลา
  • ช่วยกระตุ้นสมอง
  • ช่วยกระตุ้นการมองเห็น
  • เพลิดเพลิน สนุกสนาน
  • มีความสุข ผ่อนคลายเมื่อหาเจอจุดแตกต่าง

4.เกมเศรษฐี

นับเป็นเกมที่ได้รับความนิยมด้านการบริหารด้านการเงิน การจัดการด้านการเงิน ด้านการลงทุน
ด้านบริหารสินทรัพย์ การบริหารจัดการเงินสด
การบริหารจัดการหนี้สิน การสร้างกระแสเงินสดจาก passive income

ประโยชน์ที่ได้จากเกมเศรษฐี​คือ

  • ช่วยฝึกทักษะด้านการคิดและบริหารจัดการเงินที่มี
  • ให้ความรู้เรื่องเงิน
  • มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน
  • สอนเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์
  • สอนเรื่องรายได้ที่เป็น Passive income
  • เคารพกฏกติกา การอยู่ร่วมกันในสังคม
  • ช่วยพัฒนาด้านสติปัญญา ตัวเลข จำนวนเงิน

จะเห็นได้ว่าเกมนั้นมีประโยชน์ช่วยกระตุ้นพัฒนาการในเด็ก และผู้ใหญ่ก็สามารถช่วยกระตุ้นสมองไม่ให้หลงลืมได้ การเลือกเล่นเกมตามที่แนะนำช่วยให้เด็กมีเชาว์ปัญญาดี ผลการเรียนดีขึ้น เป็นเด็กที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคตต่อไป

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

5 กิจกรรมการเล่นของไทยช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก

แชร์ให้เพื่อน

5 กิจกรรมการเล่นของไทยช่วยกระตุ้นพัฒนาการเด็ก

กิจกรรมการเล่นของเด็กสมัยก่อนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและพัฒนาการ เป็นการเล่นของเด็กๆที่เล่นเป็นกลุ่มในวัยใกล้เคียง​กัน โดยใช้วัสดุอุปกรณ์​ที่หาง่ายและอยู่ใกล้​ตัว เล่นเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน

กิจกรรมการเล่นที่พบบ่อยและช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตและพัฒนาการมีดังต่อไปนี้

1.กระโดดเชือก   เป็นการเล่นได้ทั้งเด็กชายและเด็กหญิงเล่นด้วยกันเป็นกลุ่ม อุปกรณ์ที่ใช้คือเชือก โดยเด็ก 2 คนจับเชือกฝั่งล่ะคนปรับระดับสูงขึ้นตามร่างกายของเด็ก มีผู้เล่น 3-5คนเปลี่ยนกันกระโดดข้ามเชือก ถ้าใครกระโดดไม่ผ่านจะต้องสลับมายืนจับเชือกแทน 

ประโยชนที่ได้รับในการเล่นกระโดดเชือกของเด็กคือ

  • กระตุ้นให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรง
  • ช่วยในการทรงตัวขณะกระโดด
  • เน้นให้เข้าใจกฎกติกาการเล่นเป็นกลุ่ม
  • สนุกสนาน เพลิดเพลิน


2.เล่นซ่อนแอบ  เป็นการเล่นเป็นกลุุ่มประมาณ 3-5คนโดยเริ่มต้นด้วยการเสี่ยงทายใครแพ้จะเป็นคนตามหาขณะที่ผู้ชนะพากันไปแอบในสถานที่ต่างๆห้ามเกินแนวเขตที่กำหนด

ประโยชน์ที่ได้รับจากการเล่นซ่อนแอบของเด็กคือ

  • เข้าใจกฏกติกาการเล่นเป็นกลุ่ม
  • ช่วยให้มีสมาธิขณะแอบกำหนดลมหายใจให้เบาที่สุด  ช่วยสงบสติอารมณ์​
  • ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
  • ช่วยให้มีพัฒนาการการนับเลข 1-10

 


3.เล่นขายของ เป็นการเล่นสมมุติ​บทบาทระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายโดยเลือกขายสินค้าที่ไม่ซ้ำกันใช้อุปกรณ์ เปลือกหอย กระดาษ หรือใบไม้ เป็นเงินตราในการซื้อขายสินค้าและมีจำนวนที่จำกัด

ประโยชน์ที่ได้รับจากการเล่นขายของของเด็กคือ

  • ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อมัดเล็กในการหยิบจับ
  • เด็กเข้าใจเรื่องการจ่ายเงินรับเงินและทอนเงินในบทบาทสมมุตินั้น
  • กระตุ้นด้านสติปัญญาด้านจำนวนและตัวเลข
  • เกิดความสามัคคีในกลุ่มผู้เล่น
  • มีความคิดสร้างสรรค์ในการกำหนดเมนูสินค้า อาหารที่ขาย
  • ส่งเสริมด้านภาษา การสื่อสาร โดยผู้ขายจะนำเสนอสินค้าให้น่าสนใจแก่ผู้ซื้อ และมีทักษะเป็นผู้ให้บริการ

4.เล่นดีดลูกแก้ว  เล่นครั้งล่ะ 2คนโดยผู้เล่นต้องพยายามดีดลูกแก้วให้ลงหลุมที่กำหนดไว้และการดีดให้ชนลูกแก้วของคู่แข็งขันให้ไกลออกจากหลุม
ถ้าใครดีดลูกแก้วลงหลุมได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะได้ลูกแก้วของอีกฝ่ายไป

ประโยชน์ที่ได้จากการเล่นดีดลูกแก้วคือ

  • เข้าใจกฏกติกาในการเล่น
  • เกิดการแข็งขันเพื่อได้ผลประโยชน์
  • ช่วยให้มีสมาธิ
  • ฝึกคำนวนระยะทางให้สัมพันธ์​กับการออกแรง
  • ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อมัดเล็ก
  • ยอมรับในการเป็นผู้แพ้ชนะในการแข็งขันระหว่างคน2คน

5.ชักเย่อ​ การเล่นชักเย่อเป็นการแบ่งผู้เล่นเป็น2กลุ่มออกแรงในการดึงเชือกให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาในเขตแดนของตนเองถึงจะเป็นฝ่ายชนะ
โดยจะมีผู้ที่คอยควบคุมในการส่งเสียงให้ออกแรงพร้อมๆกัน

ประโยชน์ที่ได้จากการเล่นชักเย่อ​คือ

  • เข้าใจบทบาทของหัวหน้าทีมและลูกทีม
  • มีความสามัคคีในทีม
  • ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
  • เข้าใจบทบาทการแข่งขันและยอมรับการแพ้ชนะในการเล่นเป็นทีม
  • เข้าใจกฏกติกาการเล่นเป็นทีม

จากกิจกรรมการเล่นทั้ง 5 แบบ เป็นการช่วยกระตุ้นพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย สติปัญญา อารมณ์​ และสังคม ซึ่งจะช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวในการเข้าสังคมได้ดีในอนาคต

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน