ผื่นคัน ลมพิษ (Urticaria) อย่าคิดว่าไม่สำคัญ

แชร์ให้เพื่อน

ผื่นคัน ลมพิษ (Urticaria) อย่าคิดว่าไม่สำคัญ

ผื่นลมพิษเป็นผื่นคันที่มีลักษณะ​สำคัญคือ เป็นผื่นแดง นูน สีของผิวหนังเมื่อกดแล้วจะซีดแล้วกลับมาเป็นสีชมพู​เหมือนเดิม ผื่นลมพิษสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกส่วนของร่างกาย โดยทั่วไปนั้นมักพบบริเวณ​ที่หน้า ลิ้น แขนขา หรืออวัยวะ​เพศ
ลมพิษ​เป็นได้ทั้งแบบเฉียบพลัน มีระยะเวลาน้อยกว่า 6 สัปดาห์​และลมพิษ​เรื้อรัง ในรายที่เป็นนานกว่า 6 สัปดาห์

สาเหตุของลมพิษนั้นมีมากมายหลายสาเหตุ​ได้แก่

1.ลมพิษ​จากปฎิกิริยา​ของยาบางชนิด
2.ลมพิษ​จากปฏิกิริยา​ของอาหารบางชนิด
3.ลมพิษจากการสัมผัส​สารบางอย่างจากการหายใจ การกิน หรือสัมผัส​ทางผิวหนังโดยตรง
4.ลมพิษ​ที่เกิดจากการติด​เชื้อไวรัส​ แบคทีเรีย​ เชื้อรา หรือเกิดจากละอองเกสร​ของดอกไม้บางชนิดเป็นต้น
5.ลมพิษ​ที่เกิดจากการสัมผัส​แมลงบางชนิด
6.ลมพิษ​ในโรคมะเร็ง
7.ลมพิษ​ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง​ของภูมิอากาศ​เช่น อากาศ​เย็น อากาศ​ร้อน
ผู้ป่วยที่มีปัญหา​ลมพิษ​เรื้อรัง ต้องให้ข้อมูลแก่ผู้รักษาเกี่ยวกับการเกิดอย่างละเอียดและตามความเป็นจริงเพราะข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยหาสาเหตุ​ของการเกิดลมพิษ​แบบเรื้อรังและ สามารถวินิจฉัยโรคและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ​ บางครั้งต้องใช้ข้อมูลร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ​เพื่อประกอบการวินิจฉัยโรค​ที่ถูกต้อง

แนวทางการรักษาผู้ป่วยลมพิษ​เรื้อรังมีดังนี้

1.อธิบายเรื่องการดำเนินของโรคลมพิษ​เรื้อรังให้ผู้ป่วยทราบ รวมถึงผลข้างเคียงของยาหากต้องใช้เป็นเวลานาน

2.แนะนำให้ป่วยสังเกตุ​ว่าอะไรทำให้เกิดอาการและหลีกเลี่ยงจากสิ่งกระตุ้นทั้งหลาย เช่น ความเครียด ความร้อน การดื่ม​แอลกอฮอล์​ การใส่เสื้อผ้าแน่น กดรัดเกินไป การรับประทานอาหารที่ใส่วัตถุ​กันเสีย หรือใส่สีผสมอาหาร

3.แนะนำเรื่องการรับประทานยา ส่วนใหญ่มักเป็น
กลุ่มยาแก้แพ้นั่นเอง

จะเห็นว่าลมพิษ​เรื้อรังนั้น เป็นโรคที่ก่อให้เกิดความไม่สุขสบายและก่อความรำคาญ​ให้กับผู้ป่วยในการดำเนินชีวิตประจำวัน​

แชร์ให้เพื่อน

ภาวะเบาหวานขึ้นตา ใครว่าไม่สำคัญ

แชร์ให้เพื่อน

ภาวะเบาหวานขึ้นตา ใครว่าไม่สำคัญ

เบาหวานขึ้นตาเป็นความผิดปกติของจอประสาทตา​พบได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน โดยหลอดเลือดในจอประสาทตามีความผิดปกติ และมีเลือดออกในจอประสาทตา หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษาทำให้เกิดปัญหาด้านการมองเห็น​ลดลง จนถึงขั้นมีโอกาสสูญเสีย​การมองเห็นแบบถาวร ซึ่งเป็นภาวะสำคัญ​ทำให้เกิดตาบอดได้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน​นั่นเอง

 

ดังนั้นผู้ป่วยโรคเบาหวานควรเข้ารับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ รักษาด้านโรคเบาหวานและได้รับการตรวจโดยจักษุแพทย์​เป็นประจำเพื่อจะได้ตรวจหาและรักษาได้ทันท่วงที
แนวทางการป้องกันภาวะเบาหวานขึ้นตา
1.การ​ควบคุม​น้ำหนักและการออกกำลังกาย​เป็นประจำ สามารถช่วยลดความเสี่ยงภาวะเบาหวานขึ้นตาได้ในบางคน

2.การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต  และระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์​มาตรฐาน


แนวทางการรักษาภาวะเบาหวานขึ้นตาได้แก่

1.การรักษาโดยการยิงแสงเลเซอร์​เข้าจอประสาทตา​เพื่อป้องกันการสูญเสีย​การมองเห็น

2.การฉีดยาเข้าในน้ำวุ้นตา เป็นการฉีดเพื่อช่วยลดการบวมของจอประสาทตา​หรือลดการเกิดหลอดเลือดผิดปกติ

3.การผ่าตัดน้ำวุ้นตา เพื่อตัดและดูดเลือดที่ค้างในวุ้นตาออก

 

ผู้ป่วยเบาหวานกลุ่มใหนบ้างที่ควรรับการตรวจจอประสาทตา

1.ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่1 อายุมากกว่า 10 ปีและได้รับการวินิจฉัยโรค​มานาน 5 ปีขึ้นไป

2.ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ตั้งแต่ได้รับการวินิจฉัยโรค

3.ผู้ป่วยที่ตั้งครรภ์​หรือวางแผนจะตั้งครรภ์
4.ผู้ป่วยโรคเบาหวาน​ที่เริ่มมีอาการตามัว หรือการมองเห็นผิดปกติ
5.ผู้ป่วยที่เคยรับการตรวจจอประสาทตามาก่อน ควรรับการตรวจซ้ำทุก 1-2 ปี

 

ข้อมูลที่ผู้ป่วยและญาติควรรู้เกี่ยวกับภาวะเบาหวานขึ้นตาคือ

1.ความรู้เรื่องโรคเบาหวานทั่วไปและภาวะเบาหวานขึ้นตา
2.โรคเบาหวาน​เป็นแล้วรักษาไม่หายขาด ต้องควบคุม​ตลอดชีวิต
3.ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีโอกาสตาบอดมากกว่าคนปกติหากไม่ได้รักษาหรือควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในระดับปกติ
4.การควบคุมน้ำตาลต้องควบคุมร่วมกับ ความดัน​โลหิต และไขมันในเลือด

หากใครที่เป็นโรคเบาหวานหรือเพิ่งได้รับการวินิจฉัยโรค​อย่านิ่งนอนใจเพราะปัญหาเบาหวานขึ้นตามีโกาสทำให้การมองเห็นลดลงและส่งผลให้ตาบอดในที่สุด หากใครที่มีคนใกล้ชิดเป็นเบาหวานต้องติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง หากพบปัญหาภาวะเบาหวานขึ้นตา จะได้รับการรักษาทันท่วงทีเช่นกัน
ข้อมูล การประชุมวิชาการประจำปีสมิติเวช 2550

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ : หน้ากระจ่างใส ผิวสวย เปล่งปลั่ง ด้วยมะม่วงสุก

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ : หน้ากระจ่างใส ผิวสวย เปล่งปลั่ง ด้วยมะม่วงสุก

มะม่วงเป็นผลไม้เมืองร้อน กินได้ทั้งผลดิบและสุก รสชาติ​อมเปรี้ยวอมหวานสำหรับบางสายพันธุ์​ ช่วงปลายฤดู​หนาวเข้าหน้าร้อนถึงต้นฤดูฝน​จะมีมะม่วงสุกให้รับประทานหรือมีตลอดทั้งปีแต่ช่วงเวลาอื่นอาจราคาแพงกว่า ใครจะรู้ว่ามะม่วงสุกแม้จะเป็นผลไม้ธรรมดาๆ แต่กลับมีประโยชน์เหลือหลาย อุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่างๆและสารต้าน​อนุมูล​อิสระ​ ให้พลังงานต่อร่างกาย ช่วยลดความอ่อนเพลีย ชลอวัยได้อีกด้วย ป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด เพิ่มภูมิคุ้มกัน​ให้กับร่างกาย

เรามาดูกันเลยว่ามะม่วงสุกมีประโยชน์ต่อสุขภาพอะไรบ้าง?

1.มะม่วงสุกหนึ่งผลกลางให้พลังงาน 120 กิโลแคลอรี่​ จะเห็นได้ว่าคุณทานมะม่วงสุกหนึ่งผลมีพลังงานเพียงพอในการทำกิจกรรมเบาๆภายในหนึ่งชั่วโมงเลย สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว​เบาหวานควรจำกัดในการรับประทาน

2.มะม่วงสุกอุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่างๆ เช่น วิตามินเอ เค ซี โฟเลต ช่วยบำรุงสายตาและบำรุง​ผิวพรรณ​ สร้างภูมิต้านทานโรค แถมช่วยให้เส้นผมมีความแข็งแรง ช่วยชลอวัยได้เนื่องจากมีสารต้านอนุมูล​อิสระ​อีกด้วย

3.มะม่วงสุกช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งบางชนิดเช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่เนื่องจากมีกากใยมาก ช่วยระบาย ลดปัญหาท้องผูก สามารถกินได้แทนการกินยาระบายหรืออาหารเสริมแถมราคาถูกอีกด้วย

4.มะม่วงสุกช่วยลดความเครียด มีน้ำตาลตามธรรมชาติ แถมช่วยลดคอเลสเตอรอล​ในเลือดได้ด้วย

5.มะม่วงสุกช่วยลดน้ำหนัก​ได้ หากเลือกรับทานวันละหนึ่งลูกช่วยให้อิ่มท้องได้นานขึ้นแถมไม่มีไขมันเหมือนขนมขบเคี้ยว​อีกด้วย

เราจะรับประทานมะม่วงสุกหนึ่งผลให้ได้ประโยชน์​สูงสุดอย่างไร?

1.ล้างมะม่วงสุกให้สะอาด ผ่าออกเป็นสองซีก ใช้ช้อนตักเนื้อมะม่วงกิน ประโยชน์ที่ได้จากการกินเนื้อมะม่วงสามารถ​อ่านได้ข้างบน

2.เนื้อมะม่วงที่ติดเม็ด ล้างยางมะม่วงออกให้หมด ล้างหน้าให้สะอาด ใช้เม็ดมะม่วงด้านข้างที่มีเส้นใย ขัดผิวหน้าเบาๆ ทิ้งไว้ห้านาที แล้วล้างหน้าออกให้สะอาดซับให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงตามปกติ

3.เนื้อมะม่วงที่ติดอยู่กับเปลือกมะม่วง สามารถ​นำมาขัดผิวกายเบาๆ ขณะอาบน้ำ แล้วล้างออกให้สะอาด

4.ผิวหน้าและผิวกายจะมีกระจ่างความกระจ่างใส ขาวเนียน เปล่งปลั่ง​อย่างเห็นได้ชัด

5.ลองทำติดต่อกันอาทิตย์​ละสามครั้งแล้วจะเห็นความแตกต่างของผิวกายและผิวหน้า ทั้งนี้ต้องใช้ครีมกันแดด​หรือปกป้องผิวจากแสงแดดหลังทำด้วยคะ

แชร์ให้เพื่อน

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะดีขึ้นจริงหรือ หลังการเลือกตั้งปี 2566

แชร์ให้เพื่อน

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะดีขึ้นจริงหรือ หลังการเลือกตั้งปี 2566

       ปัญหา​ฝุ่น PM 2.5 นี่เป็นปัญหา​ใหญ่รองลงมาจากปัญหาโควิด19 เลยทีเดียว เพราะอะไรหรือ ก็เพราะว่ามีผลกระทบ​ต่อระบบทางเดินหายใจเหมือนกัน หลังการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม​ 2566 เราต่างคาดหวังว่าปัญหา​ฝุ่น PM 2.5 คงจะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละพรรคการเมือง​ก็ชูประเด็นนโยบายแก้ปัญหา​ฝุ่น PM 2.5 อย่างเช่น ป้องกันการเผา เปลี่ยนแก๊ซเรือนกระจกเป็นรายได้ การปรับปรุงระบบขนส่งสะอาด รถเมล์ไฟฟ้า วินมอเตอร์ไซด์​ไฟฟ้า อีกมากมายที่ช่วยลดปัญหา​ฝุ่น PM 2.5

 

    ปัญหาฝุ่น PM 2.5 (ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5ไมครอน) มาจากใหนกันบ้าง มาดูกันเลย

1.ปัญหาสิ่งแวดล้อมและอากาศ​เป็นพิษจากปล่องของโรงงานอุตสาหกรรม​และโรงไฟฟ้า เกิดจากการเผาปิโตรเลียมและถ่านหิน ทำให้เกิดแก๊ซ​พิษออกมาสู่สิ่งแวดล้อม​มากมาย

2.ปัญหา​สิ่งแวดล้อมเป็นพิษจากระบบการขนส่ง การเผาไหม้น้ำมันดีเซล​ร่วมกับการจราจร จะเห็นว่ารถเมล์​และรถยนต์ส่วนบุคคล​ตามถนนยังมีควันดำอยู่

3.ปัญหาการเผาป่า ไฟป่า การเผาของภาคการเกษตร​ เป็นปัญหาที่ควบคุมยากเนื่องจากเกิดจากภัยธรรมชาติ​และการเผาของมนุษย​์นั้นพอจะมีแนวทางการแก้ปัญหา

4.การก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา​จึงมีการขุดเจาะ เพื่อก่อสร้างถนน รถไฟฟ้า อาคาร ตึกราม บ้านช่อง เพื่อขยายเมืองเนื่องจากมีประชากรที่มากขึ้น รวมถึงการย้ายถิ่นฐานของคนต่างชาติ​เข้าสู่ประเทศไทย​อีกด้วย

5.ปัญหาจากเหตุการณ์​อื่นเช่น ปัญหาไฟไหม้โรงงานอุตสาหกรรม​ที่เกิดขึ้น การเผาขยะ การสูบบุหรี่​ ร้านอาหารปิ้งย่าง


  
  ผลกระทบของฝุ่น PM 2.5 ต่อสุขภาพ​มีอะไรกันบ้าง

1.โรคของระบบทางเดินหายใจต่างๆ เช่นการอักเสบของหลอดลม  แน่นหน้าอก​ หายใจลำบาก ถุงลมแฟบ แสบตาแสบจมูก ไอมีเสมหะ สมรรถนะ​ของปอดทำงานได้ลดลง

2.เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ง่ายเช่น ไข้หวัดใหญ่​ โควิด 19 เนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง

3.หากอยู่ในสถานที่ที่มีฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาวเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดได้ง่ายกว่า

4.เสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดลมโป่งพอง หรือหลอดลมอุดกั้น

5.ปัญหาด้านผิวหนัง เกิดอาการผื่นแพ้ คัน ลมพิษ​ได้ง่าย

6.การสูดดมอากาศ​มลพิษทางอากาศ​ PM 2.5 ในระยะเวลานานส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องแก่ก่อนวัย เกิดรอยย่น จุดด่างดำ ฝ้า กระ ตามมาได้ง่าย

7.ปัญหาด้านสุขภาพ​จิตและซึมเศร้า

8.ปัญหา​ต่อระบบสาธารณะ​สุขเนื่องจากต้องใช้ทรัพยากร​ในการดูแลผู้ป่วย​มากขึ้น สูญเสียงบประมาณ​ไปเป็นจำนวนมาก

     จะเห็นว่าฝุ่นละออง​ PM 2.5  ส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย​ชาติ เราก็หวังว่าหากการเลือกตั้งครั้งนี้ผ่านไปจะช่วยแก้ปัญหา​ฝุ่นละอองให้ดีขึ้นกว่าในปัจจุบั​นนี้ คงไม่ทำให้ประชาชนต้องรับกรรมจากปัญหาฝุ่นละออง​นี้ไปจนชั่วอายุขัย

แชร์ให้เพื่อน

เลือกกิน ผัก ผลไม้อย่างไร? ไม่ทำให้เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึง

แชร์ให้เพื่อน

เลือกกิน ผัก ผลไม้อย่างไร? ไม่ทำให้เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึง

        ประเทศ​ไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์​อย่างแท้จริง​ สมกับคำเล่าลือที่ว่า”ในน้ำมีปลาในนามีข้าว บนต้นไม้มีลิง เอ้ย ไม่ใช่ มีผลไม้หลากหลายชนิด ทั้งผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำและผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ประเทศไทยมีภูมิประเทศ​ที่เหมาะสำหรับการปลูกพืชผักผลไม้ที่มีความต้องการความชื้นสูงอย่างทุเรียน เงาะในแถบภาคตะวันออกและภาคใต้ ผลไม้ที่ชอบอากาศ​ร้อนแห้งที่ราบสูงก็เหมาะในการเพาะปลูกในแถบภาคอีสาน แถมผลไม้ที่ออกดอกผลได้ดีในแถบอากาศ​หนาวเย็นแต่ไม่มีหิมะตกที่เป็นอุปสรรค​ต่อการเจริญเติบโตของพืชผักผลไม้อย่างภาคเหนือของไทย เช่น องุ่น ส้ม ลำใย  สตรอเบอรี่​ เชอร์รี่​ เป็นต้น

     ผลไม้ ผักที่ให้พลังงานสูงควรเลือกรับประทานแต่พอเหมาะ ไม่ควรรับประทานมากเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจเกินปัญหาเข็มขัดสั้น เพราะคาดไม่ถึงได้

1.ผลไม้ประเภทกล้วย ได้แก่ กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า เพราะการรับประทานกล้วยจะช่วยให้อิ่มท้องนาน สังเกต​จากการเลี้ยงเด็กด้วยกล้วยน้ำว้าสุกจะทำให้เด็กนอนหลับปุ๋ย​เลยทีเดียว กล้วยหอมหนึ่งลูกให้พลังงานถึง 120 กิโล​แคลลอรี่​เลยนะ

2.ทุเรียน ทุเรียนจัดว่าเป็นราชาแห่งวงการผลไม้เลยก็ว่าได้ นอกจากจะมีกลิ่นหอม ย้ำกลิ่นหอมสำหรับคนชอบกินทุเรียน และรสชาติ​หวานมัน อร่อย กลมกล่อม แถมมีราคาแพงอีกต่างหาก ถึงขั้นจัดทัวร์​กินทุเรียน หรือมีการซื้อขายล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มออกดอกเพื่อส่งออกไปจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีประชาการพันล้านคน เนื้อทุเรียน 1 พูเล็กให้พลังงานถึง 60 กิโล​แคลลอรี่​ซึ่งหากเริ่มได้กินแล้วแค่พูเล็กคงอร่อยจนฉุดไม่อยู่ต้องกินพูที่สองและสามแน่ๆเลย

3.มะม่วงสุก มะม่วงสุกนี่ก็เป็นผลไม้ที่มีวิตามินเอ บี ซี และเป็นผลไม้ที่คนโบราณ​นิยมกินกับข้าว จนมีเมนู​ข้าวเหนียวมะม่วงของไทยดังไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ แถมราคาถูกมากหรือแบ่งกันกินในบางปีแถบพื้นที่ชนบท มะม่วงสุก 1 ลูกให้พลังงาน 120 กิโลแคลอรี่เช่นกัน อย่างประมาทเชียวนะ

4.มะละกอ มะละกอนี่กินได้ทั้งผลดิบและผลสุก สำหรับผลสุกของมะละกอ 8 ชิ้นให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี่​ดีหน่อยตรงที่เนื้อมะละกอสุกมีเส้นใยและกากใยช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี

5.ฝรั่ง มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว กินจิ้มพริกเกลือ หรือน้ำปลาหวานอร่อยอย่าบอกใครเชียว เดี๋ยวเพื่อนแย่งกิน ช่วยให้ตื่นตัว กระปรี่กระเปร่า​ แต่ให้พลังงานไม่เบาเหมือนกัน ฝรั่ง 1 ผลให้พลังพลังงาน 120 กิโลแคลอรี่​เลยเชียว สาวๆอย่าหยิบเพลินเพราะอาจทำให้หุ่นเอวบางร่างน้อยเป็นคาดไม่ถึงเพราะเข็มขัดสั้นได้

6.ผักที่แปรรูป​จากมันฝรั่งทอดกรอบคลุก ขายในแบรนด์​โปเตโต้คอนเนอร์​ นี่ก็ให้พลังงานเยอะเช่นกัน เฟรนซ์ฟรายส์ 100 กรัมให้พลังงานสูงถึง 300 กิโลแคลอรี่​เลยทีเดียว เวลากินก็แบ่งกันหลายๆคนเพราะจะได้กระจายพลังงานออกไปแถมรวยเพื่อนอีกด้วย

7.ข้าวโพด ข้าวโพด 100 กรัมให้พลังงานสูงถึง 90 กิโลแคลอรี่​ หากเป็นข้าวโพดอบเนยยิ่งให้พลังานเพิ่มขึ้นสาวๆนั่งดูหนัง ดูทีวีอย่างหยิบเพลินเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะคะ
อย่าคิดว่ากินผัก ผลไม้มากๆ ไม่ทำให้เข็มขัดสั้น คาดไม่ถึง เราต้องเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม​ด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกินปัญหาคาดไม่ถึง เพราะเข็มขัดสั้น คืออ้วนนั่นเองคะ

 

แชร์ให้เพื่อน

อะไรเอ่ย ไม่ลองไม่รู้ “รากหอมชู” ช่วยลดคอเลสเตอรอล

แชร์ให้เพื่อน

อะไรเอ่ย ไม่ลองไม่รู้ “รากหอมชู” ช่วยลดคอเลสเตอรอล

     เคยสังเกตุ​นักกินอาหารโชว์​ตามช่องยูทูบต่างๆไหมคะ เวลาเค้ากินอาหารโชว์จำพวกอาหารทะเลซึ่งมีระดับคอเลสเตอรอล​ที่ค่อนข้างสูงกว่าอาหารชนิดอื่นๆ เค้ามักจะเลือกกินรากหอมชูเป็นผักเคียงด้วยเพราะว่ารากหอมชูสามารถชอบลดคอเลสเตอรอล​ได้นั่นเอง ระดับคอเลสเตอรอล​ในเลือดที่สูงขึ้นจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอด เช่นโรคหัวใจ โรคไขมันมันในเลือดสูง และมีประโยชน์อีกมากมายเลยทีเดียว
      ผู้เขียนสังเกตุเห็นว่า รากหอมชูในปัจจุบั​นนี้มีขายเกือบทุกที่ตามห้างสรรพสินค้า​ ตามตลาดสด และตลาดนัดขายผักยังมีขายเลย ที่ห้างในประเทศ
ฟิลิปปิน​ส์ก็มีรากหอมชูขายเช่นกัน แสดงว่ารากหอมชูนี่เป็นสมุนไพร​ที่ยอมรับกันเแพร่หลายในภูมิภาค​เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
      รากหอมชูชอบขึ้นบริเวณที่มีความชื้นสูง ไม่ชอบน้ำท่วมขัง จึงทำให้รากหอมชูมีสีขาวอวบอิ่มน่ารับประทาน​ สามารถขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ​ ต่อมาเมื่อผู้คนนิยมรับประทานมากขึ้น จึงมีการปลูกในเชิงธุรกิจมากขึ้นอย่างแพร่หลายในแถบเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


      รากหอมชูสามารถกินได้ทั้งสด ต้ม ผัด หรือกินเป็นผักสลัดก็ได้เช่นกัน คุณประโยชน์​ของรากหอมชู นอกจากจะช่วยในการลดคอเลสเตอรอล​ในเลือดแล้ว ยังช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
     เนื่องจากรากหอมชูมีสารต้านอนุมูล​อิสระ​ต้านการอักเสบติดเชื้อ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก  จึงมีการพกติดตัวรากหอมชูตากแห้งเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร​สำหรับการเดินทางไกล รากหอมชูมีลักษณะ​อวบอิ่มน้ำจึงสามารถช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายและช่วยลดอาการปวดศีรษะ ลดความดันโลหิตได้โดยการนำรากหอมชูมาตำให้แหลกแลัวพอกบริเวณหน้าผากเพื่อระบายความร้อนและลดอาการปวด
รากหอมชูยังช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารคล้ายต้นหอมจึงสามารถใช้ปรุงอาหารจำพวกปลาเพื่อดับกลิ่นคาวได้ดีเลยทีเดียว นอกจากสรรพคุณที่กล่าวมาแล้ว ต้นตำหรับสมุนไพรจีนยังมองว่ารากหอมชูช่วยชะลอ​วัยได้อีกด้วย ดังนั้นหากใครที่อยากเป็นสาวพันปี การกินรากหอมชูเพื่อประโยชน์ด้านการชะลอวัยก็น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะราคาไม่แพงแถมยังหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย ทั้งนี้ก็ควรกินแต่พอประมาณ ไม่ใช่กินเยอะเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรกินให้เกิดความสมดุลในร่างกายดีกว่าคะ ควรกินอาหารให้ครบหลักห้าหมู่และดื่มน้ำให้เพียงพอ​ต่อความต้องการในแต่ละวันด้วย

 

แชร์ให้เพื่อน

รับพิษไซยาไนด์​ในอาหารไม่รู้ตัว หากไม่รู้

แชร์ให้เพื่อน

รับพิษไซยาไนด์​ในอาหารไม่รู้ตัว หากไม่รู้

    หากไม่เกิดเรื่องการวางยาไซยาไนด์​ขึ้น คนคงไม่ได้ตระหนักเรื่องพิษสารไซยาไนด์​ต่อสุขภาพที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยถึงขั้นเสียชีวิตหากได้รับในปริมาณมาก สารไซยาไนด์​(cyanide) เป็นสารเคมีที่มีพิษสูง สามารถพบได้ตามธรรมชาติในอาหารที่นำมารับประทานในบางกลุ่มที่มีกระบวนการทำให้สุกแบบไม่ถูกวิธี
      เคยมีหนังเรื่องหนึ่ง ที่ลูกของเหยื่อโดนทำร้ายแล้วไม่สามารถใช้กระบวนการยุติธรรม​จัดการกับคนร้ายได้ แม่ของเธอจึงใช้สารไซยาไนด์​ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ​เพื่อแก้แค้นฆาตกร​ที่ทำร้ายลูกของเธอโดยไม่สามารถหาตัวฆาตกร​ได้ เพราะเธอมีความรู้เรื่องของสาร​ไซยาไนด์​ที่มีอยู่ตามธรรมชาตินั่นเอง ผู้เขียนไม่ขอสาธยาย​หากใครอยากรู้ ลองดูหนังเรื่อง”MOM #มนุษย์​แม่ล่าดับแค้น” แล้วคุณจะเสียน้ำตาให้กับเหยื่อที่กลายเป็น​ฆาตกรเพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อลูกของเธอ เหยื่อที่โดนสารไซยาไนด์​ถึงขั้นเป็นอัมพาต​เลยทีเดียว

    สารไซยาไนด์​ตามธรรมชาตินั้นมีอยู่ในอะไรบ้างเรามาดูกันเลยคะ

1.หน่อไม้ตามธรรมชาติ​หรือตามท้องตลาดที่เตรียมไม่ถูกวิธี ช่วงนี้เป็นต้นฤดูฝน หลังการเผาป่าหน้าร้อนหรือภัยธรรมชาติผ่านไป เมื่อป่าเจอน้ำฝน หน่อไม้ตามธรรมชาติงอกสวยงาม คนที่ชอบรับประทาน​อาหารป่าอย่างแกงหน่อไม้ หมกหน่อไม้ ซุปหน่อไม้​ต้องระมัดระวังกันหน่อยหากว่าขั้นตอนการเตรียมก่อนนำมาปรุงไม่ถูกวิธีอาจทำให้ได้รับพิษจากสารไซยาไนด์​ในหน่อไม้ได้โดยไม่รู้ตัว

2.มันสำปะหลัง​ ผู้เขียนเคยประสบพบเจอด้วยตนเองสมัยตอนเด็ก มีครอบครัวหนึ่งกินมันสำปะหลัง​ต้มแล้วมีอาการเมาตามภาษาของชาวบ้าน มีอาการคลื่นไส้​อาเจียน เวียนศีรษะ​ดีที่ล้างพิษได้ทัน ปัญหาเกิดจากการไม่ทราบวิธีการเตรียมหรือไม่ทราบชนิดของมันสำปะหลัง​แบบใหนสามารถทานได้หรือทานไม่ได้ ตามท้องตลาดที่ทำขนมหวานนั้นเป็นมันห้านาทีซึ่งมีสารไซยาไนด์​ตามธรรมชาติน้อยกว่าชนิดอื่นที่นำมาผลิตแป้งมันสำปะหลังนั่นเอง อีกชนิดหนึ่งไม่กล่าวถึงไม่ได้แล้วเพราะผู้เขียนได้เกริ่นถึงหนังเรื่องที่เกียวข้องกับไซยาไนด์​นั่นคือผลไม้ที่แม่มดใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายสไนไวท์นั่นเอง

3.ผลไม้ องุ่น แอปเปิ้ล ในเมล็ดขององุ่น แอปเปิ้ล​จะมีสารไซยาไนด์​อยู่ ห้ามรับประทาน แต่อาจพบเจอได้ในเด็กที่ไม่รู้และเข้าใจ หยิบองุ่น แอปเปิ้ล​กินทั้งลูก อาจเผลอเคี้ยวเมล็ดเข้าไปแลัวเกิดได้รับพิษตามธรรมชาตและเป็นอันตรายต่อเด็กได้

4.ยอดของต้นมันสำปะหลัง​ จะเห็นว่าบางพื้นที่มีการต้มยอดมันสำปะหลัง​จิ้มน้ำพริกเป็นผัก อันนี้ก็ต้องระวังเช่นกันเพราะ หากเก็บยอดมันสำปะหลัง​ชนิดที่มีสารไซยาไนด์​อยู่อาจก่อให้เกิดอันตรายตามมาได้

5.ถั่วบางประเภท​ก็มีสารไซยาไนด์​เช่นกัน สามารถอ่านในบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารไซยาไนด์​ตามธรรมชาติได้
แม้มองว่าสารไซยาไนด์​ตามธรรมชาติ​อาจไม่ก่อให้เกิดอันตรายได้ทันทีทันใด หากรับในปริมาณ​น้อยๆ แต่ถ้าร่างกายได้รับพิษสะสมไปเรื่อยๆ ก็สามารถก่อให้เกิดพิษที่รุนแรงได้เช่นกัน คุณอาจไม่ได้โชคดีอย่างสโนไวท์​ก็ได้นะคะ

แชร์ให้เพื่อน

คุณทราบหรือไม่? ทำไมถึงต้องบริหารปอดหลังป่วยโควิด 19

แชร์ให้เพื่อน

คุณทราบหรือไม่? ทำไมถึงต้องบริหารปอดหลังป่วยโควิด 19

   เชื้อโรคโควิด 19 เป็นเชื้อไวรัสที่พบการแพร่ระบาดในช่วง 4 ปีที่ผ่านร่วมกับปัญหาฝุ่นละอองPM2.5 ในการติดเชื้อไวรัสโควิด19 แต่ละครั้ง บางคนมีผลกระทบมากน้อยไม่เท่ากัน แต่ที่ได้รับข้อมูล ที่หนาหูมากขึ้นตามสื่อออนไลน์ต่างๆ​นั่นก็คือเรื่องของอาการที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องหลังจากติดเชื้อและป่วยด้วยโรคโควิด 19 ด้านความผิดปกติของปอดและหัวใจนั่นเอง

อาการที่พบเกี่ยวกับความผิดปกติของปอดและหัวใจได้แก่
1.อาการอ่อนเพลีย​ เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
2.อาการหายใจเหนื่อยหอบ ซึ่งเป็นปัญหา​ของระบบทางเดินหายใจ ปัญหานี้เกิดขึ้นโดยตรงกับผู้เขียนเอง คือเหนื่อยหอบ หายใจไม่ทันแม้ว่าก่อนป่วยยังเดินขึ้นได้ปกติไม่ได้เกิดอาการหอบเหนื่อยอะไร
3.อาการใจสั่น รู้สึกแน่น อึดอัดบริเวณหน้าอก ปัญหาการแน่นอึดอัด พบมากขึ้นเมื่อเจอฝนละออง PM2.5 และหมอกควัน ฝนตกอากาศอับชื้น
4.ปัญหาด้านความจำสั้น สมาธิสั้น ปัญหาด้านนี้เห็นได้อย่างชัดเจนคือการจำระหัสต่างๆ แม้มีเพียงสี่ตัวเลขก็ทำให้งงๆ สลับสับสน
5.มีไข้ ไอ ปวดหัว เจ็บคอ อาการไข้ ตัวร้อนรุมๆเหมือนมีไข้ช่วงเป็นโควิดแต่พอตรวจก็ไม่พบเชื้อ
6.การรับรส ได้กลิ่นลดลง ประเด็นการรับรสนั้นก่อให้เกิดความเบื่ออาหาร ไม่รู้สึกอยากรับประทานทั้งกลิ่นอาหารก็ได้รับเปลี่ยนไปและลดลง
7.ปวดตามข้อต่อต่างๆ อาการปวดตามข้อพบได้บ่อยคือข้อนิ้วมือทั้งสองข้าง
8.เวียนศีรษะ วิงเวียนศีรษะ​บ้านหมุนบ่อยๆ เมารถเมาเรือ เมาเครื่องบิน จากเดิมไม่เคยเป็น
9.นอนไม่หลับ หรือหลับยาก วิตกกังวล ซึมเศร้าปัญหาการนอนหลับยากถึงขั้นต้องกินยาจิตเวชเลยทีเดียว

    จะเห็นว่าอาการของลองโควิดที่องค์การอนามัยโลก​ให้ไว้นั้น ถามว่าคนทั่วไปที่ไม่เคยติดเชื้อไวรัสโควิด19 หรือก่อนเชื้อไวรัสโควิดระบาด ผู้คนมีอาการเหล่านี้หรือไม่ คงจะตอบว่าน่าจะมีนะ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เราควรต้องย้อนกลับมาดูว่าก่อนป่วยด้วยโรคไวรัสโควิดเรามีพฤติกรรม​การใช้ชีวิตอย่างไรบ้างและหลังจากป่วยด้วยโรคไวรัสโควิด19 เราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่แตกต่างจากเดิมหรือไม่ เช่น ขาดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ขาดความสมดุล ด้านพฤติกรรมการบริโภคอาหารจานด่วน สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษฝุ่นละออง PM 2.5 จะเห็นได้ว่าปัญหา​ของฝุ่นละอองนั้นมีผลกะทบต่อปอดโดยตรง ดั้งนั้นเราจึงต้องบริหารปอดให้มีการขยายตัวและสามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดีขึ้น

ขั้นตอนการบริหารปอดแบบง่ายๆหลังตื่นนอนตอนเช้า

1.ออกไปยืนรับแสงแดดยามเช้าในสวนหน้าบ้านเพื่อเพิ่มออกซิเจนในการหายใจ
2.ใช้มือประสานกันหลังศีรษะ สูดหายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอด ท้องป่องขณะหายใจเข้า กลั้นไว้สักพัก แลัวดึงศีรษะ​ลงช้าๆให้คางชิดอก พร้อมกับเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ ท่านี้จะช่วยให้ปอดขยายตัวด้านหลังทำประมาณ 5 รอบลมหายใจ
3.ยืนขึ้น ตัวตรงแยกขาออกจากกันเล็กน้อย แล้วชูแขนขวาขึ้นแนบใบหู สูดหายใจเข้าลึก แล้วตัวไปทางซ้ายพร้อมกับเป่าลมออกทางปากช้าๆ ดึงตัวกลับพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกทำข้างละ 5 ลมหายใจ ท่านี้จะช่วยให้ปอดขยายตัวด้านข้างนั่นเอง

หากว่าใครที่เพิ่งป่วยด้วยโรคไวรัสโควิด19 ครั้งแรก หรือป่วยมาครั้งที่สองหรือสามแล้ว เราลองนำวิธีการบริหารปอดแบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่มากและสามารถทำได้บ่อยๆ อีกด้วย แล้วจะรู้สึกสดชื่น กระปรี่กระเปร่า​ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขอบคุณที่ติดตามบทความดีๆจากนามปากกาของ Rommyrom​ คะ

 

 

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: ผิวขาว กระจ่างใส ด้วยน้ำมะนาว

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: ผิวขาว กระจ่างใส ด้วยน้ำมะนาว

        น้ำมะนาวมีลักษณะ​สีขาวขุ่น รสชาติ​เปรี้ยวมีส่วนประกอบของกรดผลไม้จำพวกเอเอชเอ ที่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์​เครื่องสำอาง​หลากหลายยี่ห้อและวางขายตามร้านสะดวกซื้อหรือท้องตลาดทั่วไป ซึ่งกรดผลไม้ช่วยให้ผิวขาว กระจ่างใส เนียนนุ่ม เกิดจากกรดผลไม้ช่วยให้ผิวหนังชั้นกำพร้าที่เป็นเซลล์​เสื่อมสภาพหลุดลอกออก และเกิดการสร้างเซลล์​ทดแทนมาใหม่ ช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น ลดรอยด่างดำ ลดรอยฝ้าจางลงได้

น้ำมะนาวช่วยในการรักษาร่องรอย​ของสิวและฝ้า โดยใช้น้ำมะนาวคั้นสดเอาแต่น้ำผสมเข้ากับน้ำผึ้ง100%ในสัดส่วนเท่ากัน ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้ง ใช้สำลีจุ่มแล้วทาที่หน้าเบาๆให้ทั่วใบหน้าเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ​ 5 นาทีหรือหากรู้สึกแสบให้รีบล้างออกด้วยน้ำอุ่น หลังจากนั้นล้างด้วยน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อปิดรูขุมขน เช็ดหน้าให้แห้ง ทาครีมบำรุงตามปกติ ควรทำสัปดาห์​ละไม่เกินสามครั้ง สิวดีขึ้น และฝ้าจางลง รอยด่างดำจากแผลเป็นของสิวอักเสบจางลง ผิวขาว กระจ่างใสขึ้น

สำหรับเปลือกของมะนาวหลังบีบน้ำออกแล้วสามารถนำมาขัดตัวตอนอาบน้ำได้อีกด้วย ช่วยให้ผิวพรรณสะอาดขึ้น ผิวเกลี้ยงเกลา​ และเนียนนุ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณข้อซอก ข้อพับหรือส้นเท้า

หากต้องการมาร์ค​หน้าก็สามารถทำเองได้เช่นกัน โดยผสมน้ำมะนาว​และไข่ขาวในอัตราส่วนที่เท่ากัน ใช้สำลีแผ่นสะอาดจุ่มน้ำมะนาวที่ผสมไว้แล้วแปะทิ้งไว้บนใบหน้า 5-10 นาที หากมีอาการแสบให้รีบล้างออก พอเริ่มแห้งดึงสำลีออกจากล่างขึ้นบน แล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน ซับหน้าให้แห้งทาครีมบำรุงตามปกติ ทำอาทิตย์​ละ 3 ครั้ง ผิวหน้าจะเนียนนุ่ม ขาว กระจ่างใสขึ้น ลดความมันบนใบหน้า รูขุมขนกระชับเล็กลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูขุมขนขยายใหญ่ขึ้นตามวัย

แชร์ให้เพื่อน

อะไรจะเกิดขึ้น หากคุณมีรูปร่างเพรียวบาง

แชร์ให้เพื่อน

อะไรจะเกิดขึ้น หากคุณมีรูปร่างเพรียวบาง

ตั้งแต่เล็กจนโตมาจนถึงปัจจุบัน​นี้คุณเคยมีน้ำหนักขึ้นสูงสุดกี่กิโลกรัม หากใครรูปร่างเพรียวบางมาตลอดจนถึงปัจจุบัน​นี้ถือว่าคุณเป็นคนดูแลรักษาสุขภาพ​ได้ดีมากเลยทีเดียว คนทีมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน​หรือคนอ้วน คงเอ่ยวลีนี้กับตัวเองอยู่บ่อยๆ “ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้” หรือ”ฉันอ้วนเพราะฉันกินมากเกินไป” คุณ​รู้หรือไม่ว่าสิ่งเดียวที่คุณต้องทำให้ได้สำหรับคนอ้วนคือกินให้น้อยลง สำหรับอาหารที่คุณชื่นชอบให้รับกินได้แต่ต้องลดปริมาณในการกินเท่านั้นเอง โดยลดสัดส่วนลงเหลือหนึ่งในสาม อาจทำให้รู้สึกหิวอยู่บ้าง แต่น้ำหนักจะค่อยๆลดลงสู่มาตรฐาน​ที่ทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพและคงที่ไม่กลับมาอ้วนอีกครั้ง
ภาวะอ้วนมีผลต่อภาพลักษณ์​ ความรู้สึกเชิงลบต่อตนเอง และความสามารถต่างๆ หากโรคอ้วนเกิดจากพฤติกรรม​การกินตั้งแต่สมัยเด็ก หรือเกิดจากลักษณะ​ทางพันธุกรรม​ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย​ในการจัดการกับความอ้วน ฉะนั้นการควบคุมตนเองให้ได้ในการลดความอ้วน​เป็นสิ่งที่ท้าทายและไม่ง่ายเลย หากคุณต้องมีกลุ่มเพื่อเป็นตัวช่วยเช่น กลุ่มลดปริมาณ​การกินอาหาร กลุ่มที่ช่วยกระตุ้นการออกกำลังกาย​เป็นต้น
ความอ้วนเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคต่างๆตามมามากมายเป็นสาเหตุต้นๆที่ทำให้เสียชีวิตอีกด้วย
เราจะไม่อ้วนเลยถ้าหากว่าเรากินอาหารในปริมาณที่เราสามารถออกแรงเพื่อเผาผลาญ​จำนวนแคลอรี่​ที่กินเข้าออกมาได้ทั้งหมด

12 ขั้นตอนที่คุณจะมีรูปร่างเพรียวบางคือ

1.เรื่องของความรู้เกี่ยวกับอาหาร อาหารที่มีแคลอรี่​สูงต่อกรัมคืออาหารกลุ่มไขมัน ขณะที่อาหารที่มีจำนวนแคลลอรี่​เท่ากันต่อกรัมคือโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต
2.การลดน้ำหนักโดยใช้วิธีการรวบรัดเช่น การใช้ยาอาจไม่ได้ผลในระยะยาว คุณอาจลดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ​เป็นวิธีการเดียวที่คุณจะมีรูปร่างเพรียวบางได้
3.เราต้องเริ่มต้นบันทึกรายการอาหารที่กินในแต่ละวันว่ามีการกินไขมันที่แอบแฝงบ่อยหรือไม่เช่น ข้าวโพดคั่ว มันฝรั่งทอด ขนมอบกรอบ
4.ก่อนกินอาหารที่มีบรรจุภัณฑ์​ ควรเรียนรู้ที่จะอ่านฉลากถึงปริมาณ​แคลลอรี่​ของอาหารนั้นๆทุกครั้ง
5.การออกกำลังกาย​หรือการออกแรง กล่าวคือกินไปแค่ใหนต้องออกแรงเผาผลาญ​แคลลอรี่​เท่านั้นถึงจะมีรูปร่างเพรียวบาง
6.เลือกรับประทาน​อาหารในร้านอาหารในปริมาณ​น้อยๆเลือกอาหารแบบต้ม นึ่ง หรือย่างแทนอาหารผัด หรือทอด
7.การเลือกกินผักและผลไม้ในปริมาณมาก​ขึ้น ลดการกินโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต​ลงเพราะหากเผาผลาญ​ไม่หมดจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายทันที
8.หากกินอิ่มแล้วให้หยุดกินทันที อย่ากินเพราะว่าคุณเสียดายอาหาร
9.ก่อนรับประทานอาหารให้คุณดื่มน้ำหนึ่งแก้วเพราะจะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
10.ตรวจสอบอาหารในตู้เย็น อย่าจัดเก็บอาหารไว้มากเกินไป​เพราะเป็นเหตุให้คุณควบคุมตนเองไม่ได้นั่นเอง
11.สิ่งแวดล้อม​ไม่ควรจัดให้กระตุ้นความอยากอาหารเช่น สีแดง ไม่ควรนั่งกินแล้วนั่งดูทีวีหรือเล่นอินเทอร์เน็ต​ไปด้วยเพราะจะทำให้เกิดความเพลิดเพลิน​ในการกิน
12.การใช้พลังจิตเพื่อควบคุมเช่นคุณนึกถึงคนที่รูปร่างเพรียวบาง หรือดูรูปสมัยที่ตนเองเคยผอมหุ่นดี ก่อนเดินออกจากบ้านควรมีกระจกเพื่อส่องทั้งตัวจะได้มีกำลังใจในการดูแลสุขภาพ​เพื่อให้มีรูปร่างเพรียวบาง
จะเห็นว่าการมีรูปร่างที่เพรียวบางนั้นใครๆก็สามารถมีได้หากคุณมีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตราบใดที่คุณยังทำพฤติกรรม​เหมือนเดิมแล้วหวังผลลัพธ์​ให้เปลี่ยนแปลงคงเป็นไปไม่ได้

แชร์ให้เพื่อน