เคล็ดลับ: ผิวสวย กระจ่างใส ด้วยเนื้อมะขามเปียก

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: ผิวสวย กระจ่างใส ด้วยเนื้อมะขามเปียก

มะขามเปียกจัดได้ว่าเป็นสมุนไพรไทย ที่ใช้สำหรับประทินผิวของสตรีไทยตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ​ซึ่งพบเห็นได้จากการขัดผิวของนางเอกในหนังในละครทีวีเรื่องจักรๆวงค์​ๆ
ด้วยที่เนื้อของมะขามเปียกมีคุณสมบัติช่วยในการทำความสะอาดผิวพรรณ​ได้อย่างล้ำลึก ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย​และเชื้อรา เนื่องจากมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ ช่วยขจัดเซลล์​ผิวหนังกำพร้าที่เสื่อมสภาพเป็นขี้ไคลที่เกาะติดผิวหนังให้หลุดออกได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าเนื้อของมะขามเปียกอุดมไปด้วยสารประกอบในผลิตภัณฑ์​ของเครื่องสำอาง​และประทินผิวที่เรียกว่ากรด เอเอชเอ หรือกรดผลไม้นั่นเอง จึงเห็นว่ามีผลิตภัณฑ์​ที่ผลิตจากเนื้อมะขามเปียกเป็นส่วนประกอบออกวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดเช่น สบู่มะขาม ครีมขัดตัวสูตรมะขามเป็นต้น
หากที่บ้านมีเนื้อมะขามเปียกอยู่แล้ว เราสามารถนำมาใช้ขัดผิวโดยแกะเอาแต่เนื้อมะขามเปียกขนาดเท่าลูกปิงปองละลายเข้ากับน้ำอุ่นหากใครต้องการให้ผิวสีออกเหลืองเล็กน้อยให้ใส่ขมิ้นผงผสมประมาณหนึ่งช้อนชา หลังจากนั้นใช้เนื้อมะขามเปียกขัดถูตามเรือนร่างโดยเฉพาะตามข้อพับ และบริเวณข้อศอก ใช้น้ำชโลมกายให้เปียกเล็กน้อยขัดไปเรื่อยๆประมาณ​15-30นาทีหลังจากนั้นอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด เช็ดตัวให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงเป็นลำดับถัดมา จะเห็นว่าผิวมีความเนียนนุ่ม กระจ่างใส มีความชุ่มชื้น แนะนำให้ขัดอาทิตย์ละไม่เกิน3ครั้งเพราะจะทำให้ผิวแห้งเกินไป

หากต้องการให้รากผมมีความแข็ง ไม่หลุดร่วงง่ายก็ทำได้เช่นกัน โดยใช้เนื้อมะขามเปียกแช่ในน้ำอุ่นให้พองตัวออกเป็นเมือกหลังจากนั้นให้ขยำเนื้อมะขามให้เข้ากันกับน้ำ ให้น้ำมะขามข้นเล็กน้อย หลังจากสระผมสะอาดแล้วนำน้ำมะขามที่เตรียมไว้ชโลมให้ทั่วศีรษะและนวดเบาๆ ใช้ผ้าขนหนูชุบด้วยน้ำอุ่นโพกหัวทิ้งไว้ประมาณ​15 นาทีหลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด
จะเห็นได้ว่าเนื้อมะขามเปียกนอกจากใช้ประกอบอาหาร เป็นยาระบายแถมยังช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส และรากผมแข็งแรงอีกด้วย ลองนำไปทำดูคะ แล้วจะเห็นลัพธ์​ที่แตกต่าง

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: กินอาหารว่างยามบ่ายอย่างไรไม่ให้อ้วน

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: กินอาหารว่างยามบ่ายอย่างไรไม่ให้อ้วน

      อาหารว่างยามบ่ายคล้อยช่วยให้เราชนะความหิวและทำงานต่อไปได้อย่างกระปรี่กระเปร่า หลังกินอาหารมื้อกลางวันเต็มอิ่มและยังไม่ถึงเวลาอาหารมื้อเย็น ท้องเกิดร้องโครมครามฟ้องถึงความหิวโหย แถมง่วงเหงาหาวนอน เหมือนน้ำตาลต่ำอีกต่างหาก คงต้องคิดหาอาหารมื้อว่างมาประทั้งความหิวและเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ให้เกิดผล
กระทบต่อแผนการลดหรือควบคุมน้ำหนักให้อยู่หมัด เรามีเคล็ดลับมาบอกคะว่าเราควรต้องทำอย่างไรบ้าง

นักโภชนาการ​ท่านหนึ่งแนะนำไว้ว่า หากเรากินอาหารว่างไม่ให้อ้วนเราต้องจำกฎนี้ให้ขึ้นใจเลยนะสาวๆ หากต้องการหุ่นเพรียว แบบไม่ต้องงดอาหารมื้อว่างยามบ่าย จำง่ายๆคือ กินไม่ให้เกิน 100 แคลลอรี่​ต่อจำนวนหนึ่งชั่วโมง​ก่อนถึงอาหารมื้อหลัก เช่น หากมีเวลาอีกสองชั่วโมงก่อนถึงอาหารมื้อเย็น ก็สามารถกินอะไรก็ได้ที่ให้พลังงาน 200 แคลลอรี่​นั่นเอง เบื้องต้นควรเลือกรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต​ที่มีเส้นใยสูงก่อน อาหารที่กระตุ้นช่วยระบบการขับถ่ายด้วยจะยิ่งดี เช่น ผลไม้ชนิดต่างๆ ต้องระวังผลไม้ที่ให้พลังงานสูงๆ อย่างทุเรียน กล้วย ขนุน เป็นต้น หลังจากนั้นค่อยเลือกทานโปรตีนหรือไขมันที่ดีต่อสุขภาพเพื่อช่วยให้อิ่มท้องได้นานขึ้น ตัวอย่างอาหารที่ให้พลังงาน 100 แคลลอรี่​เช่น แอปเปิ้ล​ขนาดกลาง 1 ลูก นมสดพร่องมันเนย แคร็กเกอร์ธัญพืช​ 5 แผ่น เป็นต้น

ในแต่ละวันเราควรดื่มกาแฟซักถ้วยหากใครที่มีปัญหานอนไม่หลับ อาจเลือกดื่มช่วงเช้าหากดื่มช่วงบ่ายอาจทำให้นอนไม่หลับได้ เรามาดูข้อดีของการดื่มกาแฟวันละหนึ่งถ้วยว่ามีอะไรบ้าง

1.การดื่มกาแฟวันละหนึ่งถ้วย จะช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมสำหรับผู้หญิง​บางคนได้ และช่วยลดการเกิดมะเร็งตับได้ด้วย
2.จากข้อมูลการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพบว่าสารในกาแฟจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารต้านอนุมูล​อิสระ​ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากกาแฟได้มากถึงสามในสี่ส่วนนั่นเอง
3.การดื่มกาแฟวันละหนึ่งถ้วย สามารถช่วยป้องกันผลกระทบจากการมีคอเลสเตอรอล​สูง และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์​อีกด้วย
4.การดื่มการแฟ และการได้กลิ่นหอมของกาแฟช่วยให้ร่างกายเกิดอาการตื่นตัว รู้สึก​ถึงความกระปรี้กระเปร่า​ตั้งแต่ก่อนเริ่มกินอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าการกินอาหารมื้อว่างนั้นไม่ได้เป็นปัญหาในการลดหรือควบคุมน้ำหนักสำหรับสาวๆแต่อย่างใด เพียงแต่เราต้องรู้เทคนิคและเลือกอาหารให้ได้พลังงานตามที่แนะนำในหนึ่งชั่วโมง

 

แชร์ให้เพื่อน

เรื่องสั้น หลานสาวจอมซ่าส์​ กะป้าขี้วีน

แชร์ให้เพื่อน

เรื่องสั้น หลานสาวจอมซ่าส์​ กะป้าขี้วีน
ตอน บทนำ

      เรื่องสั้น”หลานสาวจอมซ่าส์​กับป้าขี้วีน” เป็นเรื่องราวระหว่างหลานสาวสองคนวัยเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาที่เริ่มมีอายุย่างเข้าสู่วัยรุ่น(หนูอยากเป็นสาวแล้ว)​ หากแต่ว่าฟันน้ำนมยังหักไม่หมดและฟันแท้ด้านหน้าก็ยังขึ้นไม่ครบจึงมีฟันหน้าค่อนข้างใหญ่เกเรซ้าย เกเรขวาจนได้รับฉายาจากรุ่นพี่ที่โรงเรียนว่า บันนี่เกิร์ล หรือ” เด็กหญิงฟันกระต่าย” นั่นเอง แต่เมื่อมองกลับไปที่รุ่นพี่ก็ไม่ได้แตกต่างกัน ก็ฟันกระต่ายทั้งคู่นั่นแหละ บันนี่เกิร์ลจะมีความแสบเฉพาะตัว คบเพื่อนรุ่นพี่เนื่องจากชอบทำตัวเป็นสาวก่อนวัย บันนี่และพี่สาวเรียนหนังสือโรงเรียนสตรีล้วนแต่ก็ไม่วายพูดถึงแฟนเก่าวัยอนุบาลอยู่เรื่อยๆ ชอบออดอ้อนเอาใจเก่งเมื่อต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยยกแม่น้ำทั้งห้าจนทำให้ป้าขี้วีนถึงกับใจอ่อนทุกครั้งไป บันนี่มีพี่สาวอายุห่างกันปีครึ่งแต่บันนี่ตัวเล็กกว่าพี่สาวมากจึงโดนพี่สาวแกล้งอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง อย่าว่าแต่พี่สาวแกล้งเลย บันนี่เองนี่ก็ไม่เบาถึงตัวเล็กแต่ก็เล็กพริกขี้หนูนั่นแหละ  ส่วนป้าขี้วีนนี่ก็เป็นฉายาป้าที่มีอายุอานามเข้าสู่วัยทองโดยสมบูรณ์แบบ​ โสดตลอดกาล ไม่เคยมีครอบครัวหรือมีประสบการณ์​ในการเลี้ยงเด็กมาก่อนแต่ป้าขี้วีนก็พอมีความรู้เรื่องการเลี้ยงเด็กอยู่บ้างแหละ แต่การใช้ความรู้กับการเลี้ยงดูในชีวิตจริงก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์​ เรื่องราวและเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรเมื่อหลานสาวจอมซ่าส์​กับป้าขี้วีนต้องมาเจอกัน และใช้ชีวิตร่วมกัน มีทั้งเรื่องราวที่ตลกขบขัน บางครั้งก็มีดราม่า เสียน้ำตากันบ้าง ป้าขี้วีนมักจะพาเด็กๆไปรับส่งที่โรงเรียน พาไปเดินเล่น พาไปออกกำลังกาย  ว่ายน้ำ  สอนหนังสือ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีก มากมาย รบกวนติดตามชมในตอนต่อๆไปได้เลยนะคะ

ตอน. เสียงไก่ขันเป็นสัญญาณ​วันจากลา

     เอ้กอีเอ้ก เอ้ก!!เอ้กอีเอ้ก เอ้ก!! เสียงไก่ขันดังขึ้นตอนเวลาเช้าตรู่ของวันสุดท้ายในกรุงมะนิลาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ เข้ามาในโสตประสาท​ของห้วงเวลาแห่งการหลับลึก คล้ายกับกำลังฝันว่านอนอยู่ที่บ้านในชนบทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลแหล่งความเจริญ มักจะมีเสียงไก่ตัวผู้ขันรับกันเป็นระยะ​เพื่อเป็นสัญญานแจ้งเตือนเรื่องเวลา เริ่มตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืนเศษ ป้าขี้วีนลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเอามือขยี้ตาเบาๆ มองภายในห้องที่มีแสงไฟสลัวๆ จากหลอดไฟเล็กๆอยู่ปลายเตียงนอนที่หลานสาวจอมซ่าส์​เปิดทิ้งไว้ทุกคืนเพราะกลัวความมืด “อ้าวเราไม่ได้นอนอยู่ที่บ้านนี่นา แล้วเสียงไก่ขันที่ไหนกัน” ป้าขี้วีนคิดในใจ หลานสาวจอมแสบเอื้อมมือไปกดปิดเสียงนาฬิกาปลุก​ที่วางไว้ข้างเตียงนอน แล้วพูดเสียงเบาๆ ฟังไม่ได้ศัพท์​ “อ๋อ เรานอนอยู่ที่กรุงมะนิลานี่เอง” ป้าขี้วีนเดินทางมาเยี่ยมหลานสาวเป็นเวลาหนึ่งเดือนเศษ แต่เนื่องจากหลานๆ ยังไม่อยากให้กลับเลยขยายวีซ่า​เพื่ออยู่ต่ออีกหนึ่งเดือนนั่นเอง สรุปแล้วรวมๆก็ได้อยู่อาศัยที่กรุงมะนิลาร่วมสองเดือนเศษ
ป้าขี้วีนรีบลุกขึ้นจากเตียงนอน พร้อมกับหยิบผ้าแพรห่มให้หลานสาว​จอมซ่าส์​ที่นอนขวางเตียงอยู่ “ถึงกำหนดต้องเดินทางกลับบ้านแล้วหรือนี่ ทำไมเร็วจังนะ” ป้าขี้วีนรำพึงรำพัน​เบาๆ เดินไปมองที่หน้าต่างกระจกเห็นตึกสูงสองสามตึกเรียงรายมีแสงไฟสว่างไสว ที่สวนสาธารณะ​มีพ่อค้า แม่ค้ากำลังเตรียมของเพื่อขายในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากเป็นตลาดนัดขายอาหารสด อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป รวมถึงของใช้จิปาถะ มีทุกๆวันอาทิตย์ เสียงรถยนต์​ดังสลับกับเสียงคนพูดคุยกันเบาๆ วันนี้เราต้องไปร่ำลาสวนสาธารณะ​ซักหน่อยนะ พร้อมกับรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่ชุดออกกำลังกาย ล้างหน้า แปรงฟัน ใส่รองเท้าผ้าใบที่ชื่นชอบ เปิดประตู​เดินออกจากห้องนอนผ่านห้องครัวเห็นน้องสาวแม่ของหลานสาวจอมซ่าส์​กำลังสาละวน​กับการตีแป้งทำขนมปังเพื่อเป็นของฝากกลับเมืองไทยนั่นเอง “จะเอาอะไรไหม เดี่ยวเราจะไปเดินออกกำลังกายที่สวนสาธารณะประมาณ​ครึ่งชั่วโมง” ป้าขี้วีนเอ่ยถาม “งั้นฝากซื้อนมจืดในร้านจีนหรือที่เซเว่นอีเลฟเว่นมาหนึ่งกล่องนะจะมาทำขนมปังเป็นของฝาก รีบไปแล้วรีบกลับนะเพราะต้องออกจากบ้าน 11.00 น.เพื่อไปสนามบิน เครื่องบิน​ออก 12.55 น.” ป้าขี้วีนลงจากห้องเดินผ่านพนักงานยิ้มกล่าวทักทายตามมารยาท​เป็นภาษาอังกฤษ​ มุ่งหน้าไปที่สวนสาธารณะ​ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับไปซื้อนมกล่องนั่นเอง
     วันนี้บรรยากาศ​ที่สวนสาธารณะ​มีคนออกมาวิ่ง เดิน เล่นโยคะ เต้นแอโรบิก ออกกำลังกายกันหนาตากว่าวันธรรมดา​เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์​ และมีตลาดขายอาหารวันอาทิตย์​ด้วย อากาศ​สดชื่นหลังฝนตกเมื่อคืนนี้ช่วยชะล้างฝุ่นละอองออกไป ต้นไม้ดูเขียวขจีทั่วบริเวณ​สวนสาธารณะ​แห่งนี้ป้าขี้วีนรีบเดินไปที่น้ำพุภายในสวนสาธารณะ​ที่มีปลาหลากหลายสีแหวกว่ายน้ำเล่นอยู่ ป้าขี้วีนหยิบเหรียญ​หนึ่งเปโซ​ออกมาจากกระเป๋าจำนวนสองเหรียญ​พร้อมกับอธิฐานขอพรขอให้มีสุขภาพ​ร่างกายแข็งแรง มีความสุข เดินทางกลับบ้าน​ปลอดภัย มีความเจริญรุ่งเรือง​ในชีวิต นี่ขนาดป้าไม่ค่อยเป็นคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์​เท่าไหร่นัก แต่เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ คิดเข้าข้างตัวเอง พร้อมกับโยนเหรียญ​ที่หนึ่งไปตรงตำแหน่งของน้ำพุพอดี และอีกเหรียญ​หนึ่งโยนไปที่น้ำตกที่มีเต่าหินยักษ์​ตัวใหญ่ตั้งอยู่ เป็นอันว่าจบพิธีการมาขอพรแบบง่ายๆ​สไตล์ของป้าขี้วีน
    “สวัสดีคะ พามิคกี้มาเดินเล่นแต่เช้าเลยนะคะ” กล่าวทักทาย​เพื่อนคนฟิลิปปินส์​ลูกครึ่งไทย ที่อาศัยอยู่ที่นี่นานแล้ว โดยรู้จักกันผ่านหลานสาวจอมซ่าส์​นั่นเอง คนที่ฟิลิปปินส์​นิยมจูงสัตว์เลี้ยงคือสุนัข​ออกมาเดินเล่น​ในสวนสาธารณะ​ บางคนก็จูงสองสามตัวเดินตามหมาและหมาเดินตามมองดูแล้วก็มีความสุขอีกแบบตามสไตล์ของป้าจอมวีนแต่ถ้าให้เลี้ยงคงไม่ไหวเพราะเป็นโรคภูมิแพ้​กำเริบ​บ่อยๆ  ช่วงเย็นๆหลังเลิกงานจะมีกลุ่มคนเลี้ยงสุนัขพาสัตว์เลี้ยง​มาเดินเล่นเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ตอนแรกคิดว่าเข็นรถเข็น​พาลูกออกมาเดินเล่น ที่ใหนได้ เข็นลูกสุนัขทั้งนั้นเลยที่เข็นลูกจริงมีน้อยมาก ส่วนแมวเหมียวนั้นที่นี่เป็นแมวจรจัดที่อาศัยอยู่ในสวนสาธารณะ​และมีตามถนนหนทางบ้างประปราย​ใกล้ร้านขายอาหาร ประมาณ​ว่าแมวเป็นสัตว์อนุรักษ์​งั้นแหละ มีการสกรีน​รูปแมวไว้ที่ผนังห้องน้ำของสวนสาธารณะ​เลยทีเดียว รีบวิ่งออกกำลังกายได้หนึ่งรอบและเดินรอบสวนอีกหนึ่งรอบพร้อมกับเก็บภาพเพื่อเป็นความทรงจำเก็บไว้ แวะซื้อนมจืดหนึ่งกล่อง เดินเข้าตลาดขายอาหารวันอาทิตย์​ซื้อปานีปูรีเป็นอาหารสตรีทฟู้ด​สุดฮิตของสัญชาติ​อินเดียประกอบด้วยแป้งทอดกลมพองมี 8 ชิ้นกร๊อบกรอบขนาดพอดีคำไส้ทำจากมันฝรั่ง หัวหอมใหญ่ ถัวลูกไก่ ราดด้วยน้ำชัทนีย์​รสชาติเปรี้ยวจากน้ำมะขาม เผ็ดจากเครื่องเทศ​กินแล้วรสชาติขึ้นจมูกดีแท้ จามแล้วจามอีก “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ้ง” เสียงโทรศัพท์​ดังขึ้น ปลายสายคือหลานสาวจอมซ่าส์​นั่นเอง “หนูขอไอศรีม รสมะนิลาอย่างเดียวนะคะ ขอย้ำ รสมะนิลาอย่างเดียวคะ” ที่กินไอศกรีม​เพราะเมื่อวานเพิ่งถอนฟันออกเพิ่มอีกสองซี่รวมๆแล้วก็สี่ซี่แล้วฟันเคี้ยวไม่ค่อยมีสงสารนาง เรื่องไอศกรีม​มีตำนานเพราะว่านางสั่งรสมะนิลาอย่างเดียวแต่พ่อค้าอาจไม่ได้ยินหรืออะไรไม่ทราบตักผสมหลายรสให้นางแต่นางไม่ยอมกินเด็ดขาด ถึงกับยื่นคำขาดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวหนูจ่ายเอง แต่พอพ่อค้ายื่นไอศกรีม​ให้หันมาบอกป้าว่าจ่ายให้หนูด้วยน้า สงสัยลืมตอนโกรธกลัวต้องกินไอศกรีม​รวมมิตร ป้าขี้วีนเลยต้องกินเอง เพราะพ่อค้าก็ไม่รู้จะขายให้ใครอีก
หลังจากซื้อของในตลาดเสร็จแวะไปซื้อขนมปังร้านปันมะนิลา  เลือกขนมปังชีสกรอบๆหน่อย(Cheesestick Pesto whole) มา 2 แพ็คกินกับกาแฟ โอวัลติน​ เป็นมื้อเช้าอร่อยดี
    กลับมาถึงบ้านเห็นเด็กๆนั่งดูทีวีเรื่องทรามวัยกับไอ้ด่าง รับไอศรีมนั่งกินอย่างมีความสุข ป้ารีบเข้าครัวไปช่วยทำขนมปังและทำกับข้าว เดินออกมาอีกทีเพื่อมากินปานีปูรี แป้งกลมพองหายไปไหน ทำไมเหลือแต่ไส้กับน้ำชัทนีย์​ละ ที่ไหนได้แป้งกลมพองไปอยู่ในมือหลานจอมซ่าส์​นั่งเคี้ยวตุ้ย​ๆ ดูทีวีเพลินเลย เหลืออยู่ 3 ชิ้นรีบนำมาตักไส้ใส่เต็มและตักน้ำชัทนีย์​ราด กินทั้งลูกพอคำ ทันใดนั้นกลิ่นเครื่องเทศขึ้นจมูกจามไม่หยุด คล้ายกับสำลักน้ำชัทนีย์​ คิดในใจสงสัยเราแย่งเด็กมากินหรือเปล่า แต่เด็กจะกินแต่แป้งกรอบเล่นไม่ได้นะ
     วันนี้เมนูผัดกระเพราะไก่ใส่ถั่วฝักยาว ไข่ดาว ฝีมือป้าแต่คนปรุงเครื่องคือน้องสาวอีกตามเคย ใบกระะเพราะนี่ก็ตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อนที่หอบหิ้วมาจากเมืองไทยเด็ดเอาแต่ใบล้างให้สะอาดลวกพอสลบน็อคน้ำเย็นปั้นเป็นก้อนๆแช่ช่องแข็งไว้กินได้เกือบหกเดือนเพราะหิ้วสัมภาระ​มาเยอะโดยเฉพาะใบกระเพราและใบโหระพานั่นเอง
    ขนมปังไส้สลัดทูน่าผักรวม รสชาติอร่อยกลมกล่อมเสียอย่างเดียวไหม้นิดหน่อยเพราะมัวแต่เถียงกันกับหลานสาวจอมซ่าส์​ให้ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกมาส่งป้าขี้วีนขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย เช็คอินผ่านออนไลน์​เรียบร้อยแล้วจึงไม่ได้รีบมากเพราะสนามบินนินิอยอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก
     หลังจากอาบน้ำเสร็จหลานสาวจอมซ่าส์​นางเลือกชุดเซ็กซี่​เสื้อแขนกุด เอวลอยโชว์สะดือ กระโปรงสั้นสีเบท เข้าชุดกับรองเท้าสีชมพูที่เป็นของขวัญจากป้าที่ทำงานในกรุงเทพซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยตอนคริสต์มาส​และปีใหม่ที่ผ่านมานั่นเอง ขณะที่ป้ากำลังสาละวนกับการแต่่งตัวเพื่อเดินทางอยู่นั้น เสียงแหลมปรี๊ด​ของหลานสาวจอมซ่าส์​ดังขึ้นแสบหู ขี้หูเต้นกระเด็นกระดอน “ป้าจะใส่ชุดนี้ไม่ได้นะคะ มันไม่แมตช์​ชิ่งคะ” พร้อมกับนั่งลงเลือกเสื้อผ้าดึงออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่ที่ม้วนพับเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย “อ้าวเสื้อผ้าป้าเละเทะ​หมดแล้ว เก็บเข้าที่เดี๋ยวนี้” ป้าขี้วีน เอ็ดเสียงดัง”หนูขอโทษ” พร้อมกับหันมาชำเลืองมองตาละห้อย แสดงถึงการยอมรับผิด และพูด

ขึ้นว่า “เค้าผิดไปแล้ว แต่หนูอยากให้ป้าแต่งตัวสวย เพราะชุดนั้นมันไม่เหมาะกับป้า” ป้าเลยให้อภัยเพราะว่าวันนั้นได้แต่งตัวสวยตามใจหลานสาวจอมซ่าส์​แล้วรู้สึกว่าตัวเองสวยเป็นพิเศษ​และมั่นใจขึ้น
   หลานสาวทั้งสองช่วยกันหอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระ​ที่มีทั้งหมด 5 ใบคือกระเป๋าใบใหญ่หนึ่งใบใส่เสื้อผ้าและมีกระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อยอยู่ในนั้นอีกสามใบ เป้ใส่ร้องเท้าและเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักและอุปกรณ์​อาบน้ำแต่งตัวทั้งหมด กระเป๋าลากใบเล็กใส่เสื้อผ้าหนึ่งชุดพร้อมที่จะหิ้วขึ้นบนเครื่องเผื่อว่าเครื่องบินเกิดเหตุ​การณ์​ไม่สามารถลงจอดได้ต้องแวะไปลงจอดที่อื่นทำให้ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลย เพราะเมื่อน้องสาวเดินทางมาเยี่ยมคราวก่อนเจอพายุทำให้เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้  ต้องไปจอดที่สนามบินตอนใต้ของฟิลิปปินส์​รวมแล้วใช้เวลาเป็นวันเลยทีเดียว
กระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์​พร้อมแบตเตอรี่​สำรอง และเป้สะปายข้างหน้าอีกหนึ่งใบ
    ระหว่างเดินทางไปส่งที่สนามบินหลานสาวทั้งสองดูมีความสุข ส่งสัยจะเบื่อป้าขี้วีนเต็มทนละ ร้องเพลงสนุกสนาน ไม่ร้องให้ตามเหมือนตอนน้องสาวมาเยี่ยมแล้ว เมื่อไปถึงสนามบินนินอยรีบไปจอดรถพร้อมกับหิ้วกระเป๋าเดินขึ้นบันไดไปที่ผู้โดยสารขาออกต่างประเทศ​ อากาศ​วันนี้ก็ไม่เต็มใจเลยร้อนอบอ้าวมากเหงื่อแตกน่าดู หลานสาวเข้าไปส่งถึงบริเวณเช็คอิน​ ป้ายื่นพาสปอร์ต​พร้อมกับยื่นหลักฐานการเช็คอิน​ออนไลน์ให้เจ้าหน้าที่สนามบินตรวจสอบ เจ้าหน้าที่เรียกพาสปอร์ต​ของเด็กทั้งสองแต่เราก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับสำเนียงอังกฤษ​แบบตากาล็อก​ก็ทำหน้าเลอะลัก หรือบางทีนางก็พูดภาษาตากาล็อก​ใส่เราด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง หลานสาวจอมซ่าส์​รีบเดินมาคุยกับเจ้าหน้าที่​สนามบินเป็นภาษาอังกฤษ​สำเนียงนางได้ดีเลยแหละ เจ้าหน้าทีถึงบางอ้อว่าหลานสองคนไม่ได้เดินทางด้วยแค่เข้ามาส่งป้านั่นเอง
     เจ้าหน้าที่เห็นเรามีกระเป๋าใบเล็กใบน้อยหอบพะรุงพะรัง​เลยอนุญาต​ให้เอาขึ้นบนเครื่องแค่2ใบคือกระเป๋าคอมพิวเตอร์​และกระเป๋าใบเล็กอีกหนึ่งใบ เนื่องจากป้ามีกระเป๋าเล็กใส่ในกระเป๋าใหญ่พอเจ้าหน้าที่ให้เอากระเป๋าใส่รวมกันโหลดใต้เครื่อง ป้าเลยดึงกระเป๋าที่มีทรัพย์สิน​มีค่าออกมาสะพาย เจ้าหน้าหันมายิ้มและพูดขึ้นว่า”อ๋อ มีใบเล็กในใบใหญ่อีกนะ” เรานี่ถึงกับเขินเลย จริงๆแล้วกระเป๋าใบนี้น้องสาวให้มา เพราะหลานจอมซ่าส์​เค้าเห็นกระเป๋าสตางค์​หลุยส์​จากสีลมราคาห้าร้อยบาทเลยเอาไปให้แม่ นางไม่รู้หรอกว่าเป็นยังงัย แต่ว่าลายสวยนางเลยอยากได้ ถ้าเราเอากลับมาไม่แน่อาจโดนเรื่องแบรนด์​ก๊อปปี้​ก็เป็นได้  หลังจากเช็คอิน​เรียบร้อยก็ถึงเวลากล่าวอำลาที่ใหนได้หลานสาวทั้งสองเค้าไม่ร้องให้เลย สีหน้าเศร้าเล็กน้อย แต่ป้านี่น้ำตาไหลเลย หลังจากอำลากัเรียบร้อยเข้าตรวจสอบวีซ่าเนื่องจากเราขยายวีซ่าอยู่ต่อเป็นสองเดือน แต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีวันนั้นเครื่องบินของการบินไทยก็ล่าช้าไปเกือบชั่วโมงครึ่งกว่าจะได้ออกจากสนามบินนินอย
   บนเครื่องบินเราได้ที่นั่งแถวริมหน้าต่างนั่งกลางขวามือเป็นคนออสเตรเลีย​ฝั่งซ้ายมือ​เป็นคนเอเชียเหมือน​คนไทยแหละแต่สุดท้ายก็พูดภาษาอังกฤษ​เรานั่งอยู่ท่ามกลางต่างชาติต่างภาษา​เลยเลือกที่จะนั่งแบบเงียบๆ ดูหนังจบไปสองเรื่องแต่คนข้างๆก็มาแอบดูหนังของเราเพราะหนังเราสนุกกว่า แนวตลกๆ นั่นเอง ถึงเวลาบริกรมาเสิร์ฟ​อาหารบนเครื่องนางกล่าวทักทายฝรั่งเป็นภาษาอังกฤษ​และกล่าวทักทายเราเป็นภาษาไทยและอีกคนนางกล่าวทักทายเป็นภาษา​ไทยแต่นางพูดภาษาอังกฤษ​เฉยเลย  เรานึกในใจอยู่ในมะนิลาคนพูดตากาล็อก​ใส่ตลอดพอขึ้นเครื่องบินของไทยแค่นั้นแหละพูดไทยใส่ฉันตลอดการเดินทางเลยทีเดียว  สุดท้ายเดินทางกลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ​พร้อมกับกระเป๋า​ขาหักไปหนึ่งใบจึงรื้อของออกและใส่รวมกัน ทิ้งกระเป๋าพังไว้ที่สนามบิน อาจเป็นลางไม่ดีเลยก็ว่าได้
     เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาแต่เช้าไอมีเลือดออกเป็นฝอยๆ ตรงกับวันแรงงานแห่งชาติ​ รถโล่งมากจึงรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลแถวอนุเสาวรีย์ชัย​สมรภูมิ​ตรวจโควิดไม่เจอเชื้อ เอ็กซ​ปอดพบปอดติดเชื้อได้ยาฆ่าเชื้อ​มากินสิบวันพร้อมส่งเสมหะตรวจอีกสามวัน เราก็หวังว่าโรคเก่าไม่กำเริบอีกนะ เหตุการณ์​ย้อนไปที่ฟิลิปปินส์​กับการท่องเที่ยวเยี่ยมเยียน​หลานสาวจอมซ่าส์​เป็นเวลาสองเดือนจะเป็นอย่างไรต่อไปโปรดติดตาม เรื่องขำๆ ตลกๆ จอมซ่าส์​ของเด็ก และป้าจอมวีนขี้บ่น ในตอนต่อไปคะ ภายใต้นามปากกา​ของ Rommyrom.

แชร์ให้เพื่อน

พลังแห่งสมาธิ สร้างพลังแห่งชีวิต

แชร์ให้เพื่อน

พลังแห่งสมาธิ สร้างพลังแห่งชีวิต

คุณอาจเคยรู้สึกวิตกกังวล เครียด จิตใจฟุ้งซ่าน ว้าวุ่น อยู่ไม่เป็นสุข ที่เกิดขึ้นจากหลากหลายสาเหตุ เช่น เครียดก่อนสอบ เครียดก่อนสัมภาษณ์​งาน หรือจากเหตุอื่น เรามีวิธีหยุดความเครียดนั้นได้อย่างไร? เบื้องต้นเราต้องดึงสติกลับมาก่อน โดยอาศัยสมาธิช่วย นั่งลงเงียบๆสักชั่วขณะและทำสมาธิ​ ระดับของความเครียด​จะค่อยๆลดลงกลับสู่สภาวะปกติ สงบขึ้น มีความมั่นคง​ทางอารมณ์​ ร่างกายกลับเข้าสู่สภาวะสมดุล สามารถ​ทำกิจกรรม​หรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ​มากขึ้น

ประโยชน์ของการทำสมาธิมีหลักๆ ดังนี้คือ

1.การทำสมาธิ​จะช่วยให้คุณเข้าใจอะไรได้อย่างรวดเร็ว​มากขึ้น มีใจจดจ่อและพบหนทางในการแก้ไขปัญหา​ เกิดความคิดสร้างสรรค์​
2.การทำสมาธิ​จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากความเครียด มีสุขภาพ​ร่างกาย​ที่​แข็งแรง​เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน​โรค ในสถานการณ์​โรคโควิด19 ในปัจจุบัน​นี้ หากเราฝึกสมาธิ​จะช่วยลดการเจ็บป่วยได้ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว
3.การฝึกสมาธิ​จะช่วยให้คุณ​สนุกกับชีวิต รู้สึกเบิกบานและมีความมั่นคง​ทางอารมณ์​ จิตใจปลอดโปร่ง เบาสบาย สามารถ​ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ​มากยิ่งขึ้น

เรามาลองปฏิบัติ​ตามขั้นตอนการฝึกสมาธิดูคะ
1.เราหาสถานที่นั่งให้มีความสงบ ไม่มีเสียงรบกวน อาจนั่งบนเก้าอี้ก็ได้ ผ่อนคลายช่วงคอ บ่า ไหล่ วางมือไว้บนตัก และหลับตา
2.สูดลมหายใจเข้าลึกๆ 3 ครั้งและหายใจออกให้เต็มที่ หลังจากนั้นหายใจตามปกติ ใช้วลีในการควบคุมลมหายใจเช่น พุทธ​โท เป็นต้น
3.หากมีความคิดภายนอกเข้ามารบกวนให้ปล่อยมันเลยผ่านไป อย่าไปวิตกกังวลกับมัน
4.ทำสมาธิ​ต่อไปเป็นเวลาสามสิบนาที ร่างกายและจิตใจจะเข้าสู่​สภาวะผ่อนคลาย​สงบเงียบที่อยู่ระหว่างนอนหลับและตื่นรู้
5.เมื่อทำสมาธิ​เสร็จ​ให้เวลากับตัวสองถึงสามนาทีก่อนที่จะลุกขึ้น
6.ฝึกทำสมาธิ​วันละหนึ่งครั้ง ช่วงก่อนนอนพักผ่อน​ก็ได้ จะได้ลดการใช้โทรศัพท์​ลงบ้าง
7.ยิ่งเราฝึกสมาธิ​มากเท่าไหร่ จิตใจ​ก็จะยิ่งเงียบและสงบเร็วเท่านั้น ช่วยให้การฝึกสมาธิ​มีประสิทธิภาพ​มากยิ่งขึ้น
ลองนำไปปฎิบัติ​ดูคะ แล้วคุณ​จะ​เห็นผลลัพธ์​ที่เปลี่ยนแปลง​ไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

 

แชร์ให้เพื่อน

สร้างพลังความสุข ด้วยพลังแห่งรอยยิ้ม

แชร์ให้เพื่อน

สร้างพลังความสุข ด้วยพลังแห่งรอยยิ้ม

“วันนี้คุณยิ้มกี่ครั้งแล้ว” หากคุณกำลังมีความสุขคนรอบข้างของคุณก็มีความสุขด้วย แต่เวลาที่คุณกำลังมีความทุกข์ ซึมเศร้า อึดอัด กังวลใจ คนรอบข้างก็มีความทุกข์ไปด้วย อาจเป็นเพราะการแสดงสีหน้าและพฤติกรรม​ของเรานั้น สามารถส่งผลต่อความรู้สึกของคนรอบข้างได้ เพราะว่าอารมณ์​และความรู้สึก​นั้นสามารถส่งผลถึงกัน
พลังแห่งรอยยิ้มหรือการแสดงสีหน้ามีความสุข คือพฤติกรรม​ว่าเรากำลังมีความสุขเป็นการกระตุ้นให้ร่างกาย​หลั่งสารเคมีแห่งความสุข หากเราแสดงพฤติกรรม​หน้านิ่ว คิ้วขมวด แสดงถึงเรากำลังมีความทุกข์​ร่างกายจะกระตุ้นสารเคมีแห่งความทุกข์​ออกมาเช่นกัน การยิ้มออกมา แม้ว่าในเวลานั้นคุณไม่อยากยิ้ม แต่พลังแห่งรอยยิ้มจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ไม่เชื่อออกทำดูคะ

ผู้เขียนสังเกตุจากการเดินทางพบเจอผู้คนต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม​แม้ว่าจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อเราส่งรอยยิ้มให้ เราก็มีความรู้สึกเป็นสุขได้อย่างประหลาด ทั้งคนที่เรายิ้มให้เค้าก็ยิ้มตอบกลับเช่นกัน ผู้คนดูเป็นมิตร และอุ่นใจและใส่ใจอยากช่วยเหลือเรามากขึ้นแม้ในต่างถิ่น ต่างแดน สถานที่ที่เราไม่รู้จัก
ฉันเคยมีประสบการณ์​ไปซื้อของในร้านเสื้อผ้า ลูกจ้างบอกว่าจะลดราคาให้ดิฉัน แต่พอจ่ายเงินกลับไม่ลดราคาให้ตามที่คุยกันไว้ ดิฉันจึงขอพบกับเจ้าของร้าน ฉันส่งรอยยิ้มให้เค้า ทุกคนรอบข้างมีความสุข และลดราคาให้ในทันที และเมื่อฉันซื้อหมวกเพิ่ม เค้ากลับลดราคาสินค้าให้โดยไม่ต้องร้องขอเลย เห็นไหมคะ พลังแห่งรอยยิ้ม สร้างความสุข มีแต่ได้กับได้ คุณลองหรือยังคะ
ทุกครั้งที่เราสร้างรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน​ โลกแห่งความสุขจะกลับเข้ามาในชีวิตโดยทันที ลองมองกระจกแล้วยิ้มให้กับตัวเอง คุณ​จะรู้สึกสุขใจขึ้นมาอย่างประหลาดใจ​เลยคะ
ลองทำ 2 อย่างนี้ดูแล้วจะทำให้คุณสร้างนิสัยแห่งความสุข​ได้ในทุกๆวัน

1.รู้จักการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้า หน้าผาก ดวงตาและรอบปาก เพื่อแสดงออกถึงความสุขคือการสร้างรอยยิ้มนั่นเอง อีกวิธีหนึ่งคือ การสูดหายใจเข้าทางจมูกลึกๆ แล้วผ่อนออกทาง
ปากช้าๆ หลังจากนั้นให้คุณยิ้มออกมาจากใจ (การสูดหายใจเข้าลึกๆ เป็นวิธีการผ่อนคลายความเครียดได้อย่างรวดเร็วคะ)

2.หากว่าคุณกำลังเผชิญหน้ากับผู้คนรอบข้างทั้งเพื่อน คนรู้จัก หรือคนแปลกหน้า จงยิ้มออกมาเข้าไว้ แม้คนที่คุณยิ้มให้กำลังหน้านิ่ว คิ้วขมวด ทุกครั้งคุณจะเห็นผลลัพธ์​คือใบหน้าคนอื่นจะยิ้มตอบกลับมาและแสดงความเป็นกันเองขึ้นมาทันที ลองทำดูนะคะ

แชร์ให้เพื่อน

เรามาสำรวจว่า คุณเป็นคนเรียนรู้ตลอดชีวิตหรือไม่

แชร์ให้เพื่อน

เรามาสำรวจว่า คุณเป็นคนเรียนรู้ตลอดชีวิตหรือไม่

1.คุณเป็นเปิดใจกว้าง รับความคิดใหม่ๆ หรือไม่
2.คุณเป็นคนชอบอ่าน อ่าน และอ่านหรือไม่ การอ่านจะช่วยให้เราค้นหาข้อมูลใหม่ในการเรียนรู้ และได้แนวคิดใหม่ๆ จากการอ่านนั่นเอง
3.คนเป็นคนทำความรู้จักผู้คนที่แตกต่างจากคุณหรือไม่
4.คุณอาสาสมัคร​ที่จะสอนหนังสือในกลุ่มคนที่แตกต่างออกไปและเรียนรู้จากคนเหล่านั้นหรือไม่
5.คุณลงเรียนในเรื่องที่คุณคิดว่าน่าสนใจ ที่ใหนก็ได้ ที่คุณพบแหล่งการเรียนรู้​ใหม่ๆหรือไม่
6.คุณกลัวกับการตั้งคำถามในเรื่องที่คุณไม่เข้าใจหรือไม่เพราะการพยายามเข้าใจให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้นั้นไม่ใช่คนโง่
7.คุณดูรายการพิเศษในหัวข้อที่เป็นประโยชน์หรือไม่
8.คุณเรียนรู้การใช้อินเทอร์เน็ต​เพราะจะช่วยให้สมองของคุณพัฒนาหรือไม่
9.คุณท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ เท่าทีเวลาและมีเงินในกระเป๋าหรือไม่
10.คุณเป็นคนตั้งใจฟังผู้อื่นอย่างใส่ใจ เพราะคุณสามารถเรียนรู้ได้จากทุกคนใช่หรือไม่
11.คุณเป็นคนอยากรู้ อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา ชอบสำรวจ ชอบตั้งคำถาม ค้นหา สำรวจวิธีใหม่ๆ หรือไม่
หากว่าคนตอบใช่เกือบทุกข้อแสดงว่าคุณเป็นนักเรียนรู้และมีพัฒนาการเพราะว่าพัฒนาการคือการเรียนรู้และการเรียนรู้ก็คือพัฒนาการนั่นเอง
ชีวิตคือการเรียนรู้​ที่ไม่จบสิ้น คนที่เรียนรู้ตลอดเวลาจะทำให้ร่างกายและจิตใจเสื่อมถอยลงอย่างช้าๆ นั่นเอง

แชร์ให้เพื่อน

9 ข้อดีของการออกกำลังกายเป็นประจำ

แชร์ให้เพื่อน

9 ข้อดีของการออกกำลังกายเป็นประจำ

   การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับความกดดัน ความเครียดและช่วยให้เกิดความสมดุลด้านจิตใจอีกด้วย เพราะว่าการออกกำลังกาย​นั้นเป็นความจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์ ร่างกายต้องการการเคลื่อนไหวและใช้ประโยชน์ จะช่วยให้ร่างกายเสื่อมโทรมช้าลง ยังคงความเป็นหนุ่มสาวยาวนานขึ้นนั่นเองคะ

    เรามาดูกันเลยคะว่า หากเราออกกำลังเป็นประจำมีข้อดีต่อร่างกายและจิตใจอย่างไรบ้าง

1.ช่วยลดหรือป้องกันการเสื่อมสภาพของร่างกายและจิตใจ เรามักจะพูดว่าเราอ่อนแอเนื่องจากเราแก่แล้ว ความเป็นจริงแล้วไม่เกี่ยวกับวัยทั้งหมด แต่เกิดจากเราอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย จึงทำให้ความอ่อนแอมาเยือนนั่นเอง

2.สมองของคนที่ออกกำลังกาย ความจำ ความคิดสร้างสรรค์​  ความยืดหยุ่น​ทางจิตใจ จะทำงานได้ดีขึ้น และร่างกายจะมีความกระฉับกระเฉง​มีแน้วโน้มที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์​น้อยลง

3.การออกกำลังกายช่วยขจัดความเครียดได้เป็นอย่างดี ช่วยสลายความเครียดได้นั่นเอง

4.การออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงโรคซึมเศร้าและลดความวิตกกังวลได้

5.การออกกำลังกายช่วยให้มีความพึงพอใจต่อตนเองเพิ่มมากขึ้น รู้สึกดีต่อตนเอง รู้สึกมีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า​และมีความกระตือรือร้น​มากขึ้นทั้งด้านร่างกาย​และจิตใจ

6.การออกกำลังกาย​อย่างต่อเนื่องจะช่วยให้น้ำหนักตัวคงที่หรือลดลงเพราะมีการเผาผลาญ​แคลอรี​นั่นเอง

7.การออกกำลังกาย​ช่วยให้กระดูกมีความแข็งแรง​ ลดความผุกร่อน​ของกระดูก ช่วยลดปัญหาโรคกระดูก​พรุนทั้งชายและหญิง

8.การออกกำลังกาย​ช่วยป้องกันโรคต่างๆมากมายเช่นโรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็งบางชนิด โรคซึมเศร้า​ โรคข้ออักเสบ หรืออาจเป็นเพราะร่างกาย​และจิตใจที่แข็งแรงสามารถต้านทาน​โรคร้ายได้นั่นเอง

9.คนที่ออกกำลังกายยังคงมีเซ็กซ์ได้มากกว่าและช่วยให้ร่างกายดูดีขึ้นอีกด้วยนะคะ

ดูเหมือนไม่น่าเชื่อใช่ไหมคะ หากใครที่ไม่ค่อยออกกำลังกายลองกระตุ้นตัวเองให้เริ่มต้นได้แล้ว เพื่อเอาชนะความเฉื่อยชา อย่าลืมตรวจสุขภาพก่อนออกกำลังด้วยนะคะเผื่อมีข้อจำกัด การออกกำลังกายเป็นกลุ่มจะช่วยให้เราได้พบเพื่อนที่น่าสนใจ มีชีวิตชีวา และมีความกระตือรือร้น​ จงทำให้การออกกำลังกาย​เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวัน​เช่นเดียวกับการอาบน้ำ แปรงฟัน​และการรับประทาน​อาหาร​ แค่นี้คุณก็จะได้ประโยชน์​ทั้ง 9 ข้อเลยนะคะ

 

แชร์ให้เพื่อน

9 เทคนิคควบคุมน้ำหนักให้อยู่หมัด

แชร์ให้เพื่อน

9 เทคนิคควบคุมน้ำหนักให้อยู่หมัด

หลังจากที่เราสามารถลดน้ำหนักลงมาได้ในระดับที่พอใจแล้ว เรามาใช้เทคนิคการควบคุมน้ำหนักให้คงที่โดยผู้เขียนมีเทคนิคเด็ดๆ ทั้งหมด 9 เทคนิคมาให้นำไปปฏิบัติ เพื่อจะได้ไม่วนกลับมาอ้วน อวบเหมือนเดิมอีก เรามาดูกันเลยคะ ว่าเรามีเทคนิค​อะไรกันบ้าง

1.เทคนิคการใช้คาถาหลอกจิตใจของเราเอง อันนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะกำหนดคาถาอย่างไรเช่น “ฉันเป็นคนสวย หุ่นดี กินอาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกายทุกวัน” ควรท่องทุกวันนะคะเมื่อนึกขึ้นได้ เช่น ก่อนรับประทานอาหาร หรือก่อนนอน หลังตื่นนอนเป็นต้น

2.เทคนิคการคุมระบบการขับถ่าย คุณต้องขับถ่ายทุกวันนะคะ ห้ามท้องผูกเด็ดขาด เลือกรับประทานอาหารที่ช่วยขับถ่ายง่ายได้แก่ ผัก ผลไม้ที่มีกากใยมากๆ เช่น มะละกอ สับปะรด​ เน้นกินอาหารกลุ่มผักและผลไม้ให้มากกว่าปกติ ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารหนึ่งแก้ว และดื่มให้เพียงพอต่อวัน วันละ 8-10 แก้ว

3.ชั่งน้ำหนักทุกวัน หรือชั่งอาทิตย์ละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย เพื่อจะได้ตรวจสอบไม่ให้เกินจากมาตรฐานที่เรากำหนด


4. รับประทานอาหารให้เป็นเวลา เคี้ยวให้ละเอียด เมื่ออิ่มแล้วให้หยุดกิน ไม่ต้องเสียดายอาหาร ถ้ามัวแต่เสียดายอาหารเหลือก็ทำให้ไม่สามารถคุมน้ำหนักได้ และเปลี่ยนแปลงนิสัยการกินอาหารไป ดูทีวีไป หรือหาอาหารกินมื้อดึกคะ

5. หลีกเลี่ยงการปรุงอาหารด้วยเกลือและน้ำตาลสูง รวมถึงจำกัดการรับประทานอาหารที่มีแคลลอรี่​สูงด้วยเช่น ทุเรียน กล้วย ขนุน ลำใย และกินอาหารมันและทอดให้น้อยลง เน้นปรุงอาหารปิ้ง ย่าง ต้ม หรือนึ่ง

6. งด หรือจำกัดเครื่องดื่มกลุ่มเบียร์​หรือแอลกอฮอล์​ กลุ่มน้ำปั่น น้ำหวานควรจำกัดการกินให้น้อยลง

7.ออกกำลังกายชนิดที่ตนเองชื่นชอบ โดยจัดหารองเท้า และชุดให้เหมาะสมกับกิจกรรม​การออกกำลังกายนั้นๆ จะได้มีแรงจูงใจและมีกำลังใจในการควบคุมน้ำหนักนั่นเอง

8.หากน้ำหนักขึ้นมาให้รีบหาสาเหตุของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หากปล่อยปละละเลย​อาจไม่ทันการทำให้ควบคุมน้ำหนักแบบถาวรไม่ได้

9.อย่าซื้อเสื้อผ้าที่ขยายเบอร์ให้ใหญ่ขึ้นโดยเด็ดขาด ต้องควบคุมน้ำหนักเพื่อให้ใส่เสื้อผ้าเบอร์เดิมให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะยิ่งคุมน้ำหนักยาก แถมประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วยคะ

แชร์ให้เพื่อน

6 เทคนิคการลดน้ำหนัก​ให้ได้ผลดี

แชร์ให้เพื่อน

6 เทคนิคการลดน้ำหนัก​ให้ได้ผลดี

คงไม่มีใครปฏิเสธ​ว่าไม่อยากมี หุ่นเพรียว มีทรวดทรง เอวบาง ร่างน้อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะรักษาหุ่น บางคนจึงมีน้ำหนักขึ้นพรวดพราด​ในเวลาเพียงเวลาไม่กี่เดือนยังไม่ทันตั้งตัว น้ำหนักก็ขึ้นไปไกลแล้ว เราลองมาใช้ 6 เทคนิค​ในการลดน้ำหนักให้ได้ผลนี้ดูนะคะ

เทคนิค​ที่1. การชะลอในการกินอาหาร เทคนิคนี้ดูๆ แล้วก็ไม่ได้ยุ่งยากมากนะคะ ขณะที่สาวๆบางคนนั้นพอจะเริ่มลดน้ำหนักก็ชอบลดแบบฮวบฮาบ คือ พอนึกอยากลดน้ำหนักก็อดอาหาร ไม่ยอมกินกลัวน้ำหนักขึ้นว่างั้นเถอะ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วควรต้องกินบ้างหากว่ารู้สึกหิว เพียงแต่เราควรกินช้าๆ ในปริมาณน้อย ไม่ใช่กินเผื่อมื้อต่อไปหรือเผื่อวันพรุ่งนี้ อันนี้ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเลยนะคะสาวๆ และที่สำคัญอย่าตามใจปากเด็ดขาดและต้องงดอาหารที่คุณโปรดปรานให้ได้ ไม่เช่นนั้นน้ำหนักของคุณจะขึ้นแบบไม่หยุด ฉุดไม่อยู่เลยนะคะ

เทคนิค​ที่2.กินอาหารงานเลี้ยง การกินอาหารงานเลี้ยงมื้อใหญ่กับครอบครัวหรือเพื่อนๆที่ทำงาน เป็นช่วงที่ทำให้คุณเจริญอาหารมากที่สุด ฉะนั้นหากเป็นช่วงของการลดน้ำหนักอยู่ คุณควรหลีกเลี่ยงนะคะ หรือหากว่าคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จำเป็นต้องไปงานเลี้ยง ดิฉันแนะนำให้คุณตั้งสติก่อนสตาร์ทนะคะ และต้องแน่วแน่ว่าตอนนี้คุณกำลังลดน้ำหนักอยู่นะ ห้ามตามใจปากโดยเด็ดขาด อย่าคิดว่าฉันกินมื้อนี้เดี๋ยวค่อยลดทีหลัง ไม่เช่นนั้นคุณต้องคิดหนักและปวดหัวไปหลายวันกับการกินอาหารมื้อใหญ่ที่คุณกินเพียงมื้อเดียวเลยคะ

เทคนิค​ที่3.ความเร็วในการกิน หากคุณมีความแน่วแน่ในการลดน้ำหนักแบบจริงๆจังๆ คุณต้องเลือกกินอาหารเฉพาะอย่าง โดยเน้นอาหารจำพวกผัก ผลไม้ หรืออาหารน้ำๆ แทนการเลือกกินอาหารมันหรือผัดๆทอดๆ และต้องค่อยๆกินในปริมาณน้อย ลดเวลาการนั่งกินอาหารบนโต๊ะให้สั้นที่สุด ไม่เช่นนั้นคุณอาจมีความอยากกินอาหารตรงหน้าจนหยิบอาหารเข้าปากไปเรื่อยๆ คุณต้องคิดไว้เสมอว่า หุ่นเพรียวเท่านั้นที่ฉันต้องการ ห้ามคิดว่าอีกนิดคงไม่เป็นไร นั่นแหละเป็นตัวขัดขวางการลดน้ำหนักเชียวนะคะ

เทคนิคที่4.การรู้จักยับยั้งชั่งใจ ให้กินได้เฉพาะตอนท้องหิวจริงๆเท่านั้นคะ อย่ากินเพราะความอยากไม่เช่นนั้นการลดน้ำหนักของคุณก็ล้มเหลวนะคะ

เทคนิค​ที่ 5.การรู้จักเลือกอาหาร เบื้องต้นคุณต้องมีความรู้เรื่องอาหารก่อนนะคะ แล้วค่อยเลือกว่าจะกินอาหารประเภทใหนและอาหารประเภทใหนไม่ควรกินหรือกินได้ในปริมาณน้อยๆ ผู้ที่จะลดน้ำหนักต้องใจแข็ง และหยุดทำตัวเป็นนักชิมอาหารมือโปรผ่านร้านใหนแวะชิมร้านนั้น ไม่ได้นะคะ

เทคนิค​ที่6.การให้รางวัลตัวเอง ถ้าจะเลี้ยงฉลองความสำเร็จให้กับตัวเองลองลดการฉลองด้วยการกิน หากแต่เลือกฉลองด้วยการไปเที่ยว ปิกนิก​จะดีกว่า เพราะคุณได้ออกกำลังกายบ้าง ดีกว่าหมกมุ่นเรื่องอาหารการกินอย่างเดียวนะคะ

สาวๆ ท่านใด ที่มีความแน่วแน่และตัดสินใจได้แล้วว่าฉันต้องลดน้ำหนัก หุ่นดี สุขภาพ​ดี แล้วละก็ลองเลือก 6 เทคนิค​ในการลดน้ำหนักนี้ไปปฏิบัติดูนะคะ ผู้เขียนขอยืนยันว่าลดได้จริงเพราะทดลองมาแล้วนะคะ

 

แชร์ให้เพื่อน

9 แบบ 9 สไตล์​สำหรับสาวๆ เลือกใส่ชุดว่ายน้ำเที่ยวทะเล

แชร์ให้เพื่อน

9 แบบ 9 สไตล์​สำหรับสาวๆ เลือกใส่ชุดว่ายน้ำเที่ยวทะเล

ช่วงนี้บรรยากาศ​บ้านเราร้อนมากมายเลยนะคะ หน้าเฟสอิฉันนี่เต็มไปด้วยการเที่ยวทะเลเพื่อคลายร้อนกัน แถมน้ำทะเลก็ใสๆ มากเลยทีเดียว หาดทรายบ้านเราก็ขาวใส สำหรับสาวๆ ที่ชอบใส่ชุดว่ายน้ำเพื่ออวดสรีระ​กันเรามาดูกันเลยนะคะว่าเราควรเลือกชุดว่ายน้ำแบบใหนให้เหมาะสมกับสรีระ​ของเราใส่แล้ว ปังมากแม่

9 แบบ 9 สไตล์เหมาะสำหรับสาวๆใส่ชุดว่ายน้ำแล้ว ปัง มากแม่ เรามาดูกันเลยคะ แม้รูปร่างเราอาจจะไม่เนี๊ยบไปทุกกระเบียด​นิ้ว แต่คุณก็สามารถใส่ชุดว่ายน้ำให้สวยได้เหมือนกัน ถ้ารู้จักเลือกให้เหมาะกับสรีระ​ร่างกายของเรานะคะ

สไตล์ที่1. สาวสะโพกไหญ่ แต่ไหล่เล็ก จริงๆแล้วคุณสะโพก​ใหญ่นี่เป็นจุดสนใจของหนุ่มๆ เลยก็ว่าได้ หากคนมีสรีระ​แบบนี้ อย่าใส่ชุดว่ายน้ำสีเรียบๆเด็ด​ขาดเลยนะคะ โดยเฉพาะชุดกระโจมอกและขาไม่เว้านี่ห้ามโดยเด็ดขาดเลยนะคะ เดี๋ยวจะไม่ปังนะคะ ควรเลือกชุดที่มีลายทะแยงจากไหล่มาสะโพก บริเวณขาก็เลือกที่เว้าขึ้นบนสะโพกมากๆ จะได้ช่วยหลบตาคนมองก้อนเนื้อบริเวณ​ต้นขาเราได้คะ

สไตล์​ที่ 2.สาวซี่โครงบาน ห้ามใส่ชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่โชว์ซี่โครงเด็ดขาดเลยนะคะ ควรเลือกชุดลายพรางเลขาคณิตใหญ่ๆ สีสดใส เพราะลายขวางและเส้นตัดจะทำให้ดูมีเนื้อหนังมังสาน่ามองกว่าคะ

สไตล์ที่ 3.สาวเอวหาย นี่ผู้เขียนไม่ได้บูลลี่นะคะ​อย่าเลือกชุดว่ายน้ำแบบหรือสีเรียบเชียวนะคะ เพราะจะมองเป็นท่อนซุงไปเลยคะ ควรเลือกสีสดและมีลายเส้นทแยงใหญ่ๆ จากไหล่สู่เอวและจากเอวผายออกสะโพก พร้อมกับมีสายรัดขวางจะทำให้ดูน่ามองมากกว่าคะ

สไตล์ที่4.สาวพุงยื่น โอ้ยโอ้ย ก็เราเป็นสาวสไตล์ผู้มีอันจะกินน้อ หากสาวพุงยื่นต้องเลือกชุดว่ายน้ำที่มีซับในรัดพุงช่วยอีกแรงคะ

สไตล์ที่5.สาวต้นขาอวบ แบบต้นกล้วยได้ปุ๋ยเกินอัตรา ควรเลือกชุดว่ายน้ำที่เว้าขาสูงๆคะหรือแบบที่ด้านข้างสามารถเลื่อนขึ้นหรือลงได้คะ

สไตล์ที่6. สาวต้นขาผอมเกินไป แบบนี้ต้องเลือกที่มีกระโปรง​คลุมทับไว้เลยจะเหมาะสม​กว่าคะ

สไตล์ที่7.สาวก้นใหญ่ อย่าเลือกชุดที่ขายาวๆ และดึงมาปิดก้นเชียว เพราะมันปิดไม่มิด แถมดันส่วนเกินออกมาโชว์อีกคะ เราควรเลือกผ้าหนาๆ เพื่อช่วยบังคับเนื้อหนังให้เข้าที่และเลือกแบบขาเว้าสูง เพราะจะช่วยให้ขาเรียวยาว และเปลือยหลังเพื่อเปลี่ยนจุดสนใจคะ

สไตล์ที่8.สาวหลังอวบ อูม เลือกชุดที่ปิดหลังสูงไว้เลยคะ อย่าโชว์จุดอ่อนเชียวนะคะ

สไตล์ที่9.สาวอกคล้อย ให้เลือกชุดที่มีสายช่วยพยุงอกไว้คะ หรือแบบที่มีสายบ่าไขว้หลังจะช่วยดึงอกขึ้นมาได้มากขึ้น

จบลงด้วย9 แบบ 9สไตล์สำหรับเลือกชุดว่ายน้ำ สำหรับเที่ยวทะเล หรือว่ายน้ำออกกำลังกายโชว์รูปร่างสำหรับสาวๆ กันไปแล้ว อย่าลืมเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยนะคะ สามารถหาอ่านได้ในบทความก่อนหน้านี้ได้เลยนะคะ

แชร์ให้เพื่อน