3 แบบ 3 สไตล์​แต่งหน้าให้ดูสวยที่แตกต่าง

แชร์ให้เพื่อน

3 แบบ 3 สไตล์​แต่งหน้าให้ดูสวยที่แตกต่าง

    ในการแต่งหน้าเพื่อให้ดูสวย 3แบบ 3 สไตล์สำหรับสาวๆ ที่ชอบการแต่งหน้า เรามาดูกันเลยคะว่ามีสไตล์​ในบ้าง ต่อจากบทความก่อนหน้านี้คะ

3.แต่งหน้าสไตล์​สาวเปรี้ยว กระฉับกระเฉงสำหรับการเล่นกีฬา หรือออกกำลังกาย​

    ก่อนอื่นเป็นอันดับแรกเลยนะคะ เราต้องทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดก่อนคะ การเลือกสีในการแต่งหน้าเน้นโทนให้เป็นธรรมชาติ​มากที่สุด จะช่วยลดความแข็งกระด้าง เพราะความกระฉับกระเฉง มองดูเหมือนสาวทอมบอยไปนิดนะคะ เราควรเน้นความน่ารัก สดใสมากกว่าคะ

สำหรับใครที่หน้าใสอยู่แล้ว ให้เลือกลงแป้งฝุ่นได้เลยคะ เพราะการลงรองพื้นนั้นไม่เหมาะสำหรับการแต่งหน้าสไตล์​นี้นะคะ เพราะเวลาเราออกกำลังมากๆ อาจทำให้เหงื่อ​ไหล ครีมรองพื้นจะเป็นคราบได้นะคะ  การวาดคิ้วและขอบตาเน้นให้ได้รูปที่สุดนะคะ ให้งดเขียนอายไบเนอร์เด็ดขาดเลยนะคะ เพราะจะทำให้เลอะง่ายมาก สำหรับขอบตาควรเน้นสีเหลืองทาบริเวณเปลือกตาเพื่อให้แลดูสว่าง สดใส แต่ต้องระวังอย่างให้จ้าจนเกินไปคะ เดี่ยวจะมองดูแล้วหน้าเหลือง ตาเหลืองไปคะ น่าเกลียด ควรทาแค่บางๆ ก็พอแล้วคะ หลังจากนั้นใช้สีน้ำตาลทาที่เปลือกตาเน้นความลึกโดยทาให้ชิดกับขอบตาให้มากที่สุดนะคะ

    ปัดบรัชออนด้วยสีน้ำตาลบางเบา บริเวณโหนกแก้มให้สีสันดูธรรมชาติ​มากที่สุด เพราะเล่นออกกำลังกายไปเดี๋ยวแก้มก็แดงเองตามธรรมชาติอยู่แล้วหลังเลือดสูบฉีดดี ท้ายสุดลงสีปากด้วยสีส้มอ่อนทาทับด้วยลิปมัน   แค่นี้สาวๆก็ดูปราดเปรียว พร้อมที่จะเข้าสนามออกกำลังกายที่มีหนุ่มจ้องมองความเปรี้ยว กระฉับกระเฉง​เลยคะ

     หากใครที่ผมยาว ให้รวบเก็บไว้ด้านหลังหรือเปียผมแบบสวยๆ เก็บผมให้เรียบร้อยด้วยโบว์หรือยางรัดผมสีสดใส เพราะหากเราปล่อยผมยาวรุงรังจะดูน่าเกลียด ไม่น่ามองนะคะ

การแต่งหน้าสไตล์เปรี้ยว กระฉับกระเฉง จะทำให้เรามองดูเป็นสาวรักสุขภาพ รักการออกกำลังกาย ดูแล้วเป็นที่น่าสนใจสำหรับหนุ่มๆ ที่ชอบสไตล์​คนดูแลสุขภาพ​นะคะ
อย่าลืมเลือกชุดออกกำลังกายให้ดูทะมัดทะแมง มีสไตล์​และรองเท้าผ้าใบให้เหมาะสมกับการออกกำลังกายด้วยนะคะ สำหรับการเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับชุดออกกำลังกายสามารถหาอ่านได้ในบทความก่อนหน้านี้ได้นะคะ แค่นี้เราก็ดูดีในแบบสไตล์ของเราเองได้แล้วคะ

แชร์ให้เพื่อน

3 แบบ 3 สไตล์​แต่งหน้าให้ดูสวยที่แตกต่าง

แชร์ให้เพื่อน

3 แบบ 3 สไตล์​แต่งหน้าให้ดูสวยที่แตกต่าง

ในการแต่งหน้าเพื่อให้ดูสวย 3แบบ 3 สไตล์สำหรับสาวๆ ที่ชอบการแต่งหน้า เรามาดูกันเลยคะว่ามีสไตล์​ในบ้าง ต่อจากบทความก่อนหน้าคะ

2.แต่งหน้าสไตล์​สาวหวานแบบโรแมนติก

ก่อนอื่นเราต้องทำความสะอาดใบหน้าก่อนคะ การเลือกสีแต่งหน้าโทนอ่อนจะช่วยให้ดูอ่อนหวานโรแมนติก​ได้ไม่ยากเลย ส่วนริ้วรอยลบได้ด้วยรองพื้นได้เลยคะ สำหรับใครที่หน้าใส ใช้สำลีชุบรองพื้นแต้มตรงริ้วรอยแล้วเกลี่ยเบาๆให้กลมกลืนกับผิวก็พอคะ จากนั้นลงแป้งฝุ่นให้ทั่วบนใบหน้าจะเพิ่มความนวลเนียน อยากแต่งแบบหวานโรแมนติก​อย่าแต่งให้เวอร์นะคะ เพราะเราเน้นความนุ่มนวล อ่อนหวานแบบผู้หญิ๊งผู้หญิง การวาดคิ้วและขอบตาเน้นให้เบาบางที่สุดนะคะ ไม่จำเป็นต้องใช้ดินสอเขียน แล้วใช้ไม้พันสำลีเกลี่ยให้ดูเป็นธรรมชาติ สำหรับขอบตาเน้นสีชมพูอมส้มคะเหมาะกับคนผิวขาว หากคนผิวคล้ำหน่อย เน้นใช้สีน้ำตาลเข้มคะ ทั้งนี้ต้องเน้นให้เข้าชุดกับเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ด้วยนะคะ

การลงอายแชโดว์สีน้ำตาลเข้มบริเวณ​เปลือกตาเกลี่ยอย่างเบามือบางๆนะคะ จากนั้นลงอายแชโดว์สีน้ำตาลเข้มทาหางตาให้ดวงตาดูลึกและคม อย่าลืมเน้นความธรรมชาติเข้าไว้นะคะ ​ เกลี่ยให้เรียบเนียน ด้วยไม้พันสำลี และดัดขนตาเล็กน้อย เพิ่มสีน้ำตาลให้ขนตาดูหนาขึ้นด้วยมาสค่าร่าคะ ระวังอย่าให้จับกันเป็นก้อนนะคะ

ปัดบรัชออนด้วยสีส้มอ่อน บริเวณโหนกแก้มให้สีสันดูธรรมชาติ​ ท้ายสุดลงสีปากด้วยสีส้มอ่อนแต่งแต้มริมฝีปาก สาวๆควรใช้สีส้มอ่อนๆ จะเหมาะกว่า หากใครที่รูปปากเล็กให้เขียนขอบปากก่อน จะช่วยให้ดูปากอิ่มเอิ่บเพิ่มความอ่อนหวานได้คะ

หากใครที่ผมยาว ให้รวบเก็บไว้ด้านหลังหรือเปียผมแบบสวยๆ อย่าลืมปล่อยไรผมออกมาเคลียแก้มสักหน่อยก็พอคะ เพราะจะมองดูเรียบร้อย อ่อนหวานตามสไตล์แบบหวานโรแมนติก​ ผมยาวจะเพิ่มความดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้าม​ได้ง่ายกว่าสาวผมสั้น สำหรับเสื้อผ้าเน้นสีอ่อนนะคะ จะยิ่งมองดูสวยหวานโรแมนติก​ แต่งตัวสวยแล้วอย่าลืมกริยามารยาท​ด้วยคะ การเดินเหินให้ดูสง่างาม นั่งหลังตรง ทำตัวให้น่าทะนุถนอมเข้าไว้ เพราะเรามาในสไตล์สาวหวานนะคะ ความมั่นใจจะช่วยให้เรามีชัยกว่าครึ่งคะ จำไว้นะคะสาวหวานโรแมนติก​

แชร์ให้เพื่อน

3 แบบ 3 สไตล์​แต่งหน้าให้ดูสวยแตกต่าง

แชร์ให้เพื่อน

3 แบบ 3 สไตล์​แต่งหน้าให้ดูสวยแตกต่าง

ในการแต่งหน้าเพื่อให้ดูสวย3แบบสำหรับสาวๆ ที่ชอบการแต่งหน้า เรามาดูกันเลยคะว่ามีสไตล์​ในบ้าง

1.แต่งหน้าสไตล์​ดูเปรี้ยวและเซ็กซี่
ก่อนอื่นทำความสะอาดใบหน้าก่อน การเลือกโทนสีดำและแดงจะช่วยให้ดูเซ็กซี่​ได้ไม่ยากเลย ส่วนริ้วรอยลบได้ด้วยรองพื้นได้เลยคะ สำหรับใครที่หน้าใส ใช้สำลีชุบรองพื้นแต้มตรงริ้วรอยแล้วเกลี่ยเบาๆให้กลมกลืนกับผิวก็พอคะ จากนั้นเขียนคิ้วด้วยดินสอสีดำ แล้วใช้ไม้พันสำลีเกลี่ยให้ดูเป็นธรรมชาติ ใช้ดินสอสีดำเขียนขอบตาล่างและบนให้ดวงตาดูกลมโต ตามด้วยลงแป้งบนใบหน้า วิธีให้ดูบทความก่อนหน้าประกอบนะคะ
การลงอายแชโดว์สีเหลืองบริเวณ​เปลือกตาบริเวณ​หางคิ้วช่วยให้สว่างขึ้นนะคะ จากนั้นลงอายแชโดว์สีน้ำตาลแดง ทาหัวคิ้วและเปลือกตา เกลี่ยให้เรียบเนียน ด้วยไม้พันสำลี ลงสีน้ำตาลเข้มเกือบดำที่บริเวณ​หางตา ช่วยให้ใบหน้าคมเฉี่ยวมากขึ้นคะ โดยเน้นระดับสี่อ่อนแก่ และดัดขนตาเล็กน้อย เพิ่มความดกหนาด้วยมาสค่าร่าสีดำคะ
ปัดบรัชออนสีน้ำตาลแดงบริเวณโหนกแก้มให้สีดูธรรมชาติ​ ท้ายสุดลงสีปากด้วยสีแดง ความแดงขึ้นอยู่กับเรานะคะ แต่สาวๆควรใช้สีแดงอ่อนๆ จะเหมาะกว่า หากใครที่รูปปากเล็กให้เขียนขอบปากก่อน จะช่วยให้ดูปากอิ่มเอิ่มเพิ่มความเซ็กซี่​ได้คะ
หากใครที่ผมยาวสลวยอย่าลืมปล่อยผมด้วยนะคะ เพราะผมยาวจะเพิ่มความดึงดูดความสนใจจากเพศตรงข้าม​ได้ง่ายกว่าสาวผมสั้น สำหรับเสื้อควรเป็นสีแดงช่วยเพิ่มความเปรี้ยวให้สุดไปเลยนะคะ รองเท้าสีแดงมีส้นเล็กน้อย เท่านี้คุณก็เดินไปส่องกระจกซะหน่อย คุณจะมองดูแปลกตา วันนี้คุณก็ดูเป็นสาวเปรี้ยวและเซ็กซี่​พร้อมที่จะเดินเฉิดฉาย​ในงานได้อย่างไม่อายใครเลยคะ

 

แชร์ให้เพื่อน

6 ขั้นตอนในการแต่งหน้า เสริมความมั่นใจ สำหรับผู้หญิง

แชร์ให้เพื่อน

6 ขั้นตอนในการแต่งหน้า เสริมความมั่นใจ สำหรับผู้หญิง

“ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง” สำนวนนี้ช่างเหมาะกับผู้หญิงจริงๆนะคะ ผู้หญิงบางคนอาจแต่งเติมเสริมนิดหน่อยก็สวยแล้วถือว่ามีความงดงามติดตัวมาแต่กำเนิด หากเราเป็นคนไม่มีสิ่งนี้มาแต่กำเนิด เราก็ไม่ต้องเสียใจนะคะ เรามาลองทำตาม 6 ขั้นตอนนี้แล้วคนที่พบเห็นจะต้องกล่าวทักทายถึงความงามกันเลยทีเดียว เพียงเรามีอุปกรณ์​แค่ 7 อย่างเราก็พร้อมที่จะสวยได้คะ

อุปกรณ์​สำหรับการแต่งหน้าได้แก่ :แป้งตลับ ลิปสติก พู่กันเขียนขอบปาก ที่ปัดแก้ม รองพื้น ดินสอเขียนคิว แปรงปัดคิ้ว

ขั้นตอนที่1.ทำความสะอาดใบหน้า โดยใช้ครีมล้างหน้าเช็ดทำความสะอาดด้วยสำลีเบาๆ จนสะอาด หลังจากนั้นทาครีมบำรุงผิว อย่าลืมทาครีมกันแดดด้วยนะคะเพราะแดดแรงเหลือเกิน ต้องปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด ขั้นตอนนี้เป็นการเตรียมผิวหน้าให้พร้อมก่อนแต่งหน้าคะ

ขั้นตอนที่2.การทาครีมรองพื้น สำหรับขั้นตอนนี้ ขึ้นอยู่กับใครชอบหรือไม่ชอบการทารองพื้นก็ผ่านได้เลยนะคะ การทารองพื้นโดยแตะรองพื้น 5จุดบนใบหน้า คือ กลางหน้าผาก ปลายจมูก กลางแก้มสองข้าง และคาง แล้วใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ ที่หน้าผากให้เกลี่ยขึ้นบน ส่วนจมูกให้เกลี่ยหาแก้มสองข้างและลงมาหามุมปาก ที่สำคัญต้องเบามือนะคะ

ขั้นตอนที่3.การเขียนคิ้ว หรือวาดคิ้ว สำหรับขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความแม่นยำและความสามารถในการวาดตามรูปคิ้วของเรานะคะ หรือตามความชอบส่วนตัวนะคะ เพื่อช่วยเสริมความโชคดี​ก็แล้วแต่ความเชื่อเลยนะคะ โดยใช้ดินสอเขียนคิ้วถูกับแปรงปัดคิ้ว แล้วนำมาปัดที่คิ้วให้พอประมาณไม่หนาจนเกินไป สีของคิ้วควรใล้เคียงสีผมนะคะ

ขั้นตอนที่4.การทาสีตา ควรเน้นสีอ่อนๆ เช่น ส้ม ชมพู การปัดสีตาทำได้สองแบบคือปัดจากหัวตาไปหางตา หรือหางตามมาหัวตา ไม่ควรปัดกลับไปมาเพราะทำให้เลอะไม่สวยนะคะ

ขั้นตอนที่5.การปัดสีแก้ม ควรเลือกใช้สีอ่อนให้สัมพันธ์กัน​กับสีตา โดยปัดตามรูปหน้าเช่น คนหน้าสั้นให้ใช้พู่กันปัดจากแก้มขึ้นไปหาขมับหรือหางคิ้ว แต่สำหรับคนหน้ายาวให้ปัดจากแก้มไปยังใบหู หากใครหน้าใหญ่ให้ลบส่วนหน้าที่กว้างด้วยสีน้ำตาลปัดตรงขอบหน้าผากลงมาบริเวณ​ใบหู ลงมาถึงคาง เป็นการใช้เงาช่วยให้หน้าเรียวเล็กลงคะ

ขั้นตอนที่6.การทาปาก เราเลือกทาสุดท้ายเพราะเลอะง่าย ให้ใช้พู่กันวาดขอบปากก่อน ใครริมฝีปากหนาก็วาดขอบปากให้เล็กกว่าขอบปากจริงช่วยให้ปากบางลง หากใครปากสวยเป็นกระจับอยู่แล้วก็วาดตามขอบจริงได้เลย หลังจากนั้นเลือกสีลิปสติก​สีอ่อนๆหรือลิปมันทาตามขอบปากจนเต็มส่วนที่ต้องการ กรณีทาลิปมันไม่ต้องวาดขอบปากนะคะ

จะเห็นได้ว่าแค่ 6 ขั้นตอนง่ายๆ อุปกรณ์​ก็ไม่ได้เยอะอะไร แค่นี้เราก็ก้าวเดินออกจากบ้านได้ด้วยความมั่นใจเลยทีเดียวนะคะ ที่สำคัญเราควรต้องเช็คความร้อนของอากาศบ้านเราด้วยนะคะอาจทำให้เลอะเทอะเวลาเหงื่อออกนะคะ ที่สำคัญควรหยิบร่มกันแดด​ติดมือไปด้วยนะคะ

แชร์ให้เพื่อน

ผิวเนียนนุ่ม ขาว ชุ่มชื้น กระจ่างใส ด้วยเนื้อมะละกอสุก

แชร์ให้เพื่อน

ผิวเนียนนุ่ม ขาว ชุ่มชื้น กระจ่างใส ด้วยเนื้อมะละกอสุก

   มะละกอเป็นได้ทั้งผักและผลไม้ ปลูกง่ายโตไว ผลดิบมียางสีขาวข้นมีเอนไซม์​ที่มีชื่อว่า ปาเปอีน และไคโมปาเปอีน ช่วยย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผลดิบสามารถนำไปทำเมนู​ส้มตำได้หลากหลายเมนู เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไปเช่น ตำไทย ตำป่า ตำโคราช ตำปู ตำปูปลาร้า สารพัด​ตำไปหมดที่มีขายตามร้านอาหาร

 

      ส่วนเนื้อของมะละกอสุกอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี ซี แคลเซียม และธาตุเหล็ก​ ช่วยเป็นยาระบายขับถ่ายได้ดี ลดอาการท้องผูกอีกด้วย

      สำหรับสรรพคุณ​ด้านความงามของเนื้อมะละกอสุกมีหลากหลายรูปแบบเช่น ครีมขัดผิวสูตรมะละกอ สบู่อาบน้ำและขัดผิวสูตรมะละกอ หากใครที่ชื่นชอบในการเตรียมสูตรหมักผมด้วยเนื้อมะละกอสุกก็ทำได้ไม่ยาก ให้นำมะละกอสุกปอกเปลือกออกแล้วล้างให้สะอาด นำเนื้อมะละกอปั่นให้ละเอียด หมักผมก่อนสระทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดและสระผมตามปกติ เนื้อมะละกอ​สุกช่วยรักษาผมแห้ง แตกปลาย ทำให้เงางาม สลวย มีน้ำหนักขึ้นเหมาะสำหรับผมที่ผ่านการทำสี โกรก หรือดัด ยืด จะช่วยได้มากเลยทีเดียวสามารถ​ทำได้สัปดาห์​ละ 2-3ครั้ง

   สำหรับใครที่มีปัญหา​ผิวหน้าแห้งหยาบกร้าน ลอก เป็นขุย เนื้อมะละกอสุกสามารถช่วยแก้ปัญหาได้เช่นกัน โดยนำเนื้อมะละกอสุกหั่นเป็นชิ้นล้างยางออกให้หมด ปั่นเนื้อให้ละเอียด นำมาทาทั่วบริเวณใบหน้าเว้นรอบดวงตาทิ้งไว้ประมาณ​10นาที แล้วเช็ดออก ล้างด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์​ละครั้งจะช่วยให้ผิวที่แห้ง หยาบกร้าน เป็นขุย มีความชุ่มชื้น เต่งตึง นุ่มนวล กระชับ เนื่องจากในเนื้อมะละกอสุกอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ​นั่นเอง

   หากใครที่มีตุ่มเนื้อหรือกระเนื้อสามารถใช้ยางมะละกอ​ดิบทาแล้วทิ้งไว้ ทำติดต่อกันประมาณหนึ่งสัปดาห์​ตุ่มเนื้อ หรือกระเนื้อสามารถหลุดออกได้ ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ทำบริเวณผิวหน้าเพราะอาจเกิดการกัดเนื้อหลุดเป็นแผลได้

แชร์ให้เพื่อน

ผิวสวย หน้าเต่งตึงด้วยแตงกวา

แชร์ให้เพื่อน

ผิวสวย หน้าเต่งตึงด้วยแตงกวา

แตงกวาจัดเป็นตระกูลผัก สำหรับกินกับน้ำพริกหรือเป็นผักกินกับเครื่องเคียงเช่น ข้าวมันไก่ ทอดมัน เป็นต้น ในเนื้อแตงกวานอกจากจะมีเอนไซม์​ที่ช่วยในการย่อยโปรตีนแล้ว แตงกวายังอุดมไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี และมีกรดอะมิโนค่อนข้างสูง มีน้ำเยอะช่วยในการบำรุงผิวพรรณ​และความชุ่มชื้นเก็บไว้ใต้ผิวได้นานโดยไม่ทำให้เกิดความมันบนใบหน้า นอกจากนี้ยังมีสารที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นได้ดี มีถทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย ดังนั้นจึงพบเห็นอยู่บ่อยๆว่าแตงกวามักเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางบำรุงผิวพรรณในยี่ห้อ​ต่างๆมากมายที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป

สำหรับใครที่มีเวลาว่าง และต้องการทำครีมบำรุงผิวหน้าจากแตงกวาใช้เอง ก็ไม่ได้ยุ่งยาก แถมได้ครีมที่สดและได้คุณค่าสูงจากสารสำคัญในแตงกวาอีกด้วย โดยการล้างแตงกวาให้สะอาดปั่นให้ละเอียด ผสมเข้ากับน้ำผึ้ง100% ให้มีความเหลวเล็กน้อย นำมาพอกหน้าทิ้งใว้ประมาณห้านาที หลังจากนั้นเช็ดออกเบาๆด้วยสำลี แล้วล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วตามด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน เท่านี้ก็จะได้ผิวพรรณ​ที่เต่งตึงและเรียบเนียนอีกด้วย หลังจากนั้นสามารถฝานแตงกวาออกเป็นแว่นบางๆ แช่ตู้เย็นไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วนำมาวางปิดให้ทั่วใบหน้าและดวงตาทิ้งใว้ประมาณห้านาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าเช็ดหน้าให้แห้งแล้วค่อยทาครีมบำรุงผิว ช่วยลดความหยาบกร้านของผิวหน้าเนื่องจากในเนื้อแตงกวาสดมีสารช่วยย่อยโปรตีนบริเวณ​ผิวหนังชั้นนอกที่หยาบกร้านและเกรียมแดดให้ลอกหลุดได้ง่าย แถมช่วยให้ผิวพรรณ​มีความชุ่มชื้นและเต่งตึงอีกด้วย ลดปัญหา​ผิวแห้งเป็นขุย นอกจากนี้แตงกวายังช่วยในการ​รักษา​ฝ้าบนใบหน้าได้ดีอีกด้วย ช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใส

หากใครที่มีปัญหาฝ้า กระ และต้องการบำรุงผิวด้วยสมุนไพรจากแตงกวา สามารถทำได้ง่ายๆ ก่อนอาบน้ำตอนเย็นให้ใช้น้ำที่คั้นจากแตงกวาทาบางๆ หลังจากล้างหน้าให้สะอาดทิ้งไว้ห้านาที แล้วล้างออก น้ำในแตงกวาจะช่วยบำรุงผิว ลบรอยฝ้าที่อาจเกิดจากแสงแดด​หรือมลพิษทางอากาศ​ในระหว่างวันได้อย่างดี แถมประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย

 

แชร์ให้เพื่อน

5 ข้อดีของจักรยานไฟฟ้าและข้อควรระวังกับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุ

แชร์ให้เพื่อน

5 ข้อดีของจักรยานไฟฟ้าและข้อควรระวังกับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุ

   จักรยาน​ไฟฟ้าเหมาะกับคนที่ชื่นชอบในการปั่นจักรยานแต่อยากได้พลังงานไฟฟ้ามาช่วยทุ่นแรง และรูปทรงของจักรยานไฟฟ้าก็เคยชินมาตั้งแต่วัยเด็ก และมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีแบบสองล้อเหมาะสำหรับผู้ที่ทรงตัวได้ดี และแบบสามล้อเหมาะสำหรับผู้ที่ทรงตัวแบบสองล้อไม่ได้ จึงเหมาะสำหรับเด็กจนถึงผู้สูงอายุ สามารถใช้ในการเดินทางในละแวกใกล้เคียง หรือนำไปเที่ยวเพื่อความสะดวกสบายได้เช่นกัน
    วันนี้ผู้เขียนจะกล่าวถึงข้อดีและข้อควรระวังของจักรยานไฟฟ้ากับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุกันคะ ว่ามีข้อดีและข้อควรระมัดระวังอะไรกันบ้างมาดูกันเลยคะ

    1.จักรยานไฟฟ้าแบบสองล้อ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่เคยขับขี่จักรยานสองล้อมาก่อน ช่วยให้ชลอ กล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็กไม่ให้ลีบเล็ก ช่วยให้กล้ามเนื้อแขนและมือ นิ้วมีความแข็งแรงมากขึ้นนั่นเองคะ

     2.จักรยาน​สามล้อไฟฟ้า เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่เคยขี่จักรยาน​สองล้อมาก่อนเพราะจักรยานสามล้อไม่ต้องทรงตัวมากนัก ช่วยให้กล้ามเนื้อมือ นิ้วและแขนมีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยลดปัญหากล้ามเนื้อลีบเล็กได้คะ

      3.การขับขี่จักรยานไฟฟ้าสองล้อหรือสามล้อสำหรับผู้สูงอายุช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ดีกว่าการขี่รถมอร์เตอร์ไซ​ด์ เนื่องจากรถจักรยานไฟฟ้ามีความเร็วที่ช้ากว่า ขับขี่ไปเรื่อยๆ ไม่มีแรงบิดและความเร็วสูงมาก

        4. การขับขี่จักรยานไฟฟ้าสองล้อหรือสามล้อช่วยให้ผู้สูงอายุไม่เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ขับขี่ไปเล่นตามสวนสาธารณะ​เพื่อออกกำลังกายหรือเยี่ยมญาติหรือเพื่อนๆ ในละแวกบ้านใกล้เคียง ช่วยให้เกิดความผ่อนคลายและคลายเครียด บางครั้งก็ขับขี่จักรยานไฟฟ้าเพื่อไปทำบุญ นั่งสมาธิที่วัดตามวันสำคัญต่างๆ

      5. การขับขี่จักรยานไฟฟ้าสองล้อหรือสามล้อช่วยกระตุ้นสมองและความจำของผู้สูงอายุในเรื่องของการตัดสินใจ การจดจำเส้นทางที่ขับขี่ผ่านไปต่างๆ  ทั้งนี้การขับขี่จักรยานไฟฟ้าสำหรับผู้สูงอายุไม่ควรขับขี่ตามถนนที่มีการจราจร​ที่แน่นหนาและคับคั่งเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ​ได้ง่าย และจักรยานไฟฟ้าไม่มี พรบ. คุ้มครองอีกด้วยนั่นเอง

ข้อควรระมัดระวังในการขับขี่จักรยานสองล้อหรือสามล้อสำหรับผู้สูงอายุ
1.ควรระมัดระวังสำหรับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวต่างๆ เช่นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคความจำเสื่อม เป็นต้น

2.ผู้สูงอายุที่มีปัญหาสมองเสื่อมและหลงลืมเพราะอาจทำให้หลงทางไม่สามารถจำเส้นทางกลับบ้านได้

3.ผู้สูงอายุที่มีปัญหาแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก เพราะในการขับขี่จักรยานไฟฟ้าต้องใช้กล้ามเนื้อแขนขา และทรงตัวในการเลี้ยวซ้าย ขวา ดังนั้นจึงควรต้องมีความระมัดระวังหรือไม่ควรขับขี่เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ​

จะเห็นได้ว่าในปัจจุ​บัน​นี้มีจักรยาน​ไฟฟ้าใช้ขับขี่ตามถนนอย่างแพร่หลายมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องขับขี่อย่างระมัดระวังเพราะอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพยสิน​ตามมาได้นั่นเอง

แชร์ให้เพื่อน

3 แนวทางการเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบ

แชร์ให้เพื่อน

3 แนวทางการเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบเพื่อตอบโจทย์​ใส่ทำงาน ใส่ออกกำลังกาย ใส่ท่องเที่ยว ใส่ได้นานคุ้มค่าเกินราคา

    การเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบสำหรับผู้ที่มีงบน้อยมีหนึ่งคู่แต่สามารถใส่ได้หลายงาน ใช้งานได้จริง คุ้มค่าเกินราคา เช่น ใส่ทำงาน  ใส่ออกกำลังกาย อย่างเช่น วิ่ง เดิน ฟิตเนส​ เต้นแอโรบิก​ หรือใส่เพื่อการเดินท่องเที่ยวตามป่า เขา ลำเนาไพร เดินเที่ยวตามห้างสรรพสินค้า​ต่างๆ เราควรเลือกซื้อแบบใหนให้ใส่แล้วดูดี มีสไตล์

    เรามาดูกันเลยคะว่าเราควรเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบให้เหมาะกับตัวเราและสวมใส่ได้นานๆ คุ้มค่ากับราคาและที่สำคัญนั้นสวมใส่สบายเท้าในทุกๆย่างก้าวที่เราเดินหรือวิ่งคะ

1.ควรเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบให้มีขนาดพอดีกับเท้า น้ำหนักเบา และสรีระ​ของเท้าเรานะคะ ส้นรองเท้าควรสูงเล็กน้อยให้เหมาะสมกับสรีระ​ในการก้าวเดิน กรณีที่เราชอบสวมใส่ถุงเท้าเราควรเผื่อเล็กน้อยเพราะหากเราซื้อพอดีมากเกินไปเมื่อเราสวมใส่ถุงเท้าอาจทำให้เรารู้สึกแน่นเกินไป หรืออีกทางหนึ่งคือเราเลือกซื้อถุงเท้าที่มีขนาดบาง หุ้มส้นเท้าเล็กน้อย ช่วยให้เราใส่สบายมากขึ้น

2.การเลือกสีสันของรองเท้าผ้าใบ ควรเลือกสีสันตามที่เราชอบ แต่หากเรามีงบน้อยสามารถเลือกซื้อได้แค่คู่เดียวเราควรเลือกสีเข้มนิดหนึ่งนะคะ หรือเลือกสีที่เรียบง่าย เพราะเราสามารถใส่ได้กับชุดที่หลากหลายไม่ต้องกังวลกับการเลือกชุดให้แมตช์​กับรองเท้า เราใส่เที่ยวก็ได้ ใส่ไปทำงานได้ด้วยก็ดี หรือใส่ไปเดินเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ หลังเลิกงานเดินชิลล์​ในวันก่อนหยุดสุดสัปดาห์​ก็ได้ ไม่ต้องกังวลต้องเปลี่ยนอีก

3.การเลือกซื้อรองเท้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากเรามีงบน้อย ต้องการซื้อรองเท้าผ้าใบหนึ่งคู่แล้วสามารถใช้ได้หลายงานเช่น ใส่ออกกำลังกายเบาๆ ใส่ทำงานในสไตล์​สปอร์ต​เตรียมพร้อม​ที่จะออกเที่ยวช่วงเย็นหลังเลิกงาน หรือมีนัดเดท​กับแฟนก็ยังดูดีในทุกสถานการณ์​ เดี่ยวนี้มีรองเท้าหลายๆ รุ่นราคาไม่ได้แพงมากนัก ซึ่งช่วงนี้ออกมาลดราคาซื้อคู่แรกสามารถซื้อคู่ที่สองลดลง 40% อย่างยี่ห้อ SKECHERS รุ่น GOWALK นอกจากสวยถูกใจแล้วยัวประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วยนะคะ

    ลองนำหลักเกณฑ์​ 3 ข้อที่กล่าวมานี้ไปเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบซักคู่มาสวมใส่ดูนะคะแล้วท่านไม่ผิดหวังกันเลยจริงๆ คะ

แชร์ให้เพื่อน

5 วิธี​การช่วยให้จิตใจสงบ

แชร์ให้เพื่อน

5 วิธี​การช่วยให้จิตใจสงบ

การใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้บางครั้งทำให้เรารู้สึกเครียด วิตกกังวล รวมถึงอาการวัยทองบางครั้งก็ทำให้มีอาการซึมเศร้าโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด การเลือกใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองเป็นบางช่วงเวลาก็สามารถช่วยให้เรามีพลังงานชีวิตกลับคืนมาได้อย่าวเหลือเชื่อ
เรามาลองดู 5 วิธีการอยู่กับตัวเองเป็นเวลาชั่วขณะนั้นมีอะไรบ้างเรามาดูกันเลยคะ

1.การนั่งสมาธิ การนั่งสมาธิที่ดีควรต้องเลือกสถานที่ ที่มีความสงบ มีสิ่งรบกวนให้น้อยที่สุด ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมเช่น กินอาหารให้อิ่มพอควร ไม่กินมากหรือน้อยจนเกินไป อากาศ​ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปเพราะจะรบกวนเวลาในการนั่งสมาธิได้ อาจมีลูกปะคำเพื่อช่วยให้มีสมาธิในการจดจ่อ หรือบางท่านอาจใช้บทสวดในการสวดเพื่อให้มีสมาธิ​จดจ่อก็ได้ ควรใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อการนั่งสมาธิหนึ่งรอบ หากทำได้ทุกวันแล้วจะยิ่งดีเพราะจะทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบายหยุดพักจากการเข้าสู่โลกออนไลน์​ไปชั่วขณะ

2.การเข้าโบสถ์​ ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนมุมมองในการทำให้จิตใจสงบลง เป็นการเข้าไปเพื่อสารภาพบาป​และการขอพรให้ชีวิต​มีความสุข​มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องนับถือศาสนาใด เพียงแต่เราไม่ยึดติดในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราปรับเปลี่ยนตามสภาพของ​สังคม​และวัฒนธร​รม​ที่เราอยู่อาศัยนั่นเอง ผลลัพธ์​ที่ได้มาก็ไม่ได้มีความแตกต่างแต่อย่างใด​ช่วยทำให้เรามีจิตใจที่สงบมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

3.การเข้าวัดฟังธรรม ในปัจจุบันนี้​การเข้าวัดฟังธรรมอาจมีน้อยลงเนื่องจากไม่ค่อยมีเวลา หรืออากาศที่ร้อนมากเกินไปอาจไม่สะดวกในการเดินทาง การเลือกฟังธรรมทางออนไลน์​ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แถมเราไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางอีกด้วย ซึ่งผลลัพธ์​ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากมายนักนั่นเอง

4.การออกกำลังกายเบาๆ อย่างการทำโยคะ​ การฝึกโยคะนับว่าเป็นการฝึกลมหายใจให้มีความสัมพันธ์​กับการเคลื่อนไหว​ร่างกายแบบช้าๆ เป็นกิจกรรม​ที่ไม่เร่งรีบ กล้ามเนื้อมีการยืดเหยียด แถมไม่ได้ลงทุนอะไรมาก เป็นการช่วยให้มีจิตใจสงบลงได้เช่นกัน

5.การเดินจงกรม การเดินจงกรมนั้นสามารถทำได้ง่ายเป็นการฝึกกำหนดสติให้อยู่กับการก้าวเท้าเดินโดยก้าวเท้าซ้ายก็ให้จิตสำนึกรู้ว่ากำลังก้าวเท้าซ้ายและก้าวเท้าขวาจิตก็สำนึกรู้ว่ากำลังก้าวเท้าขวาเป็นการฝึกให้จิตใจอยู่กับปัจจุบัน​ไม่ใช่ย้อนคิดเรื่องอดีตที่ผ่านมา หรือคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของความทุกข์ใจได้

หากใครที่กำลังรู้สึกเคร่งเครียด วิตกกังวล ลองนำ 5 แนวทางนี้ไปปฏิบัติดูนะคะ จะช่วยให้เรามีจิตใจที่สงบมากขึ้น ทำอย่างน้อยวันละ 30 นาทีนะคะ

แชร์ให้เพื่อน

7 เมนูปั่นอร่อยดี ถูกด้วย สบายท้อง

แชร์ให้เพื่อน

7 เมนูปั่นอร่อยดี ถูกด้วย สบายท้อง

     สำหรับใครที่ชื่นชอบดื่มน้ำปั่นเย็นๆ ชื่นใจ เข้ากับบรรยากาศ​ร้อนปรอทแตก แบบน้ำหยุดไหล ไฟดับ ตับแลบค่าไฟขึ้นกระฉูดของอากาศ​เมืองไทยช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม​ เมนูปั่นมีมากมายหลายอย่างให้เลือกหาดื่มเพื่อดับกระหายทั้งหาซื้อง่าย ประหยัดสตางค์ พร้อมราคาสบายกระเป๋าเพราะว่าบ้านเราอุดมไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด หากฟันเคี้ยวเริ่มหลุดร่วงการเคี้ยวอาหารจำพวกผลไม้เริ่มยากขึ้น การเลือกดื่มเมนูปั่น ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งทำให้ได้ประโยชน์​ทั้งนี้ก็ต้องระมัดระวังกับกลุ่มผลไม้ที่มีสารไซยาไนด์​ อาจปนเปื้อนเข้าไปในกระบวนการปั่นได้ หากเราปอกเปลือกคัดเลือกเมล็ดออกไม่หมด อาจทำให้เราได้รับสารพิษตกค้าง​จากสารไซยาไนด์​ตามธรรมชาติ​ได้
      เรามาดูกันเลยคะว่าน้ำปั่นที่ดื่มแล้วรสชาติดีอร่อย ถูก และสบายท้อง มีเมนู​ใหนกันบ้างเผื่อช่วยคลายร้อนลงบ้างในช่วงนี้

   1.น้ำแตงโมปั่น แตงโมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่มีวิตามินที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน การเลือกเมนูน้ำแตงโมปั่นในการดื่มช่วงเวลาบ่ายคล้อยช่วงอากาศ​ร้อนจัดของเมืองไทย จะช่วยให้ร่างกายเย็นสดชื่น ทำให้เย็นชื่นใจ แถมราคาไม่แพงนะคะ


    2.น้ำมะม่วงปั่น มะม่วงเป็นผลไม้เมืองร้อน ที่สุกมีสีเหลืองทอง อุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซี แถมราคาถูกมากในหน้าร้อน สำหรับใครที่ไม่ชอบทานมะม่วงสุก ลองเปลี่ยนมาดื่มเมนูน้ำมะม่วงปั่นช่วงบ่ายๆดูนะคะ นอกจากจะได้ความหวานของน้ำตาลตามธรรมชาติแล้วยังได้ความอมเปรี้ยวเล็กน้อยช่วยให้ร่างกายตื่นตัว แถมเป็นยาระบายอีกด้วย ช่วยล้างไขมันในลำไส้ เมนูนี้ดีมากๆเลยคะ

   3.น้ำกล้วยหอมทองปั่น กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่สุกมีสีทองอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆที่มีประโยชน์​ต่อร่างกาย​ช่วยเพิ่มกากใยอาหาร ช่วยให้การขับถ่ายคล่องขึ้น ใครที่ไม่ชอบทานกล้วยหอมทองสุก ลองเปลี่ยนเป็นเมนู​กล้วยหอมทองปั่นเสริมโยเกิร์ต​หรือยาคูลท์​เข้าไปรสชาติ​กลมกล่อม อร่อยถูกปากอย่าบอกใครเชียวนะคะ  เหมาะสำหรับเมนูหน้าร้อนแบบนี้ ดื่มแล้วเย็นชื่นใจเลยคะ แถมประโยชน์​คับแก้วอีกด้วยนะ


    4.น้ำสตรอเบอรี่​ปั่น สตรอเบอรี่​อุดมไปด้วยวิตามินซี เมื่อสุกแล้วจะมีรสชาติ​หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย การเลือกเมนู​น้ำสตรอเบอรี่​ปั่นซักแก้วดื่มกับบรรยากาศ​ทำงานช่วงบ่ายๆ ที่บรรยากาศร้อนทะลุปรอทวัดไข้ของเมืองไทย ช่วยให้ใจเย็น สดชื่น ชุ่มคอ เดินเที่ยวหรือทำงานต่อได้จนถึงเย็นเลยทีเดียวนะคะ

   5.น้ำมะพร้าวน้ำหอมปั่น น้ำมะพร้าวน้ำหอมเป็นน้ำบริสุทธิ์​ อุดมไปด้วยฮอร์โมน​เพศหญิง  ​เหมาะสำหรับผู้หญิงวัยทองที่มีอารมณ์​เหวี่ยงวีน ช่วงบ่ายๆลองเลือกเมนูน้ำมะพร้าวน้ำหอมปั่นเย็นๆ ซักแก้วนอกจากจะได้ความหวานจากน้ำตาลธรรมชาติของมะพร้าวน้ำหอมแล้ว ยังได้โปรตีนจากนมอีกด้วยรสชาติกลมกล่อม กินพร้อมกับเนื้อมะพร้าวน้ำหอมรสชาติหวานอร่อยถูกใจ ทำให้รู้สึกสดชื่นมาทันตาเห็นเลยทีเดียวคะ


6.น้ำส้มปั่น น้ำส้มนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยให้ผิวพรรณ​เปล่งปลั่ง​แถมยังช่วยระบายอีกด้วย เมนูน้ำส้มปั่นเหมาะสำหรับทุกช่วงวัย กินง่าย สบายท้อง เย็น สดชื่น เหมาะกับบรรยากาศ​หน้าร้อนของเมืองไทยเลยคะ

7.น้ำฝรั่งปั่น ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ทานง่าย กินกับพริกเกลือหรือพริกน้ำปลาหวานก็อร่อยอย่าบอกใครเชียวนะคะ แต่สำหรับเมนูน้ำฝรั่งปั่นนั้นจะเป็นฝรั่งที่สุกนุ่ม มีความหวานหอม เย็นสดชื่น เหมาะกับบรรยากาศ​ร้อนของเมืองเลยนะคะ

สำหรับใครที่ทำงานช่วงบ่ายแล้วเริ่มรู้สึกหมดพลัง คิดอะไรไม่ค่อยออก อย่าลืมมองหาเมนูน้ำผลไม้ปั่นซักแก้วจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว สดชื่นขึ้นมาทันตาเห็นเลยที่เดียวนะคะ ไม่แพ้สารคาเฟอีน​จากกาแฟที่อาจทำให้นอนไม่หลับช่วงกลางคืน การดื่มน้ำผลไม้ปั่นช่วยให้หลับสบาย ไม่เชื่อลองหามาดื่มกันดูนะคะ แล้วพบกันในบทความดีๆ ที่มีทั้งเนื้อหาและสาระให้ชวนติดตาม ขอบคุณที่ติดตามอ่านคะ

 

แชร์ให้เพื่อน