ชวนกินแตงกวา ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอยและชะลอวัย

แชร์ให้เพื่อน

ชวนกินแตงกวา ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอยและชะลอวัย

สวัสดีคะเพื่อนวันนี้เรามาชวนกินแตงกวาสดหรือน้ำแตงกวา ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดริ้วรอยแก่ก่อนวัย และช่วยชะลอวัยเราสามารถอ่านบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่  HealthyBestCare

แตงกวาจัดเป็นพืชล้มลุกที่ปลูกง่ายให้ผลผลิตเร็วแถมมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยระบบการขับถ่าย ระบบปัสสาวะ ระบบทางเดินอาหาร ระบบขับถ่ายและช่วยบำรุงผิวพรรณช่วยชะลอวัยด้านเส้นผม บำรุงผมและเล็บให้แข็งแรง

เรามาดูประโยชน์ของแต่งกว่าต่อสุขภาพกายและผิวพรรณกันเลยคะ

1.ประโยชน์ของแตงกวาต่อระบบทางเดินอาหารและระบบการขับถ่าย เนื่องจากแตงกวามีเมือกใสๆและมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากจึงช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร และช่วยดูดซับสารพิษขับออกจากร่างกายได้อีกด้วย

2.ประโยชน์ต่อการปรับความสุมดุลของร่างกาย กินหรือดื่มน้ำแตงกวาช่วยลดไข้ ช่วยให้ร่างกายเย็นลงลดการอักเสบ ลดปวดตามข้อต่างๆเช่นข้อเข่า และยังช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำจึงสามารถช่วยลดความดันโลหิตตามมาได้

3.กินหรือดื่มน้ำแตงกวาหลังมื้ออาหารช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลให้ช้าลง จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือคนที่ต้องการลดน้ำหนักเพราะแตงกวามีน้ำเยอะจึงช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น

4.กินแตงกวาหรือดื่มน้ำแตงกวาช่วยลดการอักเสบของผิวหนังเนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย เราสามารถใช้แตงกวาแปะสิวอักเสบช่วยยับยั้งการติดเชื้อและสิวอักเสบได้ ลดริ้วรอยด่างดำ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ขอบตาดำลง และแผลเป็นอีกด้วย ดังนั้นเราจึงพบเห็นผลิตภัณฑ์จากแตงกวาให้เลือกใช้อย่างสบู่แตงกวา ครีมบำรุงผิวเป็นต้น

5.แตงกวาเหมาะสำหรับผักกินเล่นแทนขนมขับเคี้ยวเนื่องจากให้พลังงานน้อย ช่วยขับน้ำ ลดอาการบวมจึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนหรือคุมน้ำหนัก

6.แตงกวาจึงเป็นผักที่นิยมกินเคียงอาหารที่มีความเผ็ดร้อน ช่วยลดความเผ็ดร้อนของพริกและเครื่องเทศในอาหารลงได้

หากชอบบทความด้านสุขภาพสามารถกดติดตามและกดไลค์กดแชร์ได้ที่  HealthyBestCare นะคะเพื่อจะได้ไม่พลาดบทความดีๆ

แชร์ให้เพื่อน

กินหน่อไม้อย่างไร ถึงปลอดภัยจากไซยาไนด์

แชร์ให้เพื่อน

กินหน่อไม้อย่างไร ถึงปลอดภัยจากไซยาไนด์

เราจะกินหน่อไม้บ้านหน่อไม้ป่าอย่างไรถึงปลอดภัยจากสารไซยาไนด์หน่อไม้จัดเป็นผักที่มีสารไซยาไนด์อยู่ในปริมาณที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหากกินดิบหากเรากินหน่อไม้ดิบอาจทำให้เกิดพิษต่อร่างกายดังนั้นเราจึงต้องปรุงหน่อไม้ให้สุกเพื่อที่กำจัดสารไซยาไนด์ก่อนนำมารับประทานโดยวิธีการเผาการต้มการนึ่งสำหรับวันนี้เราขอรีวิวแนะนำการต้มหน่อไม้หลังจากเราซื้อหน่อไม้มาจากตลาดหรือหามาจากป่าเขาให้เราปอกกาบหน่อไม้ออกแล้วนำมาหั่นหรือสับเป็นชิ้นเล็กๆขึ้นอยู่กับเมนูในการประกอบอาหาร

เรามาดูขั้นตอนการต้มหน่อไม้เพื่อกำจัดสารไซยาไนด์กันได้เลยคะ

1.หั่นหรือสับหน่อไม้เป็นชิ้นเล็กและบาง ล้างน้ำให้สะอาด พักไว้เพื่อสะเด็ดน้ำ

2.นำหม้อตั้งไฟใส่น้ำสองเท่าของปริมาณหน่อไม้ ใช้ไฟแรงจนน้ำเริ่มเดือดให้ใส่หน่อไม้ที่พักไว้ เติมเกลือลงไป ต้มต่อไปประมาณ 15 นาที

3.ให้เทน้ำออกแล้วต้มใหม่อีกครั้งหลังน้ำเดือด 15 นาที เทน้ำออกลองนำหน่อไม้ทาชิมจะไม่มีรสชาติขมหลงเหลืออยู่เลย

4.เทน้ำออก ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง แค่นี้เราก็ได้หน่อไม้ต้มที่ปลอดภัยจากสารไซยาไนด์ มาประกอบอาหารอย่างเมนูแกงหน่อไม้ ผัดหน่อไม้ ซุปหน่อไม้ ที่มีความอร่อย แถมปลอดภัยจากสารไซยาไนด์อีกด้วย

แม้ว่าหน่อไม้เป็นผักที่คนนิยมกิน ใช้ประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู คนอีสานส่วนมักนำหน่อไม้มาทำอาหารอย่างซุปหน่อไม้ เราจึงควรระมัดระวังในการเตรียมหน่อไม้เพื่อกำจัดสารไซยาไนด์ก่อนนำมารับประทาน แม้ได้รับในปริมาณน้อยอาจไม่เกิดอันตรายแต่พิษของไซยาไนด์จะสะสมในร่างกายหากกินเป็นจำนวนมากและกินบ่อยๆโดยไม่ผ่านความร้อนที่นานพอเพื่อกำจัดสารไซยาไนด์ หากว่าหลังกินหน่อไม้แล้วมีอาหารวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน เราขอแนะนำให้กินยาผงถ่านเม็ดสีดำเพื่อช่วยดูดซับสารพิษออก ก่อนไปพบแพทย์ต่อไป

แชร์ให้เพื่อน

ชวนดื่ม น้ำแตงกวาเลมอน เพื่อสุขภาพและความงาม ของคนวัยทอง

แชร์ให้เพื่อน

ชวนดื่ม น้ำแตงกวาเลมอน เพื่อสุขภาพและความงาม ของคนวัยทอง

แตงกวาจัดเป็นกึ่งผักผลไม้กินดิบก็ได้กินสุกก็ดี มีสรรพคุณทางยา ดับกระหาย คลายร้อนจากพิษไข้ ช่วยบำรุงผิวให้สวยใสจากภายในสู่ภายนอก แตงกวาโดยทั่วไปแล้วนิยมกินดิบเป็นผักหรือเคี้ยวเป็นผลไม้ ตลอดจนนำมาปั่นเป็นน้ำแตงกวานอกจากจะมีสรรพคุณทางยาแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวพรรณ สวยใสจากภายในอีกด้วย วันนี้เราพาทำน้ำแตงกวาเลมอนช่วยให้ดื่มง่ายและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย

เรามาดูวิธีทำน้ำแตงกวาเลมอน กันเลยคะ

1.เลือกแตงกวาลูกใหญ่ 2 ลูกล้างทำความสะอาดด้วย วิธีล้างผัก ผลไม้ ด้วยน้ำส้มสายชู ช่วยลดสารเคมี

2.เลือกเลมอน 1 ลูกล้างทำความสะอาดเช่นกัน

3.น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ เกลือเล็กน้อย

4.น้ำเปล่าตามต้องการ

ขั้นตอนการทำน้ำแตงกวาเลมอน มีสรรพคุณทางยา ประโยชน์ต่อสุขภาพผิว

1.ปอกเปลือกแตงกวาหั่นเป็นชิ้นพอคำ และเลมอนคั้นเอาแต่น้ำ

2.ใส่แตงกวาลงในเครื่องปั่นเติมน้ำลงไป ใส่น้ำเชื่อม น้ำเลมอน เกลือ ปั่นให้ละเอียด

3.เทใส่ลงในแก้ว ฝานเลมอนเพื่อความสวยงามแค่นี้เราก็ได้น้ำแตงกวาเลมอนดื่มเพื่อสุขภาพดับกระหายคลายร้อนและมีประโยชน์ต่อผิวพรรณ

 

สรรพคุณทางยาของน้ำแตงกวาเลมอน

1.แตงกวาเป็นผักผลมีไม้ฤทธิ์เย็น ช่วยดับกระหาย คลายร้อนและดับพิษไข้ ดื่มน้ำแตงกวาเลมอนช่วยให้รู้สึกสดชื่น อ่านบทความเพิ่มเติม รีวิว 8 ขั้นตอนดูแลเช็ดตัวลดไข้ในเด็ก เมื่อมีไข้สูง

2.น้ำแตงกวามีสารฟีนอลต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็ง ปรับสภาพสมดุลของร่างกาย อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด คอเลสเตอรอลอ่านบทความ รีวิว 3 ประโยชน์สมูทตี้ 3 สหาย ช่วยชะลอแก่ ป้องกันมะเร็ง

 

ประโยชน์ของน้ำแตงกวาเลมอนด้านความงาม เนื่องจากวัยทองผิวพรรณเริ่มอ่อนแอลงมีความหย่อนยานดื่มน้ำแตงกวาเลมอนเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

1.ดื่มน้ำแตงกวาเลมอนช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้นและเต่งตึงขึ้น เหมาะสำหรับคนที่เข้าสู่วัยทองอ่านบทความที่เกี่ยวข้อง รีวิว 5 อาหารช่วยเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข คนวัยทองต้องรู้  และ รีวิว 4 สมุนไพร วัยทองต้องใส่ใจ และ ดื่มน้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ ช่วยบำรุงผิวพรรณ หน้าเนียนกระจ่างใส

2.ดื่มน้ำแตงกวาเลมอนช่วยขจัดสิ่งสกปรกในลำไส้ ช่วยล้างทำความสะอาดลำไส้ ลดการหมักหมมของเชื้อแบคทีเรีย ทั้งในน้ำแตงกวาและเลมอนมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อได้

จะเห็นว่าน้ำแตงกวาเลมอนนอกจากจะช่วยบำรุงผิวพรรณแล้วยังช่วยล้างสิ่งสกปรกในลำไส้อีกด้วย

แชร์ให้เพื่อน

“ฟักทอง ช่วยลดน้ำหนัก ลดพุงได้ดีจริงมั้ย ? ส่องเมนูฟักทอง ของเหลือวันฮาโลวีน สำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก “

แชร์ให้เพื่อน

ฟักทอง ช่วยลดน้ำหนัก ลดพุงได้ดีจริงมั้ย ? ส่องเมนูฟักทอง ของเหลือวันฮาโลวีน สำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก

วันก่อน HealthyBestCare ได้แชร์เกี่ยวกับประโยชน์ของฟักทองไปแล้วในบทความ ฟักทอง ประโยชน์เยอะ ดีต่อสุขภาพตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า Benefits of Pumpkin ซึ่งหนึ่งในประโยชน์ของฟักทองคือ ฟักทองช่วยในการควบคุมและลดน้ำหนัก วันนี้เราจะชวนคุณดูว่า ฟักทอง  ช่วยควบคุม ลดน้ำหนัก ลดพุงได้ดีจริงมั้ย ? สุดท้ายเราจะมาส่องเมนูฟักทอง ของเหลือวันฮาโลวีน สำหรับคนต้องการลดน้ำหนัก กันนะคะเรามาดูกันเลยค่ะ

เทียบแคลอรี่ของฟักทอง กับอาหารที่มีแป้งชนิดอื่น อาหารชนิดไหนมีพลังงานมากกว่ากัน ?

ก่อนอื่นเรามาเทียบแคลอรี่ของฟักทองกับอาหารชนิดอื่นกันก่อนสำหรับอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งที่เรารับประทานเป็นประจำเช่นข้าวสวยมันฝรั่งมันเทศเรามาเทียบปริมาณของพลังงานแต่ละชนิดกันค่ะ

จากตารางจะเห็นว่า อาหารทุกชนิดที่ปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน ฟักทองให้พลังงานน้อยที่สุด และมันฝรั่งทอดให้พลังงานมากที่สุด เราจะเปรียบเทียบให้ดูง่ายๆดังนี้ค่ะ

  • รับประทานข้าวสวยหุงสุก 100 กรัม ให้พลังงานมากกว่าฟักทอง 4,3 เท่า
  • รับประทานมันฝรั่งต้ม 100 กรัม ให้พลังงานมากกว่าฟักทอง 3,1 เท่า
  • รับประทานมันม่วงต้มสุก 100 กรัม ให้พลังงานมากกว่าฟักทอง 3,3 เท่า
  • รับประทานมันฝรั่งทอด 100 กรัม ให้พลังงานมากกว่าฟักทอง 19 เท่า

ฟักทอง  ช่วยควบคุม และลดน้ำหนัก ลดพุงได้ดีจริงมั้ย ?

ถ้าเราจะเลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรต หรือแป้ง เพื่อหวังผลในการช่วยควบคุม และลดน้ำหนัก ลดพุงฟักทองเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเนื่องจากการรับประทานฟักทองให้พลังงานและไขมันน้อยนอกจากนี้การรับประทานฟักทองยังช่วยให้ขับถ่ายง่ายทำให้พุงยุบไขมันรอบตัวรอบพุงก็น้อยตามไปด้วยเห็นมั้ยค่ะการเลือกรับประทานอาหารที่ดีช่วยให้การควบคุมและลดน้ำหนักลดพุงไม่ไกลเกินเอื้อม

เมนูฟักทอง สำหรับการควบคุม และลดน้ำหนัก ลดพุง

เมนูฟักทองสำหรับคนที่ต้องการควบคุมและลดน้ำหนักลดพุงแนะนำเมนูฟักทองแบบคลีนๆ เช่น

  • ฟักทองนึ่งเกลือ โดยการนำฟักทองมานึ่ง แล้วโรยเกลือเล็กน้อย
    เป็นการรับประทานฟักทองแบบคลีนๆเหมือนคนสมัยก่อนไม่ต้องเติมน้ำตาลลงไปนะคะเพราะน้ำตาลพลังงานเยอะอาจจะทำให้อ้วนได้
  • สลัดฟักทอง
    เมนูนี้ใช้ฟักทองนึ่งผสมรวมกับผักสลัดชนิดอื่น ๆ เติมเกลือ และน้ำมันมะกอกลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยเพิ่มรสชาติ และที่สำคัญน้ำมันมะกอก ก็เป็นตัวช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกัน ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกอ่านต่อได้ น้ำมันมะกอกช่วยลดน้ำหนักและป้องกันโรคเบาหวาน
  • เมนูน้ำฟักทอง

ทั้งหมดนี้คือ สาระเกี่ยวกับฟักทองที่ HealthyBestCare นำมาฝากวันนี้ถ้าชื่นชอบเนื้อหาฝากกดไลก์กดแชร์ให้ด้วยนะคะแล้วพบกันใหม่ค่ะ

By HealthyBestCare

แชร์ให้เพื่อน

ฟักทอง ประโยชน์เยอะ ดีต่อสุขภาพตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า Benefits of Pumpkin

แชร์ให้เพื่อน

ฟักทอง ประโยชน์เยอะ ดีต่อสุขภาพตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า Benefits of Pumpkin

ฟักทองเป็นอาหารที่อยู่คู่กับครัวคนไทยมาช้านาน ในประเทศตะวันตกนอกจากใช้ฟักทองในการรับประทานแล้ว ยังนิยมเอามาตกแต่งวันฮาโลวีนอีกด้วย โดยยอดฟักทองสามารถเอามาต้มจิ้มน้ำพริก ผลฟักทองเอามาทำอาหารได้ทั้งคาวหวาน วันนี้ HealthyBestCare จะชวนคุณมาดูประโยชน์ของฟักทอง ที่บอกเลยว่าฟักทองประโยชน์เยอะ ไม่ควรพลาด! เรามาดูกันเลยค่ะ

10 ประโยชน์ของฟักทอง

1.ฟักทองช่วยต้านและรักษาเบาหวาน

ฟักทองมีฤทธิ์ต้านและรักษาเบาหวาน โดยจากการวิจัยในหนูทดลองพบว่า ฟักทองช่วยให้ร่างกายผลิตอินซูลินได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยจากการทดลองพบว่าฟักทองจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีในผู้ป่วยเบาหวานระยะเริ่มต้น

2.ฟักทองช่วยป้องกันมะเร็ง

จากการทดลองพบว่า ฟักทองมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งมะเร็ง เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก  น้ำมันในเมล็ดฟักทองช่วยต้านโรคต่อมลูกหมากโตนอกจากนี้ในเมล็ดฟักทองยังมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลดีต่อมะเร็งเต้านมในผู้หญิง

3.ประโยชน์ของฟักทองต่อระบบประสาท

ฟักทองมีประโยชน์ต่อระบบประสาทหลายอย่าง เช่น

  • ช่วยป้องกันและลดอันตรายจากพิษจากเชื้อราอะฟลาท็อกซิน  โดยพบว่าเมล็ดฟักทอง และยอดฟักทอง ช่วยป้องกันและลดอันตรายจากพิษจากเชื้อราอะฟลาท็อกซิน ต่อสมองและอวัยวะอื่น 
  • ช่วยรักษาโรคซึมเศร้า จากการทลองพบว่า ยอดฟักทองสามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ ในเมล็ดฟักทองมีสารทริปโตฟาน (Tryptophan ) จำนวนมาก โดยในเมล็ดฟักทอง 100 กรัมพบสารทริปโตฟานมากถึง 576 มิลลิกรัมโดยสารทริปโตฟานมีส่วนช่วยในการสร้างสารเซโรโทนินที่เป็นสารสื่อประสาทในสมองซึ่งจะช่วยลดอาการซึมเศร้าได้ดี

4.ฟักทองช่วยบำรุงและป้องกันโรคตับ

เมล็ดฟักทองมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบจากการทดลองในสัตว์ทดลองที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับพบว่าหลังจากสัตว์ทดลองได้รับสารสกัดจากเมล็ดฟักทองช่วยให้ผลเลือดตับดีขึ้นนอกจากนั้นน้ำมันในเมล็ดฟักทองซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวช่วยให้โรคไขมันเกาะตับตับอักเสบดีขึ้น

5.ฟักทองช่วยในการบำรุงปอด

ฟักทองอุดมไปด้วยสารคาโรทินอยด์ ซึ่งจะช่วยบำรุงปอด ช่วยให้ปอดแข็งแรงขึ้นโดยจากงานวิจัยของต่างประเทศพบว่าการรับประทานอาหารที่มีคาโรทินอยด์สูงจะช่วยบำรุงปอดช่วยให้ปอดแข็งแรงขึ้นใครที่มีปัญหาปอดอ่อนแอหอบเหนื่อยง่ายลองรับประทานฟักทองเพิ่มขึ้นนะคะ

6.ฟักทองช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจ

โรคหลอดเลือดและหัวใจ เป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากโรคไขมันในเลือดสูง โดยจากรายงานการวิจัยพบว่า การกินฟักทองจะช่วยลดระดับไขมันโคเลสเตอรอล และไขมันชนิดเลว LDL แต่จะเพิ่มไขมันชนิดดี HDL

7.ฟักทองมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย

ในน้ำมันเมล็ดฟักทองมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด เช่น เชื้อ E-Coli, Klebsiella pneumonia นอกจากนี้ในเมล็ดและเปลือกผิวของฟักทองยังมีฤทธิ์ช่วยรักษาและป้องกันแผลในกระเพาะอาหารโรคเข่าอักเสบ

8.ฟักทองช่วยบำรุงสายตาและผิวพรรณ

เนื่องจากในฟักทองอุดมไปด้วยวิตามินเอ เบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามิน เอ Lutein และZeaxanthin ซึ่งช่วยบำรุงสายยตาได้ดี นอกจากนี้ในฟักทอง 100 กรัม ยังมีทั้งวิตามินซีประมาณ 11% และวิตามินอีประมาณ 10% ของปริมาณที่ร่างกายต้องการ ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวหนังจากรังสีต่าง และวิตามินซียังมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนให้ผิว ช่วนเสริมภูมิต้านทาน ดังนั้นการกินฟักทองจึงช่วยบำรุงทั้งสายตา ผิวพรรณได้เป็นอย่างดี

9.ฟักทองช่วยในการควบคุมและลดน้ำหนัก

โดยในฟักทอง 100 กรัม โดยประกอบด้วยน้ำประมาณ 94% เส้นใยอาหารประมาณ 1,7% และให้พลังงานเพียงแค่ 26 กิโลแคลอรี ซึ่งเราสามารถเราสามารถรับประทานฟักทองได้ในปริมาณมาก โดยที่ร่างกายได้พลังงานนิดเดียว ที่สำคัญการรับประทานฟักทองจะทำให้ขับถ่ายได้ง่าย ช่วยให้พุงยุบ ดังนั้นการรับประทานฟักทอง จึงช่วยในการควบคุมและลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี


ฟักทองสามารถนำมาทำได้หลากหลายเมนู

อย่างที่กล่าวมาตั้งแต่ต้นค่ะว่าฟักทองสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนูไม่ว่าจะเป็นเมนูคาวอย่างแกงฟักทองแกงอ่อมใส่ฟักทองหรือเมนูหวานเช่นบวดฟักทองสังขยาฟักทองน้ำฟักทองสูตรน้ำฟักทองอ่านต่อได้ใน

  • รีวิว น้ำฟักทอง สูตรคลีนเข้มข้น ไม่ใส่น้ำตาล ดีต่อ
  • รีวิว สูตรลดน้ำหนัก สมูทตี้ ฟักทอง โยเกิร์ต หุ่นดี ผิวสวย
  • รีวิว ซุปฟักทอง เมนูสุขภาพ ช่วยให้นอนหลับง่าย

นอกจากประโยชน์ของฟักทองที่มีต่อสุขภาพของเราแล้ว ฟักทองยังสามารถนำมาประดับตกแต่งวันฮาโลวีน เอามาแกะสลักประดับตกแต่งจานอาหารให้สวยงามได้อีกด้วย และนี่คือประโยชน์ดี ดี ของฟักทองที่ HealthyBestCare นำมาฝากวันนี้วันนี้ลาไปก่อนแล้วพบกันใหม่ฉบับหน้านะคะ

ขอขอบคุณ ข้อมูลบางส่วนจาก 

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC9182978/

By HealthyBestCare

แชร์ให้เพื่อน

6 ผลไม้บำรุง และเพิ่มความแข็งแรงให้ปอด เพื่อสุขภาพปอดที่ดี

แชร์ให้เพื่อน

6 ผลไม้บำรุง และเพิ่มความแข็งแรงให้ปอด เพื่อสุขภาพปอดที่ดี

ในสภาพอากาศปัจจุบันที่มีทั้งฝุ่น เชื้อโรค ทำให้เรามีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ทำให้ปอดของเราอ่อนแอ เจ็บป่วยได้ง่าย นอกจากนี้อายุที่มากขึ้น การสูบบุหรี่ก็ทำให้ประสิทธิภาพของปอดลดลงได้ วันนี้  HealthyBestcare จะชวนคุณผู้อ่านมารู้จัก ผลไม้บำรุงปอด และเพิ่มความแข็งแรงให้ปอด เพื่อ สุขภาพปอดที่ดี ลดความเสี่ยงของโรคปอดกันนะคะเรามาดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง

  • แอปเปิ้ล (Apple)

เคยมีคำกล่าวของชาวยุโรปที่ว่าการรับประทานแอปเปิ้ลวันละหนึ่งลูก คุณจะไม่ต้องไปหาหมอเลยตลอดชีวิตแอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่นอกจากช่วยลดทั้งไขมันในเลือดในตับ อ่านต่อได้ใน 9 ผลไม้ช่วยสลายไขมันเกาะตับ ป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับ ป้องกันโรคหัวใจแล้ว ยังเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงและเพิ่มความแข็งแรงให้ปอด ซึ่งจากงานวิจัยของต่างประเทศพบว่า แอปเปิ้ลช่วยชะลอความเสื่อมของปอดในกลุ่มวัยกลางคนที่เคยมีประวัติการสูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรคถุงลมโป่งพองได้ด้วย สำหรับแอปเปิ้ลเราจะรับประทานเป็นผลไม้สด หรือ จะนำมาใส่เป็นตำผลไม้ ใส่รวมกับสลัดก็ดีงามเช่นกัน


  • มะเขือเทศ (Tomato)

สำหรับมะเขือเทศเป็นผลไม้ที่มีสารไลโคปีน( lycopene ) และแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญในการบำรุงและเพิ่มความแข็งแรงให้ปอด จากการรายงานการวิจัยของต่างประเทศพบว่ากลุ่มทดลองที่มีการดื่มน้ำมะเขือเทศเป็นเวลา 10 วันพบว่า น้ำมะเขือเทศช่วยลดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจในกลุ่มทดลองใครที่มีปัญหาปอดไม่แข็งแรงลองเพิ่มการรับประทานมะเขือเทศในมื้ออาหารเพื่อช่วยบำรุงและเพิ่มความแข็งแรงให้ปอดเพื่อสุขภาพปอดที่ดีนะคะ


  • สับปะรด (Pineapple)

สับปะรดเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงและเพิ่มความแข็งแรงให้ปอด โดยเอนไซม์ บรอเมเลนในสับปะรด ยังช่วยรักษาโรคทางเดินหายได้ได้หลายโรค อ่านต่อได้ 7 โรคที่ควรกินสับปะรด ประโยชน์เยอะจนต้องทึ่ง

  • บลูเบอรี (Bluberries)

บลูเบอรีเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ช่วยบำรุง และเพิ่มความแข็งแรงให้ปอด โดยจากงานวิจัยพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระ Anthocyanins ในบลูเบอรีที่เป็นตัวช่วยบำรุงและเพิ่มความแข็งให้ปอด


 

  • สตรอว์เบอรี (Strawberry)

สตรอว์เบอรีเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่อุดมไปด้วย สาร ต้านอนุมูลอิสระ Anthocyanins ซึ่งช่วยบำรุง และเพิ่มความแข็งแรงให้ปอด  นอกจากนี้สตรอว์เบอรียังเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง สำหรับผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงอ่านต่อได้ใน 10 ผลไม้วิตามินซีสูง เสริมภูมิต้านทาน เสริมสร้างคอลลาเจน แคลอรี่ต่ำ กินได้ไม่อ้วน (trueid.net) โดยวิตามินซีจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ด้วย


  • องุ่น (Grapes)

องุ่น โดยเฉพาะองุ่นสีแดง เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วย สารต้านอนุมูลอิสระ Anthocyanins ที่ช่วยบำรุง และเพิ่มความแข็งแรงให้ปอด  และยังช่วยยับยั้งการอักเสบของระบบทางเดินหายใจอีกด้วย องุ่นนอกจากดีต่อสุขภาพปอดแล้วยังเป็นผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานกินได้แต่ก็ควรเลือกกินองุ่นสีดำหรือองุ่นแดงและควรเลือกองุ่นที่ยังไม่สุกงอมจนเกินไป

และทั้งหมดนี้คือ 6 ผลไม้บำรุงและเพิ่มแข็งแรงให้ปอด นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่น ๆ ที่ช่วยบำรุงปอด  อ่านต่อได้  https://intrend.trueid.net/post/396148 และพบกันใหม่กับเนื้อหาสาระเกี่ยวกับสุขภาพจาก HealthyBestCare

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5739275/

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3192474/

By HealthyBestcare

แชร์ให้เพื่อน

น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง ผู้หญิงควรรู้  น้ำเต้าหู้ไม่เหมาะกับใครบ้าง

แชร์ให้เพื่อน

น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง ผู้หญิงควรรู้  น้ำเต้าหู้ไม่เหมาะกับใครบ้าง

สวัสดีคะเพื่อนวันนี้เรามาแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการกินน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลือง ผู้หญิงเราควรรู้ไว้ก็ดีนะ  เพราะน้ำเต้าหู้ไม่ได้เหมาะกับทุกคน น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองนั้นจะมีสารโฟโตเอสโตรเจนที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนสำหรับผู้หญิงแต่มีฤทธิ์น้อยกว่า มีหน้าที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของรังไข่ ถุงไข่ ทำให้มดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น และเต้านมใหญ่ขึ้นจึงไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงทุกคน

สำหรับเราเองมีปัญหาเรื่องเนื้องอกที่มดลูกตั้งแต่อายุ 40 ปีจึงมีข้อจำกัดเรื่องการดื่มน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองเพราะหากเราช่วงไหนที่เราดื่มน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองบ่อยๆจะเพิ่มสารโฟโตเอสโตรเจนยิ่งส่งเสริมให้ก้อนเนื้องอกที่มดลูกใหญ่ขึ้น ในขณะที่ปัจจุบันนี้เราเข้าสู่วัยทองเราดื่มนมถั่วเหลืองเป็นครั้งคราวเท่านั้น

การกินน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองนั้นเหมาะและไม่เหมาะกับผู้หญิงทุกคนนะคะ

1.แม้น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองมีสารโฟโตเอสโตรเจนทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิงแต่น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีก้อนในมดลูก รังไข่ ผนังมดลูก หรือก้อนที่เต้านม เพราะว่าจะกระตุ้นให้ก้อนโตขึ้นได้ดังนั้นผู้หญิงเราควรรู้เรื่องสุขภาพของตัวเอง

2.น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองหากเราต้มไม่สุกจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพทำให้เกิดอาการท้องอืดได้

3.น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองหากหมดอายุ เสื่อมสภาพหรือเสียจะจับตัวกันเป็นก้อนดังนั้นจึงไม่ควรดื่มนะคะ

4.น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองดิบมีสารพิษตามธรรมชาติแต่จะถูกทำลายได้เมื่อโดนความร้อนที่เหมาะสมและต้มนานพอ สารพิษดังกล่าวทำให้ลำไส้บวมและร่างกายไม่สามารถดุดแร่ธาตุไปใช้ได้

5.การต้มนมถั่วเหลืองควรต้มให้เดือดปุดๆนานอย่างน้อย 15 นาทีถึงจะไม่เกิดพิษต่อร่างกาย

6.สารเจือปนในนมถั่วเหลืองสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งในสัตว์ทดลองดังนั้นขึ้นอยู่กับความถี่และปริมาณที่ได้รับ

แม้น้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองจะดีต่อสุขภาพของสตรีและผู้ใหญ่วัยทองแต่การเลือกบริโภคอย่างเหมาะสมและปรุงสุกช่วยลดอันตรายต่อสุขภาพได้

แชร์ให้เพื่อน

ดื่มน้ำโซดา เย็นซ่า กระปรี้กระเปร่า  ใครบ้างไม่ควรกิน

แชร์ให้เพื่อน

ดื่มน้ำโซดา เย็นซ่า กระปรี้กระเปร่า  ใครบ้างไม่ควรกิน

สวัสดีคะเพื่อนๆช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าว แม้ฝนจะตกน้ำก็ท่วม แต่หากได้กินน้ำเย็นซ่า คงช่วยได้เยอะ เรามาทำความรู้จัก น้ำโซดากัน คงไม่มีใครไม่รู้จักน้ำโซดากันนะคะ โดยเฉพาะสายดื่มน้ำเมาเพราะเป็นน้ำผสมน้ำเมาช่วยให้รสชาติดีขึ้น น้ำโซดาคล้ายน้ำเปล่าแต่อัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ละลายอยู่ภายใต้ความดัน เมื่อเปิดขวดแล้วก๊าซดันน้ำออกมา  ดื่มแล้วเย็นซ่า สดชื่น กระปรี้กระเปร่า บางคนนิยมดื่มน้ำโซดาแทนน้ำเปล่า โดยทั่วไปนิยมใช้น้ำโซดาผสมกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆเช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำหวานต่างๆ เช่น น้ำมะนาวโซดา น้ำแดงโซดา เป็นต้น

การดื่มน้ำโซดานั้นไม่เหมาะกับใครบ้าง เพราะอะไรถึงไม่ควรดื่มน้ำโซดาน้ำโซดามีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ

1.คนที่มีโรคของทางเดินอาหารอย่างโรคกรดไหลย้อน โรคกรดไหลย้อนนับเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตเพราะรู้สึกไม่สุขสบายแถมบางครั้งมีอาการใกล้เคียงกับโรคหัวใจอีกด้วย หากใครที่สงสัยหรือหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคกรดไหลย้อนจึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำโซดาเพราะอาจทำให้เกิดอาการของโรคกรดไหลย้อนกำเริบได้หรือมีอาการแย่ลงได้

2.โรคแผลในกระเพาะอาหาร กลุ่มคนที่มีแผลในกระเพาะอาหารอยู่เดิม หากดื่มน้ำโซดาเข้าไปจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการของแผลในกระเพาะอาหารยิ่งมีอาการกำเริบหรืออาการแย่ลงได้ เพราะน้ำโซดาประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีสภาพเป็นกรดอย่างอ่อนที่ละลายอยู่กับน้ำโซดาเป็นตัวกระตุ้นให้มีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้นได้นั่นเอง คนกลุ่มนี้จึงไม่ควรดื่มน้ำโซดาหรือควรหลีกเลี่ยง

3.ผู้ที่มีอาการขาดน้ำ อย่าลืมว่าการดื่มน้ำโซดานั้นไม่สามารถดื่มแทนน้ำได้ในระยะยาว อาจส่งผลกระทบให้เกิดร่างกายขาดน้ำได้ จึงควรดื่มแต่พอประมาณและดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วจะได้ช่วยให้ร่างกายและสมองได้น้ำอย่างเพียงพอ

แม้ว่าการดื่มน้ำโซดาจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่สำหรับคนที่มีอาการขาดน้ำ โรคกรดไหลย้อน หรือโรคกระเพาะอาหารควรหลีกเลี่ยงหรืองดดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้ แม้จะมองดูว่าน้ำโซดาเป็นแค่กรดอ่อนๆแต่เมื่อผสมกับเครื่องดื่มอย่างแอลกอฮอล์ด้วยแล้วยิ่งเป็นอันตรายกับผู้ป่วยที่เป็นโรคกรดไหลย้อนหรือกระเพาะอาหาร อาจมีอาเจียนเป็นเลือด กระเพาะทะลุ หรือถ่ายเป็นเลือดตามมาได้

แชร์ให้เพื่อน

กินอย่างไร ให้สายตาดี ไม่มีตาฝ้าฟาง ตาสวยใสปิ้ง ไม่พึ่งแว่นตา

แชร์ให้เพื่อน

กินอย่างไร ให้สายตาดี ไม่มีตาฝ้าฟาง ตาสวยใสปิ้ง ไม่พึ่งแว่นตา

สวัสดีคะเพื่อนๆ ใครที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่แสดงว่า มีสายตาดีแน่นอน ยังไม่มีปัญหาเรื่องสายตาหรืออาจสวมใส่แว่นตาไปแล้ว  หากอยากตาใสปิ้ง แล้วเราจะเลือกกินอาหารอย่างไรดีละ เราเคยเห็นบางคนเริ่มใส่แว่นตามีปัญหาการมองเห็นตั้งแต่เด็กหรือเริ่มมีตอนหลัง แต่เรื่องอาหารการกินก็สำคัญเช่นกัน เพราะอาหารในกลุ่มที่มีวิตามินเอและสารเบต้าแคโรทีนอยด์สูงนั้นช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็นแต่ขณะที่เด็กๆมักไม่ค่อยกินผักผลไม้บางชนิดจึงทำให้ขาดสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็นโตยปริยายนั่นเอง หากเราไม่อยากมีปัญหาเรื่องการมองเห็นต้องเริ่มกินอาหารเหล่านี้เลย

อาหารที่ช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็น ให้ตาสวยใสปิ้ง ไม่พึ่งแว่นตา มีอะไรบ้าง มาดูกันเลย

1.ไข่ไก่ ไข่ไก่เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมราคาไม่แพง มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตาเรากินเมนูง่ายๆอย่าง ประโยชน์ของไข่ต้ม ช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ? หรืออาจทำเมนูไข่เจียว รีวิว เมนูไข่เจียวใบชะพลู กินดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย


2.ฟักทอง ฟักทองเป็นผักสีส้มอุดมด้วยวิตามินเอและสายเบต้าแคโรทีนอยด์ช่วยบำรุงสายตาให้ใสปิ้ง เด็กๆเริ่มกินเพราะย่อยง่ายแถมมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างเมนู สูตรลดน้ำหนัก สมูทตี้ ฟักทอง โยเกิร์ต หุ่นดี ผิวสวย และเมนู ซุปฟักทอง เมนูสุขภาพ ช่วยให้นอนหลับง่าย


 

3.ผักโขม เป็นผักใบเขียวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและช่วยบำรุงสายตากินง่ายเหมาะสำหรับคนทั่วไปและวัยทองอย่างเมนู ดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ผักโขม ช่วยเพิ่มพลัง ทำง่ายนิดเดียว และเมนู เมนูน้ำพริก ผักต้ม ดีสำหรับคนวัยทอง


4.มะละกอสุก เป็นผลไม้สีส้มที่อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนอยด์ อย่างบทความ ชวนกินผัก ผลไม้บำรุงสายตาและการมองเห็นกันเถอะ


5.มะม่วงสุก ผลไม้สีเหลืองอุดมไปด้วยวิตามินเอและสารเบต้าแคโรทีนอยด์จัดเป็นผลไม้ราคาถูกตามฤดูกาลแต่มีประโยชน์มาก


6.ข้าวโพด เป็นผักผลไม้ที่กินง่ายมีขายตามข้างถนน มีวิตามินเอและสารเบต้าแคโรทีนอยด์ กินง่ายเด็กๆกินได้ ผู้ใหญ่กินดี ราคาถูกอย่างเมนู ประโยชน์ข้าวโพดหวานคลุกเนย กล้วยหอมอร่อย ดีต่อร่างกาย

7.มันเทศ เป็นอาหารที่มีสารเบต้าแคโรทีนอยด์และวิตามินเอสูงหากินง่ายเช่น มันเทศต้ม มันเทศย่าง


8.แครอท เป็นผักสีส้มอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนอยด์ช่วยบำรุงสายตา ราคาไม่แพง เป็นเมนูสลัด อร่อยด้วย

เห็นไหมคะอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา ให้สายตาดี ไม่มีฝ้าฟางแม้เริ่มเข้าสูวัยทองก็ยังมีสายตาใสปิ้งอยู่เลย หากินได้ง่ายมีความหลากหลายให้เลือกกิน หากรักสายตา อย่าลืมเลือกกินอาหารที่ช่วยบำรุงสายตาด้วยนะคะ หากชอบอ่านบทความด้านสุขภาพอย่าลืมกดไลค์กดแชร์และกดติดตาม Healthbestcare และ จินตนาการงานเขียน

แชร์ให้เพื่อน

7 ประโยชน์ กล้วยหักมุก อาหารคลีน เพื่อสุขภาพ

แชร์ให้เพื่อน

7 ประโยชน์ กล้วยหักมุก อาหารคลีน เพื่อสุขภาพ

กล้วยหักมุก จัดเป็นกล้วยที่มีคุณค่าทางสารอาหารที่มีความโดดเด่นจากกล้วยชนิดอื่น แม้ในกล้วยหักมุกเราไม่ค่อยนิยมกินเหมือนกล้วยน้ำว้า กล้วยหอมทองเท่าไหร่ แต่สารอาหารในกล้วยหักมุก 100 กรัม ให้พลังงาน 113 แคลอรี่เลยทีเดียว และพลังงานส่วนใหญ่ได้มาจากคาร์โบไฮเดรท ในกล้วยหักมุก 100 กรัมมีสารอาหารต่างๆเช่น คาร์โบไฮเดรท วิตามินบี1 วิตามินบี 2 วิตามินซี แร่ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินเอ 

7 ประโยชน์ของกล้วยหักมุก อาหารคลีนเพื่อสุขภาพมีอะไรบ้างมาดุกันเลย

1.ให้พลังงานแก่ร่างกายเพราะในกล้วยหักมุก 100 กรัมให้พลังสูงถึง 113 แคลอรี่

2.มีวิตามินบี 1 สูงช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ช่วยป้องกันและรักษาโรคปากนกกระจอกหรือแผลในช่องปากจากการขาดวิตามินบี 1

3.มีแร่ธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด ป้องกันและรักษาโรคโลหิตจางหรือคนที่มีภาวะซีดจากการขาดแร่ธาตุเหล็ก

4.มีวิตามินบี 2 ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย  เร่งการเผาผลาญ แป้ง น้ำตาล โปรตีนและไขมัน เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ ช่วยลดการสะสมพลังงานเกิดโรคอ้วนและยังช่วยลดการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดอีกด้วย

5.ช่วยบำรุงผิวพรรณ ผมและเล็บให้แข็งแรง

6.กล้วยหักมุกช่วยผ่อนคลายความเครียด ลดอาการปวดหัวจากอาการไมเกรนได้อีกด้วย

7.ช่วยบำรุงสายตา ลดความอ่อนล้า ช่วยในการมองเห็น

กล้วยหักมุกเรานิยมนำมาต้ม ปิ้งหรือย่างกินแล้วรสชาติหอมอร่อย อีกเมนูหนึ่งที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพคือเมนูกล้วยหักมุก คลุกงาขาวและงาดำ อบหม้อลมร้อน ทำให้เราได้ประโยชน์จากงาขาวหรืองาดำเพิ่มขึ้นมาอีก ในกล้วยหักมุกนอกจากจะกินผลสุกแล้วเรายังกินลูกดิบช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร ยางของกล้วยหักมุกช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร หัวปลีของกล้วยหักมุกอุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่างๆ แร่ธาตุและเส้นใยอาหารช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ เป็นยาระบาย ช่วยบำรุงน้ำนมของหญิงหลังคลอดและให้นมบุตร

เราสามารถอ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่

วิธีเลือกซื้อกล้วยหอมทอง อร่อย รสชาติดี กินได้นาน

กล้วยกินยังไงให้เป็นยา พาชีวา ปลอดโรค

หัวปลี ผักดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นได้ทั้งสมุนไพร

แชร์ให้เพื่อน