เข้าวัยทอง ต้องระวัง อาหาร 3 ประเภท เสี่ยงโรคเรื้อรัง

แชร์ให้เพื่อน

เข้าวัยทอง ต้องระวัง อาหาร 3 ประเภท เสี่ยงโรคเรื้อรัง

สวัสดีคะเพื่อนๆเมื่อเราเริ่มเข้าสู่วัยทอง ทำไมเรา  ต้องระมัดระวังในการรับประทานอาหารใน 3 ประเภทนี้คือ อาหารในกลุ่มเนื้อสัตว์ อาหารกลุ่มที่มีรสเค็มจัด และอาหารกลุ่มที่มีรสหวานจัด  วัยทองต้องระวังอาหารในสามกลุ่มนี้เป็นพิเศษ มีเหตุผลมาเล่าสู่กันฟัง ตัวเราเองก็เริ่มเข้าสู่วัยทองแบบเต็มตัวแล้วเช่นกัน เวลาเรากินอาหารประเภทเนื้อสัตว์มากหน่อยเราจะรู้สึกไม่สบายตัว อาหารรสเค็มจัด หวานจัดก็เช่นกันเพราะสภาพร่างกายและฮอร์โมนเพศเริมเปลี่ยนแปลง หากเราเลือกรับประทานอาหารในสามกลุ่มนี้มากเกินไป เราไปดูเหตุผลกันเลย

1.อาหารกลุ่มเนื้อสัตว์ จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เมื่อสัตว์กำลังถูกฆ่าจะหลั่งสารอดรีนาลีนออกมาแล้วสะสมภายในร่างกายเมื่อเรากินเนื้อสัตว์พอร่างกายย่อยจะเกิดกรด สะสมในร่างกายสูง ทำให้ร่างกายมีสภาพเป็นกรด ยิ่งคนวัยทองด้วยแล้วต้องระวังเพราะการย่อยเนื้อสัตว์ยากมากขึ้นและใช้เวลานาน ร่างกายหมักหมมสารพิษในลำไส้เสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ได้ง่าย ดังนั้นเราควรรับประทานแต่น้อย ต้มเปื่อย หรือกินอาหารโปรตีนจากแหล่งอื่น อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง รีวิว 5 เคล็ดลับ ต้มเนื้อสัตว์เปื่อยนุ่มไว น่ารับประทาน และ รีวิว 5 อาหารช่วยเพิ่มฮอร์โมนแห่งความสุข คนวัยทองต้องรู้ เมื่อเรากินเนื้อสัตว์เกิดการสะสมกรดยูริกเสี่ยงต่อการปวดตามกล้ามเนื้อและข้อต่างๆ และอื่นๆตามมาอีมากมาย เช่น ไต ไขมันในเลือดสูง  เบาหวาน มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นต้น

2.อาหารกลุ่มรสชาติเค็มจัด ซึ่งมีผลต่อการทำงานของไตและเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัดมักจะแฝงตัวในเครื่องปรุงอาหาร อาหารสำเร็จรูป ซอสปรุงรส บะหมี่ ขนมขบเคี้ยว อาหารตากแห้ง หมักดอง และกลุ่มอาหารแปรรูปต่างๆ เช่น ส้มตำปูปลาร้า ปูดอง ไข่เค็ม เราเองพอเข้าสู่วัยทองพยายามลด ละเลิกกินอาหารที่มีรสเค็มจัดหันมาบริโภค ผักใบเขียวมากขึ้น เช่น รีวิว เมนูน้ำพริก ผักต้ม ดีสำหรับคนวัยทอง และ รีวิว ดื่มน้ำคลอโรฟิลล์ผักโขม ช่วยเพิ่มพลัง ทำง่ายนิดเดียว

3.อาหารกลุ่มรสชาติหวานจัด เมื่อร่างกายกินอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล มากเกิน เพราะอาหารรสหวานจัดเป็นต้นเหตุให้อ้วนและโรคเบาหวาน ซึ่งนำไปสู่โรคอื่นๆตามมาเมื่อเข้าสู่วัยทองเช่น ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด ไต เป็นต้น

นี่คือเหตุผลที่คนเข้าสู่วัยทอง ต้องระวัง ในการกินอาหารในสามกลุ่มนี้ และเราเองก็เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเช่น ลดเนื้อสัตว์ ลดหวาน ลดเค็ม ลดมัน หันมาเลือกกินอาหารผักใบเขียวเพิ่มมากขึ้น อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ 14 ประโยชน์ของผักโขม ผักสีเขียว  วัชพืชริมรั้ว ช่วยรักษาโรค หรือ จินตนาการงานเขียน

แชร์ให้เพื่อน

รีวิว 9 ประโยชน์ผักปลัง ผักริมรั้วอุดมด้วยสมุนไพร

แชร์ให้เพื่อน

รีวิว 9 ประโยชน์ผักปลัง ผักริมรั้วอุดมด้วยสมุนไพร

สวัสดีคะเพื่อน วันนี้เรามาแจม 9 ประโยชน์ผักปลัง ขึ้นริมรั้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพและอุดมไปด้วยสมุนไพร เมื่อวานนี้เราไปเดินตลาดสดที่ฟิลิปปินส์ เราเห็นผักคล้ายผักปลังที่บ้านเราสีออกม่วงๆจึงสอบถามคนขายว่าผักชนิดนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร เท่าที่คุยกันสรุปได้ว่าผักปลังมี 9 ประโยชน์ใช้กินเป็นผักและสมุนไพรพื้นบ้าน ที่บ้านต่างจังหวัดช่วงหน้าฝนผักปลังริมรั้วมักจะแตกยอดอ่อนสวย ยายไม่มีฟันมักจะเก็บผักปลังมาต้มจิ้มน้ำพริกหรือตามร้านขายน้ำพริกมักพบเห็นผักปลังขายอยู่ตามตลาด

ผักปลังนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพและนำมาใช้เป็นสมุนไพรพื้นบ้านดังนี้คะ รสชาติออกเลี่ยนๆ เอียนๆ สารเคมีน่าจะมีน้อยเพราะเป็นผักพื้นบ้านแต่เราสามารถล้างด้วยวิธี รีวิว วิธีล้างผัก ผลไม้ ด้วยน้ำส้มสายชู ช่วยลดสารเคมี

1.ต้มให้สุกกินกับน้ำพริกปลาทู เป็นผักที่มีเมือกจึงช่วยป้องกันอาการท้องผูก ขับถ่ายได้ง่าย ช่วยสำหรับคนที่ไม่มีฟันบดเคี้ยวอาหารได้ละเอียด จึงช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคริดสีดวงทวาร มะเร็งลำไส้ เราชอบซื้อกินกับน้ำพริกปลาทู รสชาติมีเมือกมาก ลื่นๆ หลังกินแล้วทำให้การขับถ่ายดี ไม่มีท้องผูก

2.ใบต้มของผักปลังอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน ช่วยบำรุงสายตา เนื่องจากเราเริ่มมีอายุมากขึ้น การมองเห็นเริ่มมีปัญหา เราเลือกกินผักปลังช่วยให้การมองเห็นชัด ไม่ต้องอาศัยแว่นสายตา การเหนื่อยล้าของสายตาเกิดขึ้นน้อย

3.นำต้นและใบผักปลังมาดื่ม ช่วยลดไข้ แก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ช่วงป่วยโควิด 19 เรากักตัวที่บ้านต้มผักปลังจิ้มน้ำพริก น้ำต้มผักปลังเราเอามาดื่ม ช่วยลดอาการไข้ กระหายน้ำ ช่วยได้ดีเลยคะ

4.ใบผักปลังสดใช้พอกแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก แผลสด หรือแมลงโดยแมลงสัตว์กัดต่อย เด็กที่บ้านเคยโดนน้ำร้อนลวก เราเก็บใบผักปลังมาล้างแล้วตำประคบที่แผล ช่วยให้ผิวหนังเย็นลงได้ ห้ามทำถ้าหาก หลังหลุดออก หรือแผลเปิดเสี่ยงติดเชื้อได้

5.ยอดอ่อนของผักปลังนำมาต้มหรือแกงช่วยบำรุงธาตุสำหรับหญิงหลังคลอด อยู่ไฟ เพราะผักปลังมีฤทธิ์เย็น สำหรับหญิงหลังคลอดแถบชนบทในสมัยก่อนมักจะนอนอยู่ไฟ การกินผักปลังซึ่งมีฤทธิ์เย็นช่วยปรับสมดุลของร่างกายดีมาก

6.รากผักปลังนำมาต้มอาบช่วยบรรเทาอาการคันจากผื่นแพ้ลมพิษ หรือผื่นคัน ช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง รักษาอาการกลากเกลื้อนได้อีกด้วย ผื่นแพ้ลมพิษใช้ยอดผักปลังมากตำแล้วทางผิวหนัง ฤทธิ์เย็นของผักปลังช่วยลดอาการอักเสบและคันลงได้ดี

7.ผักปลังต้มดื่มน้ำช่วยรักษาอาการติดเชื้อในกระเพราะอาหารสำหรับสตรีและสตรีตั้งครรภ์ใกล้คลอด

8.ผักปลังต้มช่วยดับพิษในร่างกาย เช่นพิษยา ผักปลังเป็นเมือกจึงช่วยดูดซับพิษไว้และขับออกไปกับอุจจาระ

9.รากของผักปลัง ต้มคั้นเอาแต่น้ำมาสระผมช่วยรักษาและป้องกันรังแคได้ดี ใช้รากผักปลังตำคั้นเอาแต่น้ำมาชโลมที่ศีรษะช่วยลดรังแค หลังศีรษะแห้งได้

จะเห็นว่าผักปลังนั้นมีสรรพคุณและเป็นยาสมุนไพรที่ไทยและฟิลิปปินส์นำมาใช้ประโยชน์คล้ายๆกันจัดเป็นผักริมรั้วที่เป็นทั้งอาหารและยาสมุนไพรพื้นบ้านที่เราเองน้ำมากินน้ำพริกและใช้ดูแลสุขภาพเบื้องต้น หากชอบบทความด้านสุขภาพอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามได้นะคะ

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่

รีวิว วิธีหั่นหัวปลี ให้ขาวสวย ไม่ดำ ต้องทำอย่างไร

รีวิว โสมไทยมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย ที่หลายคนไม่เคยรู้

แชร์ให้เพื่อน

เห็ดหูหนูขาว มีประโยชน์มากมาย ไม่กินไม่ได้แล้ว

แชร์ให้เพื่อน

เห็ดหูหนูขาว มีประโยชน์มากมาย ไม่กินไม่ได้แล้ว

วันนี้เรามาชวนกินเห็ดหูหนูขาว มีประโยชน์ ช่วยล้างพิษ และบำรุงผิวพรรณ เพราะในเห็ดหูหนูขาวมีสารอาหารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน เส้นใยอาหาร แร่ธาตุ โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียมเหล็ก และวิตามินบี จากเส้นใยของเห็ดหูหนูขาวเป็นเส้นใยชนิดไม่ละลายน้ำจึงสามารถดูดซับสารพิษ ไขมัน แล้วขับออกนอกร่างกาย การรับประทานเห็ดหนูจึงสามารถช่วยป้องกันโรคไขมันในเลือดสูง และมะเร็งลำไส้อีกด้วย

เราจึงมาชวนกินเห็ดหูหนูขาว ช่วยล้างพิษ บำรุงร่างกายและบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส

1.เห็ดหูหนูขาวมีเส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำในปริมาณที่สูงมากๆ เส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำนี่เองที่ช่วยดูดซับสารพิษไว้ในระบบทางเดินอาหารพร้อมที่จะขับออกนอกร่างกายในรูปของอุจาระและช่วยให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดี ป้องกันอาการท้องผูก ลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคริดสีดวงทวาร มะเร็งลำไส้ และไขมันในเลือดสูง

2.เห็ดหูหนูขาวช่วยบำรุงตับ เนื่องจากใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำดูดสารพิษไว้ สารพิษจึงถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายและผ่านเข้าไปที่ตับได้น้อยลง ตับจึงทำงานน้อยลง

3.เห็ดหูหนูขาวช่วยเสริมสร้างกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเนื่องจากมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียมสูงนั่นเอง

4.เห็ดหูหนูขาวช่วยบำรุงเลือดเพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุเหล็กซึ่งเป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง

5.เห็ดหูหนูขาวช่วยบำรุงร่ายกายและผิวพรรณเนื่องจากอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรทและโปรตีนและสารต้านอนุมูลอิสระสูง

6.เห็ดหูหนูขาวอุดมไปด้วยวิตามินที่ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจวายในผู้ป่วยที่มีคอเลสเตอรอลสูงอีกด้วย

7.เห็ดหูหนูขาวช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย บำรุงผิวพรรณ เล็บ และเส้นผม

8.เห็ดหูหนูขาวช่วยต้านและรักษาอาการซึมเศร้า คลายวิตกกังวลเนื่องจากมีวิตามินบี 6 สูง

เราชอบกินอาหารประเภทยำ เช่น ยำทะเล ยำวุ้นเส้นใส่เห็ดหูหนูขาว การกินเห็ดหูหนูขาวช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ลดอาการท้องผูก ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส เล็บแข็งแรง เสริมสร้างภูมิต้านทานช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และให้พลังงานให้แก่ร่างกาย

แชร์ให้เพื่อน

ประโยชน์และสรรพคุณเด็ด! ของน้ำมะพร้าว ที่ไม่ได้มีไว้แค่ต้านความแก่

แชร์ให้เพื่อน

ประโยชน์และสรรพคุณเด็ด! ของน้ำมะพร้าว ที่ไม่ได้มีไว้แค่ต้านความแก่

น้ำมะพร้าวกินแล้วทำให้สดชื่น มีพลัง และยังจะทำให้ผิวพรรณผ่องใส เป็นคำกล่าวที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ แต่จริง ๆ แล้วน้ำมะพร้าวยังมีประโยชน์อีกมากมาย วันนี้ HealthyBestCare จะชวนคุณผู้อ่านมาดูประโยชน์และสรรพคุณของน้ำมะพร้าวกันเราไปดูกันเลยว่าน้ำมะพร้าวมีประโยชน์และสรรพคุณอะไรบ้าง

  • น้ำมะพร้าวช่วยต้านความแก่

ในน้ำมะพร้าว โดยเฉพาะในน้ำมะพร้าวอ่อน มีฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนอีกหลายชนิด ที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณโดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน นอกจากนี้สารไคเนติน (Kinetin) ในน้ำมะพร้าวยังมีฤทธิ์ป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ  และสารทรานส์เซติน (Trans-zeatin) ยังมีฤทธิ์ทางยาในการรักษาโรคสมองเสื่อมอย่างอัลไซเมอร์ได้ด้วย

  • น้ำมะพร้าวช่วยป้องกันเกล็ดเลือดเกาะตัว ป้องกันเลือดเป็นลิ่ม

ในน้ำมะพร้าวมีสารไคเนติน (Kinetin) ที่ช่วยป้องกันเลือดเป็นลิ่มดังนั้นการดื่มน้ำมะพร้าวจึงช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดอุดตันที่สมองเช่นสโตรกได้ดี

  • น้ำมะพร้าวช่วยชดเชยการขาดน้ำและเกลือแร่

น้ำมะพร้าวถูกใช้เป็นเครื่องดื่มเพื่อชดเชยการขาดน้ำและเกลือแร่มาช้านาน เนื่องจากในน้ำมะพร้าวมีเกลือแร่ที่สำคัญหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม มากถึง 290 mg%, โซเดียม 42 mg%, คลอไรด์ 44 mg% แมกนีเซียม 10 mg% ฟอสฟอรัส 9,2 mg% ซึ่งในอดีตในแหล่งทุรกันดารมีการใช้น้ำมะพร้าวในการให้เป็นสารอาหารทางเส้นเลือดแทนน้ำเกลือเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

  • น้ำมะพร้าวอุดมไปด้วยวิตามินต่าง

ในน้ำมะพร้าวประกอบวิตามินหลายชนิด โดยเฉพาะวิตามินบี ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน B1, B2, B3, B5, B6, B7, B9 หรือโฟเลตที่ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด

  • น้ำมะพร้าวใช้ล้างพิษสารเคมีบางชนิด

น้ำมะพร้าวสามารถใช้ล้างหรือยับยั้งฤทธิ์ของสารเคมีบางชนิดได้ และยังสามารถใช้ในลดพิษจากการกินยาเกินขนาดได้เช่นกันซึ่งการกินน้ำมะพร้าวจะช่วยลดความเป็นพิษต่อร่างกายได้

  • น้ำมะพร้าวเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ

ในน้ำมะพร้าวมี L-Arginin (30 mg/dl ) และวิตามินซี (15 mg/dl) ซึ่งจะช่วยปล่อยอนุมูลอิสระทำให้ดีต่อสุขภาพ และผิวพรรณ

  • น้ำมะพร้าวปกป้องบำรุงหัวใจ

น้ำมะพร้าวอุดมด้วยโพแทสเซียม ซึ่งจะช่วยบำรุงและปกป้องหัวใจจากโรคหัวใจขาดเลือด

  • น้ำมะพร้าวมีฤทธิ์ต้านเชื้อโรค

จากการทดลองพบว่า น้ำมะพร้าวเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อการรักษาอาการท้องร่วง เช่น อาการท้องร่วงจากเชื้ออหิวาต์ หรือ อาการท้องเสียจากอาหารเป็นพิษนอกจากนี้ยังพบว่าน้ำมะพร้าวช่วยยับยั้งแผลในกระเพาะอาการอาการไซนัสอักเสบป้องกันฟันผุป้องกันการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

  • น้ำมะพร้าวช่วยบำรุงปกป้องตับ

จากการทดลองให้หนูดื่มน้ำมะพร้าว พบว่า น้ำมะพร้าวสามารถป้องกันตับถูกทำลายได้ ดังนั้นน้ำมะพร้าวจึงดีต่อคนที่ดื่มแอลกอฮอล์มีอาการเมาค้าง หรืออาการแฮงก์เพราะนอกจากช่วยชดเชยน้ำและเกลือแร่แล้วยังช่วยบำรุงรักษาตับได้ดีด้วย

และทั้งหมดนี้คือประโยชน์และสรรพคุณเด็ด! ของน้ำมะพร้าวที่ HeathyBestCare นำมาฝากวันนี้ ยังมีเนื้อหาสาระอื่นที่น่าสนใจ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่อิงมาจากงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ฝากกดไลก์กดแชร์เป็นกำลังใจให้ HeathyBestCare ด้วยนะคะ แล้วพบกันฉบับหน้ากับประโยชน์และสรรพคุณของมะพร้าวที่งานนี้บอกเลยว่าต้องทึ่งไปตาม ๆ กัน 

อ้างอิงข้อมูลจาก

The Chemical Composition and Biological Properties of Coconut (Cocos nucifera L.) Water – PMC (nih.gov)

Table – PMC (nih.gov)

FoodData Central (usda.gov)

Coconut (Cocos nucifera L.: Arecaceae): In health promotion and disease prevention (sciencedirectassets.com)

By HealthyBestCare

แชร์ให้เพื่อน

สมุนไพรโสมไทย ประโยชน์มากกว่าไม้ประดับทั่วไป

แชร์ให้เพื่อน

สมุนไพรโสมไทย ประโยชน์มากกว่าไม้ประดับทั่วไป

ไม้ประดับสมุนไพรโสมไทย มีขนาดเล็กนิยมปลูกเป็นไม้ประดับบริเวณบ้าน แต่ใครจะรู้ว่าไม้ประดับโสมไทยนั้นมีประโยชน์มากกว่าไม้ประดับในสวน อุดมไปด้วยสมุนไพรมีประโยชน์ ช่วยบำรุงร่างกาย เป็นยาระบาย แก้ไขและดับกระหาย ช่วยแก้ดูดซับสารพิษมีน้ำและเมือกเยอะ นิยมนำมาต้มจิ้มน้ำพริก ผัดน้ำมันหอย รสชาติดี เป็นยาช่วยระบายมีเส้นใยอาหารเยอะ ทั้งเป็นยาใช้ภายนอกรักษาแผลอักเสบติดเชื้อได้อีกด้วย เรามาดู

สรรพคุณและประโยชน์ของว่านโสมไทยที่มีมากกว่าไม้ประดับกันเลยคะ

1.ว่านโสมไทยใช้รักษาอาการไข้ ช่วยดับกระหาย เนื่องจากใบหรือยอดอ่อนของว่านโสมไทยอุดมไปด้วยน้ำ และเมือกมีฤทธิ์เย็นเราจึงนิยมนำมาต้ม หรือผัดกับน้ำมันหอย ต้มจิ้มน้ำพริกกินรักษาอาการไข้ และช่วยดับกระหายได้

2.ว่านโสมไทยมีฤทธิ์เย็นจึงนิยมนำใบมาตำแล้วปกแผลอักเสบมีหนองเพราะน้ำและเยื่อเมือกมีฤทธิ์เย็นจึงช่วยลดการอักเสบได้ นิยมนำมาปกแผลอักเสบมีหนอง หรือบาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกช่วยให้ผิวหนังเย็นลงมีสรรพคุณคล้ายว่านหางจรเข้

3.ว่านโสมไทยนิยมนำมาทำอาหารประเภทผักต้ม ผัดน้ำมันหอย กินช่วยเคลือบกระเพาะอาหารลดกรด ป้องกันโรคกระเพาะ ใช้เป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการท้องผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร

4.ว่านโสมไทยเหมาะสำหรับอาหารหญิงมีประจำเดือนหรือหลังคลอด ช่วยบำรุงเลือดและขับน้ำนม ช่วยบำรุงร่างกาย

5.ว่านโสมไทยมีเมือกและน้ำเป็นส่วนประกอบและเส้นใยอาหารจึงช่วยซับสารพิษขับออกกับอุจจาระได้

6.ลำต้นและรากชองว่านโสมไทยนำมาต้มดื่มน้ำ ช่วยบำรุงร่างกายหลังเจ็บป่วยหรือหายไข้ ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

7.ว่านโสมไทยสามารถนำมาต้มแยกน้ำดื่มเป็นน้ำดื่มสมุนไพรหรือ น้ำปราณนะช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย แก้ไข้ กระหายน้ำ หรือดื่มเป็นน้ำคลอโรฟิลล์ได้เช่นกัน

การใช้ว่านโสมไทยช่วยได้มากในช่วงการระบาดของโรคโควิด 19 ช่วยบรรเทาอาการไข้ ดับกระหาย เพราะเป็นสมุนไพรออกฤทธิ์เย็น โดยนำมาใช้เป็นเมนูอาหารอย่างการต้มจิ้มน้ำพริก ผัดน้ำมันหอย หรือต้มสุกแล้วปั่นแยกน้ำดื่มช่วยดับไข้ ลดอาการกระหายน้ำได้เช่นกัน ทั้งช่วยเป็นยาระบายอ่อนๆ ลดอาการท้องผูกอีกด้วย


แชร์ให้เพื่อน

ทำไมคนท้องห้ามกินกาแฟ ? คาเฟอีนอันตรายแค่ไหน ?

แชร์ให้เพื่อน

ทำไมคนท้องห้ามกินกาแฟ ? คาเฟอีนอันตรายแค่ไหน ?

เคยได้ยินมานานว่าคนท้องห้ามกินกาแฟ เนื่องจากในกาแฟมีสารคาเฟอีน ที่มีความเสี่ยงต่อลูกในท้อง วันนี้จะพาไปดูเหตุผลว่า ทำไมคนท้องห้ามกินกาแฟเราไปดูสารประกอบในกาแฟกันก่อนค่ะ

ส่วนประกอบในกาแฟ

กาแฟประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าพันชนิด หลัก ๆ ก็คือ Chlorogenic acid (มีคาเฟอีนอยู่ในนี้ ) กับ โฟลีฟีนอล (Polyphenal) สำหรับคาเฟอีน ที่ออกฤทธิ์ช่วยให้เกิดการตื่นตัว และแก้ง่วงได้ดี จริง ๆ กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์มาก อ่านต่อได้ใน 8 ประโยชน์ของกาแฟ ที่ไม่ได้แค่แก้ง่วง แต่ก็ไม่ใช่กับคนท้องและนี่คือเหตุผลที่ทำไมคนท้องห้ามกินกาแฟ

ผลกระทบของคาเฟอีนในกาแฟ ต่อหญิงตั้งครรภ์

  • สารคาเฟอีนในกาแฟเสี่ยงที่จะเกิดอาการแท้งได้

จากรายงานการวิจัยพบว่าสารคาเฟอีนในกาแฟ และเครื่องดื่มชนิดอื่น ทำให้มีโอกาสแท้งบุตรได้ โดยพบว่าอัตราการแท้งบุตรแปรผันตามปริมาณของสารคาเฟอีน โดยพบว่าหากมารดาได้รับสารคาเฟอีน100 มิลลิกรัม มีโอกาสแท้งบุตรได้ประมาณ 7% และจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณของคาเฟอีนที่รับเข้าไป สำหรับปริมาณสารคาเฟอีนในเครื่องดื่มต่าง ๆ อ่านต่อได้ใน ชาเขียว กับ กาแฟ  อะไรมีสารคาเฟอีน มากกว่ากัน ?

  • สารคาเฟอีนในกาแฟเสี่ยงที่จะทำให้ทารกตายในครรภ์

จากรายงานการวิจัยพบว่าสารคาเฟอีนทำให้เสี่ยงทารกตายในครรภ์หลังจากอายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ โดยพบว่าหากมารดาได้รับสารคาเฟอีนเข้าไป 100 มิลลิกรัมพบความเสี่ยงทารกตายนครรภ์ประมาณ 9% และจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณของคาเฟอีนที่รับเข้าสู่ร่างกายดังนั้นคาเฟอีนจึงไม่ดีต่อคนท้อง

  • สารคาเฟอีนในกาแฟเสี่ยงที่จะทำให้ทารกน้ำหนักตัวน้อย

จากรายงานการวิจัยที่บอกว่าสารคาเฟอีนมีโอกาสที่จะเกิดการแท้งบุตรและทารกตายในครรภ์นอกจากนี้ยังเสี่ยงที่ทารกจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติอีกด้วย

  • สารคาเฟอีนในกาแฟเสี่ยงที่จะทำให้เด็กเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน

จากรายงานการวิจัยพบว่ามารดาที่รับสารคาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายในช่วงตั้งครรภ์ทำให้เด็กเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งเมล็ดเลือดขาวและเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย

บางรายวิจัยระบุว่าการรับสารคาเฟอีนเข้าไปไม่เกินวันละ 200 มิลลิกรัมน่าจะเป็นปริมาณที่ค่อนข้างปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตามร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อปริมาณคาเฟอีนไม่เท่ากัน ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์จึงควรงดกาแฟเนื่องจากในกาแฟมีสารคาเฟอีนอย่างที่กล่าวมาข้างต้น นอกจากนี้เครื่องดื่มบางชนิด เช่น ชา โกโก้ ก็พบสารคาเฟอีนเช่นกัน เพียงแต่ในปริมาณที่น้อยกว่า และอาจจะไม่อันตรายเท่าการรับสารคาเฟอีนที่ได้จากกาแฟโดยตรง 

เครดิตข้อมูล

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8165152/

By HealthyBestCare

แชร์ให้เพื่อน

7 โรคที่ควรกินสับปะรด ประโยชน์เยอะจนต้องทึ่ง

แชร์ให้เพื่อน

7 โรคที่ควรกินสับปะรด ประโยชน์เยอะจนต้องทึ่ง

สับปะรดเป็นผลไม้ที่อยู่กับคนไทยมาช้านาน ซึ่งเราจะนำสับปะรดมากินเป็นผลไม้สด หรือจะนำมาทำอาหาร เช่น ข้าวผัดสับปะรด แกงสับปะรด หรือ จะนำมาทำน้ำปั่นรวมกับผลไม้ชนิดอื่นก็ดีงาม วันนี้เราจะไปดู 7 โรคที่ควรกินสับปะรด ดีต่อสุขภาพสำหรับสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของสับปะรดอ่านต่อได้ในบทความ

เรามาดูกันเลยค่ะว่ามีโรคอะไรบ้างที่ควรกินสับปะรด

1.โรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นโรคที่คร่าชีวิตผู้คนเป็นลำดับต้น ของโลก ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ของโรคหัวใจ ก็คือ เส้นเลือดหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือด ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตกะทันหัน สาเหตุร่วมของโรคหัวใจก็เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง สำหรับสับปะรดมีเอนไซม์บรอเมเลน (bromelain)  ที่ออกฤทธิ์ป้องกันการเกาะกลุ่มของเกร็ดเลือด หรือป้องการเลือดเป็นลิ่มนอกจากนี้พบว่าการบรอเมเลนในสับปะรดยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจได้ด้วยใครที่มีปัญหาโรคหัวใจโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจเช่นไขมันในเลือดสูงความดันโลหิตสูงก็อย่าลืมกินสับปะรดป้องกันโรคหัวใจกันด้วยนะคะ

2.โรคไขมันเกาะตับและไขมันในเลือดสูง

โรคไขมันเกาะตับ เป็นสาเหตุของโรคตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับและมีโอกาสที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งในสับปะรดมีสารไฟโตสเตอรอลที่ช่วยสลายไขมันเกาะตับและยังช่วยป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับนอกจากนี้สับปะรดยังช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

3.โรคลำไส้อักเสบ

โรคลำไส้อักเสบเป็นปัญหาด้านสุขภาพและอาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาและผ่าตัด ซึ่งจากข้อมูลปี 2017 พบผู้ป่วยโรคลำไส้อักเสบมากถึง 6,8 ล้านคนทั่วโลก สำหรับเอนไซม์ บรอเมเลน ที่พบในสับปะรด สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคลำไส้อักเสบได้ เนื่องจากเอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรดออกฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบนอกจากนี้เอนไซม์บรอเมเลนยังช่วยให้การรักษาแผลในลำไส้ได้ผลดีอีกด้วย

4.โรคข้ออักเสบ

โรคข้ออักเสบแม้ไม่ใช่โรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็เป็นปัญหาสุขภาพที่ก่อให้เกิดความไม่สุขสบาย และทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ โรคข้ออักเสบรวมทั้งโรคข้อเข่าเสื่อม (osteoarthritis) และข้ออักเสบรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis) ซึ่งจากการทดลองพบว่าเอนไซม์ บรอเมเลนในสับปะรดช่วยบรรเทาอาการปวด และลดอาการอักเสบในโรคข้ออักเสบได้ นอกจากนี้ยังพบว่าหากใช้เอนไซม์บรอเมเลนจากสับปะรด รักษาคู่กับสมุนไพรชนิดอื่น เช่นสารเคอร์คูมิน จากขมิ้นชันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาโรคข้ออักเสบได้ดียิ่งขึ้น 

5.โรคภูมิแพ้

จากงานวิจัยพบว่า เอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรด ช่วยให้การรักษาโรคภูมิแพ้มีอาการดีขึ้น ทั้งนี้รวมทั้งโรคหอบหืดด้วยเช่นกัน

6.โรคไซนัสอักเสบ

โรคไซนัสอักเสบ แม้ไม่ใช่โรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็เป็นปัญหาสุขภาพที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการรักษา โดยจากการศึกษาวิจัยพบว่า เอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรด ทำหน้าที่ช่วยลดการอักเสบ จึงช่วยลดระยะเวลาการรักษาโรคไซนัสอักเสบ

7.โรคโควิด

โรคโควิดเป็นระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคนทั่วโลก ซึ่งจากงานวิจัยล่าสุดพบว่าไวรัสโคโรน่าที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด จะทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบ เลือดแข็งตัว และไปลดฮอร์โมนที่ช่วยในปฏิกิริยาการแข็งตัวของเลือด ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้มีผลกับภูมิคุ้มกันของร่างกาย และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตด้วยโรคโควิด จากการวิจัยโดยใช้ เอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรด และสารเคอร์คูมินจากขมิ้นชัน พบว่าช่วยให้การรักษาโรคโควิดได้ผลดียิ่งขึ้น

และทั้งหมดนี้คือ 7 โรคที่ควรกินสับปะรด ดีต่อสุขภาพ ที่เอามาฝากวันนี้ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า เอนไซม์ บรอเมเลนจากสับปะรด ช่วยให้การรักษาโรคต่าง ได้ผลดียิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามสับปะรดบางพันธุ์อาจจะมีรสหวานมาก อาจทำให้น้ำตาลสูงในผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานจึงจำเป็นต้องรับประทานสับปะรดด้วยความระมัดระวัง สำหรับผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานกินได้ อ่านต่อได้ใน 10 ผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานกินได้ คุมน้ำตาล ลดไขมัน ป้องกันโรคหัวใจ (trueid.net)  แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้านะคะ

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10123163/

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8534447/

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3984586/

By HealthyBestCare

แชร์ให้เพื่อน

7 สรรพคุณทางยาของสมอไทย สมุนไพรในทุ่งนา

แชร์ให้เพื่อน

7 สรรพคุณทางยาของสมอไทย สมุนไพรในทุ่งนา

ต้นสมอไทยที่ต้นอยู่ตามทุ่งนาต้นไม่ใหญ่มากเป็นพืชท้องถิ่นแถบเอเชียใต้ มีลูกสีเขียว รสเปรี้ยวฝาดในลูกเดียวกัน หลังกินน้ำตามมีรสชาติออกหวานเล็กน้อย มีสรรพคุณทางยาที่คนรุ่นคุณตาคุณยายกินเพื่อช่วยรักษาโรคและช่วยป้องกันโรค ไม่ลองกินไม่ได้แล้ว ตัวอย่างสมุนไพรไทยที่เสนอในบทความเรื่อง 4 ประโยชน์ของกินขิงให้เป็นยา สมุนไพรในสวนครัว ดีต่อสุขภาพ และ 9 ประโยชน์ชาน้ำขิง ตะไคร้ ใบเตย ดื่มเพื่อสุขภาพ และในกลุ่มสมุนไพรรสเปรี้ยว ช่วยบำรุงผิวพรรณ อย่าง ดื่มน้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ ช่วยบำรุงผิวพรรณ หน้าเนียนกระจ่างใส เรามาดูสรรพคุณทางยาของสมอไทย สมุนไพรในท่งนากันเลยคะ

1.สมอไทยมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการไอ ละลายเสมหะ ช่วยให้ชุ่มคอขับเสมหะออกได้ง่ายขึ้น คนสมัยโบราณต่างจังหวัดมักเลือกกินสมอไทยช่วยรักษาอาการนี้โดยไม่ได้ใช้ยาแผนปัจจุบัน หรือเลือกใช้สมุนไพรอย่าง ดื่มชามะนาว ตะไคร้ ใบเตยอย่างไร ให้เป็นสมุนไพร

2 สมอไทยมีรสชาติฝาดและเปรี้ยวในลูกเดียวกันจึงมีสรรพคุณในเรื่องของระบบทางเดินอาหารคือช่วยเป็นยาระบายอ่อนๆและเป็นยารักษาอาการท้องเสียได้อีกด้วย อย่างสมุนไพร กล้วยกินยังไงให้เป็นยา พาชีวา ปลอดโรค กินสมอไทยช่วยรักษาอาการท้องผูกเรื้อรังซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งลำไส้และริดสีดวงทวารอีกด้วย

3.สมอไทยช่วยรักษาและสมานแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้จากรสชาติฝาด ลดกรดในกระเพาะอาหาร อย่างในบทความเรื่อง หัวปลี ผักดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นได้ทั้งสมุนไพร

4.สมอไทยช่วยรักษาอาการไข้หวัดได้เนื่องจากสมอไทยอุดมไปด้วยวิตามินซีสูงและช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันอีกด้วย อาหารที่มีวิตามินซีสูงเช่นบทความ เมนูแก้ง่วง มะม่วงดิบ ต้านอาการซึมเศร้า บำรุงร่างกาย และ ประโยชน์และโทษของมะม่วงหาวมะนาวโห่ กินอย่างไร

5.สมอไทยมีรสชาติฝาดช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้อาการจุกเสียดแน่นท้องอ่านเพิ่มเติมในสมุนไพร 5 พืชสมุนไพร ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อที่หลายคนยังไม่รู้

6.สมอไทยช่วยบำรุงกำลังเนื่องจากในลูกสมอไทย 100 กรัมให้พลังงาน 53 กิโลแคลอรี่

7.สมอไทยช่วยบรรเทาอาการปวดจากโควิด 19 เนื่องจากช่วยบรรเทาอาการไอ ละลายเสมหะ ช่วยให้ขับเสมหะออกได้ง่ายขึ้นและช่วยบรรเทาอาการจุกเสียดแน่นท้องอีกด้วยและยังช่วยบรรเทาอาการท้องเสียจากการติดเชื้อโควิดได้อีกด้วย

สมอไทยต้นไม้ในทุ่งนาอุดมไปด้วยวิตามินแร่ธาตุรสชาติเปรี้ยว หวาน ฝาด ในลูกเดียวกันแถมช่วยบรรเทาและรักษาโรค แต่ในปัจจุบันนี้เริ่มมีน้อยลง เราจึงควรปลูกไว้เพื่อใช้เป็นผลไม้สมุนไพรที่มีประโยชน์ทั้งผลและลำต้น ดอกใบด้วย

แชร์ให้เพื่อน

9 ผลไม้ช่วยสลายไขมันเกาะตับ ป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับ

แชร์ให้เพื่อน

9 ผลไม้ช่วยสลายไขมันเกาะตับ ป้องกันตับอักเสบ และการเกิดผังผืดที่ตับ

โรคไขมันเกาะตับ หรือ Nonalcoholic fatty liver disease (NAFLD) เป็นโรคที่เกิดได้กับทุกคน จากการรับประทานไขมันแล้วเกิดการสะสมพอกพูนที่ตับ จนนำไปสู่ปัญหาตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับ และโรคไขมันเกาะตับยังนำไปสู่การเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด และนับวันจะมีคนป่วยด้วยโรคนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้จึงอยากแนะนำ 9 ผลไม้ช่วยสลายไขมันเกาะตับ ป้องกันตับอักเสบ การเกิดผังผืดที่ตับ เพื่อบำรุงรักษาตับให้แข็งแรงอยู่คู่กับเราไปนานๆเราไปดูกันเลยค่ะว่ามีผลไม้อะไรบ้าง

  • องุ่น (grapes)

องุ่นเป็นผลไม้ที่ช่วยลดไขมันเกาะตับ และยังมีฤทธิ์สลายไขมันที่ตับได้ด้วย โดยในองุ่นดำจะมีสารต้านอนุมูลอิสระคาเทชิน (Catechin)  ที่นอกจากออกฤทธิ์ช่วยลดไขมันเกาะตับแล้ว สารคาเทชินยังช่วยสลายไขมันเกาะตับได้ด้วย สำหรับองุ่นเขียวมีสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่ช่วยป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับและสลายไขมันเกาะตับ นอกจากนี้ในเมล็ดองุ่นมีสารต้านอนุมูลอิสระโพรแอนโทไซนิดีน ( proanthocyanidins) ช่วยป้องกันเซลล์ตับถูกทำลาย และสารต้านอนุมูลอิสระรูทีน (Rutin)ในองุ่นออกฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบที่ตับช่วยยับยั้งและป้องกันโรคไขมันเกาะตับนอกจากนั้นยังช่วยป้องกันโรคเบาหวานป้องกันโรคสมองเสื่อม


  • แอปเปิ้ล (Apple)

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่ช่วยลดไขมันเกาะตับ และลดไขมันในเลือด อย่างที่เราเขียนไปแล้วในบทความ วิจัยชี้! 6 ผลไม้ช่วยลดไขมันเกาะตับ ลดไขมันในเลือด ต้านโรคหัวใจ นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระคาเทชิน (Catechin) ในแอปเปิ้ลยังออกฤทธิ์ช่วยสลายไขมันที่ตับได้ด้วยดังนั้นแอปเปิ้ลจึงเป็นผลไม้ที่ดีสำหรับคนที่มีปัญหาไขมันเกาะตับ


  • สับปะรด (Pineapple)

สับปะรดนอกจากเป็นผลไม้ที่มีเอนไซม์ช่วยในการย่อยอาหาร ที่เคยเขียนไปแล้วในบทความ อย่าพลาด! 5 สรรพคุณทางยาของสับปะรด ช่วยเรื่องการอักเสบของข้อเข่าแล้ว ในสับปะรดยังมี มีสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่ช่วยสลายไขมันที่ตับ และป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับ นอกจากนั้นยังช่วยลดไขมันในเลือดได้ดีอีกด้วย


  • กล้วย (Banana)

กล้วยเป็นผลไม้ที่มีวิตามินและเกลือแร่มากมายหลายชนิด ที่สำคัญหาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงมากนัก กล้วยมีสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่ช่วยสลายไขมันที่ตับ และยังป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับ และออกฤทธิ์คล้ากับสับปะรด ประโยชน์ของกล้วยอ่านต่อได้ใน กินกล้วยให้เป็นยารักษาโรค


  • ส้ม (Oranges)

ส้มเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมาก รับประทานง่าย ส้มมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดเช่นกัน แต่สารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols)  ที่ออกฤทธิ์ช่วยสลายไขมันเกาะตับ และป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับนอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันในเลือดได้เช่นเดียวกันกับสับปะรดส้มเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงซึ่งวิตามินซีช่วยต้านการอักเสบได้เช่นเดียวกัน


  • แตงโม (Watermelon)

แตงโมเป็นผลไม้รสหวาน น้ำเยอะ ให้พลังงานน้อย จะเอามากินสด ๆ หรือ ทำน้ำปั่นก็ดีงาม สำหรับแตงโมเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด รวมทั้งสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่ออกฤทธิ์ช่วยสลายไขมันเกาะตับ ป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับ  และช่วยลดไขมันในเลือดได้เช่นเดียวกันกับสับปะรดและส้มนอกจากนี้แตงโมยังช่วยต้านการอักเสบที่ตับได้ด้วยค่ะ


  • กีวี  (KIWI)

กีวีเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงเป็นอันดับต้น ๆ กีวีเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด รวมทั้งสารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols)  ที่ออกฤทธิ์ช่วยสลายไขมันเกาะตับป้องกันการเกิดผังผืดที่ตับและช่วยลดไขมันในเลือดนอกจากนี้วิตามินซีจะช่วยลดการอักเสบของเซลล์ได้ดี

  • ลูกแพร์ (Pear)

ลูกแพร์เป็นผลไม้รสหวาน มีสารต้านอนุมูลอิสระรวมทั้ง สารต้านอนุมูลอิสระคาเทชิน (Catechin) และ สารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols)  ที่ช่วยสลายไขมันที่ตับได้ดีและยังช่วยยับยั้งการเกิดผังผืดที่ตับได้คล้ายๆสตรอเบอรี่

  • สตรอเบอรี่

สตรอเบอรีเป็นผลไม้ที่มีทั้ง คาเทชิน (Catechin) ที่ช่วยลดไขมันเกาะตับ สลายไขมันเกาะตับ ป้องกันตับอักเสบ นอกจากนี้ยังมี สารไฟโตสเตอรอล (Phytosterols) ที่ช่วยสลายไขมันที่ตับได้ดี และสตรอเบอรี่ยังช่วยยับยั้งการเกิดผังผืดที่ตับได้อีกด้วย 

ทั้งหมดนี้ คือ 9 ผลไม้ช่วยสลายไขมันเกาะตับ ยับยั้งการเกิดผังผืดที่ตับ ใครที่ยังไม่รู้ว่าไขมันเกาะตับคืออะไร อ่านต่อได้ใน วิจัยชี้! 6 ผลไม้ช่วยลดไขมันเกาะตับ ลดไขมัน

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10123163/

By HealthyBestcare

แชร์ให้เพื่อน

5 ผลไม้ ไม่ควรกินร่วมกับเหล้า อันตรายต่อสุขภาพ สายเมาต้องรู้!!

แชร์ให้เพื่อน

5 ผลไม้ไม่ควรกินร่วมกับเหล้า อันตรายต่อสุขภาพ

ผลไม้แต่ละชนิดมีคุณค่าทางสารอาหาร วิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระที่แตกต่าง นอกจากนี้ผลไม้บางชนิดยังมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมในเนื้อผลไม้ ซึ่งถ้าหากเรากินผลไม้เหล่านั้นร่วมกับแอลกอฮอล์หรือเหล้า อาจจะไปเสริมฤทธิ์กันจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หรือผลไม้บางอย่างถ้ากินร่วมกับแอลกอฮอล์ก็อาจจะไปซ้ำเติมให้ตับพังมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ วันนี้เราจะชวนไปดู 5 ผลไม้ไม่ควรกินร่วมกับแอลกอฮอล์หรือเหล้า เรามาดูกันเลยค่ะ

  • ทุเรียน

ทุเรียนจัดเป็นราชาผลไม้ ที่ใคร ๆ ก็หลงใหลในรสชาติแม้กลิ่นจะไม่พึงประสงค์มากนัก ทุเรียนเป็นผลไม้ที่โบราณเรียกว่ามีฤทธิ์ร้อน จึงไม่ควรกินทุเรียนร่วมกับเหล้า โดยในเนื้อทุเรียนมีทั้งแอลกอฮอล์ และกำมะถัน ทำให้เสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อ่านต่อได้ใน 5 โรคไม่ควรกินทุเรียน กินเยอะต้องระวัง! (trueid.net) โดยส่วนตัวเราเอง แม้จะไม่ใช่สายเมา หรือสายแอลกอฮอล์ แต่เพราะเราไม่มีเอนไซม์ทำลายแอลกอฮอล์ทำให้เวลากินทุเรียนเข้าไปในปริมาณมาก เราจะรู้สึกร้อน และนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกร้อนวูบ ๆ อาการคล้าย ๆ ตอนกินแอลกอฮอล์เลยค่ะ ดังนั้นทุเรียนจึงเป็นผลไม้ที่ไม่ควรกินร่วมกับแอลกอฮอล์โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมีเอนไซม์แบบเราอาจจะต้องระวังเป็นพิเศษ


  • แก้วมังกร

แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ปกติเรานิยมนำมากินเป็นผลไม้สด กินแล้วเบา สบายท้อง ไม่อึดอัด แต่แก้วมังกรไม่ควรกินหลังจากดื่มเหล้า เพราะแก้วมังกรจะไปเสริมให้ตับพัง โดยจากงานวิจัยของต่างประเทศโดยให้หนูดื่มน้ำสกัดจากแก้วมังกรหลังจากได้รับแอลกอฮอล์ พบว่าผลตรวจเลือดตับของหนูทดลองมีความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นแก้วมังกรจึงผลไม้ที่ไม่ควรกินร่วมกับแอลกอฮอล์

  • เสาวรส

เสาวรสหรือกะทกรก เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เราเคยเขียนไปแล้วในบทความ 10 ผลไม้วิตามินซีสูง เสริมภูมิต้านทาน เสริมสร้างคอลลาเจน แคลอรี่ต่ำ กินได้ไม่อ้วน (trueid.net) โดยส่วนตัวเราเองไม่ชอบกินเสาวรสแบบสด ๆ จะกินก็แต่น้ำผลไม้ที่ปั่นรวมกับเสาวรส หรือไอติมท็อปปิ้งด้วยเสาวรส ซึ่งจะทำให้รสชาติของน้ำปั่นหรือไอติมมีความหวานอมเปรี้ยว อร่อยมากยิ่งขึ้น เสาวรสเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่ไม่ควรกินร่วมกับแอลกอฮอล์เพราะเสี่ยงที่จะทำให้ตับพังได้เช่นเดียวกับแก้วมังกรที่เราเคยเห็นบ้างคือบางร้านเอาเสาวรสปั่นรวมกับแอลกอฮอล์และถ้าตับไม่ค่อยดีอยู่แล้วก็อาจจะต้องระวังมากกว่าเดิม

  • แบล็กเคอเรนท์ (Black-Currant)

แบล็กเคอเรนท์ หรือ Black-Currant เป็นเบอรี่สีดำ เป็นไม้พุ่ม มีมากในแถบยุโรปรสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน จะกินสด หรือจะนำมาทำน้ำผลไม้ก็ได้เช่นกัน เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สำหรับเราชอบเก็บมากินสด ๆ มากกว่าจะกินเป็นน้ำผลไม้ สำหรับแบล็กเคอรเรนท์เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ไม่ควรกินร่วมกับแอลกอฮอล์ เพราะเสริมให้ตับพังได้เช่นเดียวกับแก้วมังกร หรือเสาวรส เท่านั้นยังไม่พอค่ะ การกินแบล็กเคอเรนท์หลังจากดื่มเหล้า จะทำให้อาการเมาค้างไม่สร่าง และยังเป็นมากขึ้นอีกด้วย


  • มะเฟือง

มะเฟืองเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซี และเส้นใยอาหารสูง สำหรับมะเฟืองเป็นผลไม้ที่ไม่ควรกินแก้เมาค้าง เนื่องจากมีฤทธิ์ลดกระบวนการทำลายแอลกอฮอล์ในร่างกาย ทำให้แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดมีอาการคงที่ ดังนั้นหากเรากินมะเฟืองเข้าไปในวันที่เมาค้าง แอลกอฮอล์ในร่างกายก็ไม่ถูกทำลาย ทำให้อาการเมาค้างไม่สร่าง ไม่หายเมา

และทั้งหมดนี้คือ 5 ผลไม้ที่ไม่ควรกินร่วมกับแอลกอฮอล์ ที่ต้องการเอามาฝากวันนี้ ยังมีผลไม้อีกบางชนิดที่ควรกินร่วมกับแอลกอฮอล์ หรือ ควรกินเมื่อเกิดอาการเมาค้าง เพราะช่วยป้องกันผลเสียกับตับ และดีต่อสุขภาพ อย่างไรก็ตาม เหล้า หรือ แอลกอฮอล์ไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อสุขภาพ การไม่ดื่มเหล้าจึงเป็นสิ่งที่ดี วันนี้ขอลาไปก่อน แล้วกับมาพบกันใหม่นะคะ

มีปัญหาสุขภาพนึกถึง BealthyBestcare

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4847061/

By HealthyBestcare

แชร์ให้เพื่อน