อย่าพลาด! 5 สรรพคุณทางยาของสับปะรด

แชร์ให้เพื่อน

อย่าพลาด! 5 สรรพคุณทางยาของสับปะรด

สับปะรดเป็นผลไม้ในเขตร้อน มีทั้งรสชาติหวานมาก หวานน้อย เปรี้ยว หรือ อมเปรี้ยว อมหวาน ประโยชน์ของสับปะรดมีมากมาย เช่น

  • นำมารับประทานเป็นผลไม้สดช่วยย่อยเนื้อสัตว์
  • นำมากวนทำเป็นแยมหรือสับปะรดกวนเพื่อใช้เป็นไส้ขนม
  • สับปะรดสามารถนำมาทำน้ำปั่นก็หวานเย็นชื่นใจ หรือจะนำมาคั้นทำน้ำสับปะรดไว้รับประทานก็ได้เช่นกัน
  • สับปะรดสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายเมนู เช่น ผัดเปรี้ยวหวาน แกงสับปะรด ข้าวผัดสับปะรด
  • สับปะรดสามารถนำมาหมักทำเป็นไวน์สับปะรดก็ได้

ทั้งหมดนี้คือประโยชน์ที่เราสามารถนำลูกสับปะรดมาดัดแปลงเป็นอาหารนอกจากนี้ต้นและใบของสับปะรดยังสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอผลิตเครื่องนุ่งห่มได้เช่นกันแต่วันนี้เราจะชวนคุณมาดูสรรพคุณทางยาของสับปะรดเราไปดูกันค่ะ

สรรพคุณทางยาของสับปะรด

สับปะรดอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด นอกจากนี้ในสับปะรดยังมีเอนไซม์หลักอย่าง บรอเมเลน (Bromelain) ที่สามารถนำมาสกัดเป็นยา ออกฤทธิ์รักษาได้หลายโรคเรามาดูกันเลยค่ะ

  • สับปะรดมีสรรพคุณทางยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด

เอนไซม์บรอเมเลน (Bromelain) ในสับปะรดสามารถใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยเอนไซม์บรอมิเลนที่อยู่ในสับปะรดออกฤทธิ์ต้านการเกาะตัวของเกร็ดเลือดป้องกันเลือดเป็นลิ่มไม่ให้ไปอุดตันตามอวัยวะต่างๆซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพเช่นโรคหัวใจขาดเลือดโรคหลอดเลือดดำอุดตันโดยสารสกัดบรอเมเลนในสับปะรดสามารถป้องกันเลือดเป็นลิ่มได้ดีพอกับยาสลายลิ่มเลือดชนิดอื่นนอกจากนี้ยังพบว่าเอนไซม์บรอเมเลนในสับปะรดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของหัวใจและการไหลเวียนเลือดยาที่สกัดจากบรอเมเลนมีขายเช่นกันค่ะแต่ใครที่มีปัญหาโรคหัวใจสโตรกก็อย่าลืมกินสับปะรดหรือจะจัดสับปะรดเป็นผลไม้รับประทานก็ดีงามค่ะ

  • สับปะรดมีสรรพคุณยับยั้งเซลล์มะเร็ง

เอนไซม์บรอเมเลน (Bromelain) ในสับปะรดสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งในสัตว์ทดลอง จากการทดลองพบว่าบรอเมเลนสามารถยับยั้งมะเร็งกระเพาะอาหารในสัตว์ทดลองมะเร็งเม็ดเลือดขาวมะเร็งเต้านมมะเร็งปอดและมะเร็งอีกหลายชนิด

  • สับปะรดมีฤทธิ์ต้านเชื้อโรค

เอนไซม์บรอเมเลน (Bromelain) ในสับปะรดมีฤทธิ์ต้านเชื้อโรคได้หลายชนิด เช่น เชื้อแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสีย ต้านเชื้อรา โดยจากพบเอนไซม์ บรอเมเลน สามรถรักษาโรคเชื้อราทางผิวหนังบางชนิด นอกจากนี้เอนไซม์บรอเมเลนยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส เช่น ต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการหลอดลมอักเสบ โดยจากการทดลองพบว่า การให้สารสกัดบรอเมเลน คู่กับยาฆ่าเชื้อพบว่า ได้ผลในการรักษาดีกว่าการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อเพียงอย่างดี และจากงานวิจัยใหม่พบว่า เอนไซม์บรอเมเลน ในสับปะรดสามารถช่วยรักษาโควิดได้เดี๋ยวจะเขียนให้อย่างละเอียดอีกทีค่ะว่าสามารถรักษาโรคอะไรได้บ้าง

  • สับปะรดสามารถใช้ในการกำจัดผิวหนังเน่าเปื่อย และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น

จากการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเอนไซม์บรอเมเลน (Bromelain) ในสับปะรด เพื่อกำจัดผิวหนังที่เน่าเปื่อยพบว่าช่วยในการทำความสะอาดแผลได้ดีนอกจากนี้ยังช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย

  • สับปะรดกับความสามารถในการรักษาโรคเกี่ยวกับการอักเสบ

เอนไซม์ บรอเมเลน (Bromelain) ในสับปะรด ช่วยให้การรักษาโรคที่เกี่ยวกับการอักเสบ เช่น โรคที่เกี่ยวกับการอักเสบเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคแพ้ภูมิตัวเอง โดยจากการทดลองพบว่า เอนไซม์ บรอเมเลน (Bromelain) ในสับปะรด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อโรคในร่างกาย ทำให้ช่วยในการรักษาคนไข้ที่มีปัญหาโรคทางเดินหายใจไวต่อสิ่งกระตุ้นเช่นโรคภูมิแพ้โรคหอบหืด

และทั้งหมดนี้คือ 5 สรรพคุณทางยาของสับปะรดที่นำมาฝากวันนี้ อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงสรรพคุณบางส่วนของสับปะรด เพราะในสับปะรดยังมีสารอาหารอื่นที่ออกฤทธิ์ได้ดี ประโยชน์อื่น ๆ ของสับปะรดอ่านต่อได้ สับปะรดและแกนสับปะรดช่วยล้างลำไส้และย่อยเนื้อสัตว์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC8534447/

By HealthyBestcare

แชร์ให้เพื่อน

14 ประโยชน์ของผักโขม ผักสีเขียว  วัชพืชริมรั้ว ช่วยรักษาโรค

แชร์ให้เพื่อน

14 ประโยชน์ของผักโขม ผักสีเขียว  วัชพืชริมรั้ว ช่วยรักษาโรค

ผักโขมเป็นวัชพืชขนาดเล็ก ขึ้นอยู่ตามบริเวณบ้านแถวต่างจังหวัด เรานิยมเก็บผักโขมมาต้มเป็นอาหารให้เลี้ยงหมูแต่ใครจะรู้ว่า ผักโขมที่เรานำมาเลี้ยงหมูนั้นอุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหาร โปรตีนและ วิตามิน และแร่ธาตุอื่นๆที่จำเป็นต่อร่างกาย ทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

เรามาดูกันเลยว่าผักโขมที่เราเลี้ยงหมูนั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพอะไรบ้าง

1.กินผักโขมเพิ่มพลังให้แข็งแรง ในผักโขม 100 กรัม มีพลังงาน 23 แคลอรี่ อุดมไปด้วยโปรตีนสูง

2.กินผักโขมช่วยปรับสมดุลของร่างกายเพราะในผักโขมอุดมไปด้วยโซเดียมและโพแทสเซียมสูง เราท้องเสียจากการเสียเกลือแร่เราต้มน้ำผักโขมดื่มช่วยได้

3.กินผักโขมช่วยลดไขมันในเลือด เนื่องจากในผักโขมไม่มีไขมัน มีเส้นใยอาหารช่วยดูดซึมไขมันจึงลดระดับไขมันในเลือดได้

4.กินผักโขมช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็นเพราะในผักโขมอุดมไปด้วยวิตามินเอสูง

5.กินผักโขมป้องกันเลือดออกตามไรฟัน เพราะในผักโขมมีวิตามินซีสูง

6.กินผักโขมช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงอุดมไปด้วยแคลเซียมสูง

7.กินผักโขมป้องเลือดออกง่ายเพราะในผักโขมอุดมไปด้วยวิตามินเคสูง

8.กินผักโขมช่วยป้องกันโรคเหน็บชาเพราะอุดมไปด้วยวิตามินบี

9.กินผักโขมบำรุงเลือดเพราะในผักโขมอุดมไปด้วยธาตุเหล็กสูง

10.กินผักโขมช่วยบำรุงผิวพรรณและช่วยลดการอักเสบเนื่องจากมีวิตามินซีสูงและอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย

11.กินผักโขมช่วยรักษาสิวเพราะในผักโขมอุดมไปด้วยซิงค์และวิตามินอี

12.กินผักโขมบรรเทาอาการไอละลายเสมหะ เนื่องจากในผักโขมมีฤทธิ์เย็นช่วยลดการอักเสบ

13.กินผักโขมช่วยลดไข้ ปรับสภาพร่างกายให้เข้าสู่ปกติ

14.กินผักโขมช่วยดูดซับสารพิษในร่างกายเพราะในผักโขมอุดมไปด้วยสารคลอโรฟิลล์นั่นเอง

วันก่อนเรามีอาการไข้ ไอ ท้องเสีย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เรากินยาแก้ไอร่วมกับต้มน้ำผักโขมดื่มแทนน้ำ และปั่นผักโขมดื่ม ช่วยบรรเทาอาการไอ ลดไข้ รักษาอาการอ่อนเพลีย ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผักโขมเพิ่มพลังงานให้ร่างกายนั่นเอง

แชร์ให้เพื่อน

รู้จักผักเคลหรือคะน้าใบหยิก สุดยอดผักใบเขียว มีประโยชน์ต่อร่างกาย

แชร์ให้เพื่อน

รู้จักผักเคล หรือคะน้าใบหยิก สุดยอดผักใบเขียว มีประโยชน์ต่อร่างกาย

สวัสดีคะเพื่อนๆ วันนี้เรามาทำความรู้จักผักเคลหรือคะน้าใบหยิกจัดเป็นสุดยอดของผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคเรื้อรังเช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจและหลอดเลือด

ผักเคลปลูกครั้งเดียวเก็บกินใบล่างไปเรื่อยๆการเก็บควรเหลือใบ 5-7 ใบเพื่อช่วยในการสังเคราะห์แสงและแตกยอดต่อไป

1.ผักเคลหรือคะน้าใบหยิกอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็น

2.ผักเคลหรือคะน้าใบหยิกอุดมไปด้วยเส้นใยและกากอาหาร ช่วยให้ระบบการขับถ่ายได้ดี ลดการดูดซึมไขมันและน้ำตาลลงได้

3.ผักเคลหรือคะน้าใบหยิกมีสารคลอโรฟิลล์สูง ช่วยดักจับสารก่อมะเร็งขับร่วมกับของเสียออกจากร่างกาย

4.ผักเคลหรือคะน้าใบหยิกอุดมไปด้วยแร่ธาตุโพแทสเซียมซึ่งเป็นหนึ่งในเกลือแร่ของร่างกายที่ช่วยรักษาความสมดุลและช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของอัมพฤตอัมพาต

5.ผักเคลหรือคะน้าใบหยิกเป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินเคช่วยให้เลือดแข็งตัวจึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาเลือดออกง่ายหรือหยุดยากและผู้ป่วยที่เตรียมตัวผ่าตัดหรือหลังพักฟื้นหลังผ่าต้ด

6.ผักเคลเป็นผักที่มีไฟเบอร์สูงจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมหรือลดน้ำหนัก

ผักเคลหรือคะน้าใบหยิกสามารถกินได้ทั้งสุกและดิบใบของผักเคลสีสันสวยงามจึงนิยมนำใบผักเคลมาประดับบนจานอาหารช่วยให้สวยงามและน่ากินมากขึ้น โดยทั่วไปนำมาทำสลัดหรือน้ำผักปั่นเพื่อสุขภาพ หรือเมนูเพื่อสุขภาพต่างๆ

ผักเคลหรือคะน้าใบหยิกมีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ควรรับประทานให้พอเหมาะหากร่างกายได้รับมากเกินไปอาจทำให้เกิดการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดปกติได้เช่นเดียวกับผักกะหล่ำปลี เนื่องจากผักเคลมีโพแทสเซียมสูงจึงควรกินอย่างระมัดระวังในผู้ป่วยโรคไตด้วยเช่นกัน

แชร์ให้เพื่อน

วิจัยชี้! 6 ผลไม้ช่วยลดไขมันเกาะตับ ลดไขมันในเลือด ต้านโรคหัวใจ

แชร์ให้เพื่อน

วิจัยชี้! 6 ผลไม้ช่วยลดไขมันเกาะตับ ลดไขมันในเลือด ต้านโรคหัวใจ

ผลไม้แต่ละชนิดมี วิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระที่แตกต่างกัน บางชนิดเหมาะกับบางโรค บางชนิดมีข้อห้ามกับบางโรค วันนี้จะชวนคุณผู้อ่านมารู้จัก 6 ผลไม้ช่วยลดไขมันเกาะตับ ลดไขมันในเลือด ต้านโรคหัวใจ

ไขมันเกาะตับ หรือ Nonalcoholic fatty liver disease (NAFLD) เป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อตับเรื้อรังซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ตับอักเสบตับแข็งมะเร็งตับซึ่งสาเหตุการเสียชีวิตส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคไขมันเกาะตับกลับไม่ใช่แค่ปัญหาจากโรคตับโดยตรงแต่เป็นปัญหาโรคหัวใจและหลอดเลือดเช่นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบโรคเส้นเลือดสมองตีบหรือแตก

ไขมันเกาะตับเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

เมื่อเรารับประทานไขมันเข้าไป ไขมันบางส่วนถูกนำไปใช้เพื่อเป็นพลังงานให้ร่างกาย และบางส่วนถูกดูดซึมไปสะสมไว้ที่ตับ และเมื่อไขมันไม่ถูกนำไปใช้ ก็เกิดการสะสมไปเรื่อย จนกลายเป็นโรคไขมันเกาะตับ จนกลายเป็นปัญหาสุขภาพตามมาอย่างที่เรากล่าวตั้งแต่ต้นหลายๆคนอาจจะเข้าใจว่าโรคไขมันเกาะตับเกิดได้เฉพาะกับคนอ้วนที่มีไขมันสะสมตามร่างกายตามพุงเยอะๆแต่ในความเป็นจริงคนผอมก็เป็นโรคไขมันเกาะตับได้เช่นกันค่ะ

เพื่อป้องกันปัญหาโรคเรื้อรังที่ตามมาจากโรคไขมันเกาะตับ วันนี้เราจะชวนมาดู 6 ผลไม้ช่วยลดไขมันเกาะตับ ลดไขมันในเลือด ต้านโรคหัวใจ เรามาดูกันเลยค่ะว่ามีผลไม้อะไรบ้าง

  • องุ่นสีดำ (black grapes)

สารต้านอนุมูลอิสระอย่าง คาเทชิน (Catechin)  ในองุ่นสีดำ จะออกฤทธิ์ต้านไขมันเกาะตับ และยังช่วยลดไขมันในเลือด นอกจากนั้น) ในองุ่นสีดำยังพบสารต้านอนุมูลอิสระ อีพิคาเทชิน (Catechin) 
(Epicatechin)
จะช่วยป้องกันโรคเบาหวานความดันโลหิตสูงและยังช่วยบำรุงและปกป้องสมองและหัวใจได้อีกด้วยสำหรับคนที่เป็นเบาหวานควรเลือกซื้อองุ่นสีดำที่ไม่สุกงอมจนเกินไปเพราะองุ่นยิ่งสุกยิ่งน้ำตาลเยอะ

  • แอปริคอต (apricot)

สำหรับแอปริคอต มีสารต้านอนุมูลอิสระเหมือนกับองุ่นสีดำโดยสารต้านอนุมูลอิสระจะออกฤทธิ์ต้านไขมันเกาะตับ และป้องกันโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ เช่นเดียวกัน

  • แอปเปิ้ล (apple)

ชาวยุโรปกล่าวว่า กินแอปเปิ้ลวันละหนึ่งลูก จะทำให้คุณไม่ต้องไปหาหมอ หรือไปโรงพยาบาลตลอดชีวิตซึ่งหมายความว่า การกินแอปเปิ้ลทุกวันจะสามารถต้านโรคร้ายได้ สรรพคุณของแอปเปิ้ลมีมากมายหลายอย่าง รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระคาเทชิน (Catechin)  ในแอปเปิ้ลจะออกฤทธิ์ช่วยลดไขมันเกาะตับ และลดไขมันในเลือด

  • สตรอเบอรี ( strawberries)

สตรอเบอรี่เป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และกินง่าย จะกินสด ๆ หรือ จะนำมาทำน้ำปั่น ทำเค้กก็ได้เช่นกัน สำหรับสตรอเบอรีมีสารต้านอนุมูลอิสระ คาเทชิน (Catechin)  ที่ออกฤทธิ์ลดไขมันเกาะตับ และลดไขมันในเลือดด้วย

  • ลูกแพร์

สำหรับลูกแพร์เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ คาเทชิน (Catechin)  และ อีพิคาเทชิน ( Epicatechin) เช่นเดียวกับองุ่นดำ ซึ่งนอกจากออกฤทธิ์ต้านไขมันเกาะตับไขมันในเลือดแล้วยังป้องกันโรคเรื้อรังอื่นๆเช่นเบาหวานความดันโรคหัวใจได้ด้วย

  • ราสเบอรี

ราสเบอรี่เป็นผลไม้รสชาติเปรี้ยว และเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือดได้ดี อ่านต่อได้ใน 7 ผลไม้บำรุงเลือด มีธาตุเหล็กสูง ลดอาการอ่อนเพลีย ช่วงมีประจำเดือน ราสเบอรี่เป็นผลไม้แถบยุโรปมีสารต้านอนุมูลอิสระ คาเทชิน (Catechin)  ที่ช่วยต้านไขมันเกาะตับและลดไขมันในเลือดไปพร้อมๆกัน

และทั้งหมดนี้คือ 6 ผลไม้ช่วยลดไขมันเกาะตับ ลดไขมันในเลือด ต้านโรคหัวใจ ที่เรานำมาฝากวันนี้ ยังมีผลไม้อีกหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ช่วยสลายไขมันที่ตับ และลดการอักเสบของตับได้อีกด้วย แล้วจะมาทยอยเขียนให้อ่านเรื่อย ๆ อยากมีสุขภาพดีด้วยอาหาร อย่าลืมติดตามเพจ Healthybestcare ด้วยนะคะ

By Healthybestcare

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10123163/

แชร์ให้เพื่อน

สับปะรดและแกนสับปะรดช่วยล้างลำไส้และย่อยเนื้อสัตว์

แชร์ให้เพื่อน

สับปะรดและแกนสับปะรดช่วยล้างลำไส้และย่อยเนื้อสัตว์

สวัสดีคะเพื่อนๆ วันนี้เรามาชวนกินสับปะรดและแกนสับปะรด ช่วยย่อยเนื้อสัตว์ ล้างลำไส้ ส่วนใหญ่เรามักจะไม่ชอบกินสับปะรดในส่วนที่เป็นแกนกลางเพราะว่ามีความแข็งด้านๆ แต่ใครจะรู้ว่าในความแข็ง ด้าน กรอบ นั้นอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารสูงและมีความหวานน้อยกว่าส่วนที่เป็นเนื้อสับปะรด เหมาะสำหรับคนที่มีฟันแข็งแรง ช่วยทำความสะอาดช่องปากหลังรับประทานอาหารอีกด้วย เวลาเราหั่นสับปะรดหั่นเนื้อผสมแกนเลยก็ได้ไม่ต้องแยกแกนทิ้งกินได้เช่นกันเพียงแต่แข็งกว่าเท่านั้นเอง

สับปะรดและแกนสับปะรด ช่วยล้างลำไส้ได้อย่างไร ห้ามทิ้ง

1.แกนสับปะรดอุดมไปด้วยเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้ดีมาก เราควรกินหลังกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์เพราะจะย่อยได้เร็วขึ้นลดการบูดเน่าในลำไส้ บรรเทาอาการแน่นจุกเสียดจากปัญหาอาหารไม่ย่อยได้

2.แกนสับปะรดอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารสูงและกากอาหารสูง หากเรากินแกนสับปะรดหลังกินอาหารมื้อปกติจะเพิ่มกากอาหารช่วยให้การทำงานของระบบขับถ่ายดีขึ้น ช่วยล้างลำไส้ ลดปัญหาท้องผูก ริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้

3.การกินแกนสับปะรดจะช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายอย่างเทสโทสเตอร์โรน เหมาะสำหรับคนทีหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

4.ไม่ควรกินแกนสับปะรดในปริมาณมากเกินไปหรือกินแกนสับปะรดดิบเพราะอาจทำให้ท้องเสียหรือถ่ายท้อง

5.การรับประทานแกนสับปะรดไม่ควรกินขณะท้องว่างเพราะเอนไซม์จะย่อยเนื้อของกระเพาะอาหารเกิดอาการระคายเคืองและเป็นแผลในที่สุด

แกนสับปะรดนอกจากจะอุดมไปด้วยเส้นใยแล้วยังมีการดัดแปลงแกนสับปะรดอบแห้งกินง่าย พกพาสะดวกเหมาะสำหรับกินหลังมื้ออาหารที่เป็นเนื้อสัตว์เพราะในแกนของสับปะรดมีเอนไซม์ช่วยย่อยเนื้อสัตว์นั่นเอง เวลาเรากินเนื้อสัตว์หรืออาหารที่เป็นหมูย่าง หมูกระะทะ แล้วมีอาการแน่น จุกเสียดเพราะเนื้อสัตว์นั้นย่อยยากกว่าผักหรือผลไม้ เราเลือกกินเนื้อสับปะรด แกนสับปะรดอบแห้งหรือแกนสดช่วยให้เนื้อสัตว์ย่อยได้เร็วขึ้น รวมทั้งเราสามารถต้มเนื้อใส่แกนสับปะรดจะทำให้เนื้อเปื่อยเร็วขึ้นอีกด้วย เห็นประโยชน์ดีดีของแกนสับปะรดแล้วห้ามทิ้งนะคะ เจอกันบทความหน้าหากชอบบทความรบกวนกดไลค์ กดแชร์และกดติดตามจะได้ไม่พลาดบทความออกใหม่

แชร์ให้เพื่อน

9 ประโยชน์ของกระเทียม มีมากกว่าอาหาร เป็นยาสมุนไพรในครัว

แชร์ให้เพื่อน

9 ประโยชน์ของกระเทียม มีมากกว่าอาหาร เป็นยาสมุนไพรในครัว

กระเทียมเป็นสมุนไพรอยู่คู่ครัวคนไทยมาช้านาน เรานิยมใช้กระเทียมสดหรือกระเทียมดองในการประกอบอาหารช่วยลดกลิ่นคาว เพิ่มรสชาติ แถมยังนำมาใช้ประโยชน์ด้านสมุนไพรรักษาโรคอีกมาย เรามาดูกันเลย กระเทียมสดหรือดองมีคุณค่าทางอาหารและสรรพคุณในการรักษาโรคไม่แตกต่างกันแต่การใช้ภายนอกแนะนำให้เลือกใช้กระเทียมสดจะรักษาได้ดีกว่า

9 สรรพคุณของกระเทียมสดและดอง มีอะไรกันบ้าง

1.กินกระเทียมช่วยเพิ่มการเผาผลาญ จึงมีสรรพคุณในด้านการช่วยลดน้ำหนักและลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคอ้วนหรือไขมันในเลือดสูง

2.กินกระเทียมช่วยลดอาการปวดเมื่อย อักเสบ

3.กินกระเทียมช่วยลดปัจจัยการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด

4.กินกระเทียมช่วยบรรเทาอาการจุกเสียดแน่นท้อง ช่วยขับลม เพิ่มการไหลเวียนโลหิต

5.กินกระเทียมช่วยถ่ายพยาธิ เนื่องจากกระเทียมมีฤทธิ์ร้อนจึงช่วยขับพยาธิ

6.กระเทียมมีฤทธิ์ลดและยับยั้งการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรีย เราจึงใช้กระเทียมในการรักษาสิว โดยการฝานเป็นชิ้นบางๆนำมาแปะตรงหัวสิวอักเสบ

7.กระเทียมมีฤทธิ์ในการยับยั้งและรักษาเชื้อราบางชนิดได้ เราจึงใช้กระเทียมรักษาโรคกลาก เกลื้อน โดยนำกระเทียมมาบดแล้วทาตรงตำแหน่งที่เป็นรอยกลากเกลื้อน

8.กระเทียมช่วยรักษาอาการปวด ช่วยลดการอักเสบจากแมลงสัตว์กัดต่อยได้ โดยนำกระเทียมมาบดแปะแผลแมลงสัตว์กัดต่อย และยังมีสรรพคุณในการไล่แมลงอีกด้วย

9.กระเทียมช่วยบรรเทาอาการปวดฟัน เนื่องจากกระเทียมมีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบติดเชื้อ เราใช้กระเทียมบดนำไปอุดตำแหนงปวดฟันช่วยบรรเทาอาการลงได้

ข้อควรระวังในการรับประทานกระเทียม

1.การรับประทานกระเทียมไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเพราะมีสารโพแทสเซียมสูง

2.รับประทานกระเทียมมากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเลือด หรือผู้ป่วยที่กินยาละลายลิ่มเลือดซึ่งจะเสริมฤทธิ์กันทำให้เลือดออกง่ายขึ้น หยุดยาก

3.ก่อนการผ่าตัดและหลังการผ่าตัดควรงดการบริโภคกระเทียมเพราะอาจทำให้เลือดหยุดยากได้

กระเทียมเราสามารถเลือกรับประทานกระเทียมสดหรือกระเทียมดอกในการรักษาโรคได้เพราะกระเทียมดองกินง่ายกว่า เก็บไว้ได้นานอีกด้วย หากชื่นชอบบทความดีดีด้านสุขภาพอย่าลืมกดไลค์ กดแชร์และกดติดตามจะได้ไม่พลาดบทความใหม่คะ

แชร์ให้เพื่อน

12 ประโยชน์ส้มโอทับทิมสยามหรือแดงสยาม ของดีเมืองคอน มีมากกว่าของกิน

แชร์ให้เพื่อน

12 ประโยชน์ส้มโอทับทิมสยามหรือแดงสยาม ของดีเมืองคอน มีมากกว่าของกิน

ส้มโอทับทิมสยามหรือ แดงสยาม เป็นผลไม้ของดีเมืองนครศรีธรรมราช มีรสสชาติหวานอมเปรี้ยว สีสันสวยงามคล้ายทับทิมสีแดง จึงมีชื่อเรียกว่า ส้มโอทับทิมสยาม ส้มโอถูกนำมาใช้ในการเซ่นไหว้เป็นความเชื่อเรื่องของความโชคดีมีชัย คนจีนมักนำส้มโอมาไหว้เพื่อสื่อถึงความโชคดี เป็นทั้งได้ทั้งของไหว้ ผลไม้และยารักษาโรคอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และน้ำช่วยให้ร่างกายสดชื่นกระชุ่มกระชวยอีกด้วย 

ส้มโอทับทิมสยามหรือส้มโอแดงสยาม 12 ประโยชน์ หวานฉ่ำ

12 ประโยชน์ของส้มโอทับทิมสยาม ของดีเมืองคอน  รสชาติ เปรี้ยวนิด หวานฉ่ำ มีมากกว่าของกิน

1.ความเปรี้ยวนิด หวานฉ่ำของส้มโอทับทิมสยามอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน และมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดการอักเสบ ช่วยจะชะลอความเสื่อมของเซลล์และช่วยชะลอวัย

2.ส้มโอทับทิมสยามเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยทางอาหารสูงช่วยระบบการขับถ่าย ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ ลดระดับคอเลสเตอรอล

3.ส้มโอเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น เพิ่มน้ำในร่างกายลดปัญหาการขาดน้ำ

4.ส้มโอมีเส้นใยและน้ำสูงช่วยให้อิ่มเร็ว มีแคลอรีต่ำจึงช่วยลดน้ำหนักและรักษาหุ่นให้สวยเปรียวได้

5.รสชาติเปรี้ยวหวานเพิ่มความมีชีวิตชีวา ไม่ง่วงซึม

6.มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งทำให้เกิดอัมพฤตอัมพาตตามมา

7.ช่วยลดการติดเชื้อและต้านการอักเสบ

8.ช่วยปรับความสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย

9.ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

10.ช่วยดูดซับและขับสารพิษออกจากร่างกายเนื่องจากมีกากใยอาหารสูง

11.เปลือกส้มโอนำมาวางไว้ในห้องช่วยปรับอากาศในห้องได้

12.เปลือกส้มโอมีสรรพคุณแก้ลม (ระบบไหลเวียนโลหิต) แก้เสมหะ และใช้ปรุงเป็นยาหอม

ส้มโอทับทิมสยามหรือแดงสยามนอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้วยังเป็นยารักษาโรคและถูกนำมาใช้ไหว้เจ้าที่หรือเซ่นไหว้บรรพบุรุษช่วยเสริมดวงเรื่องของความโชคดีมีชัยเข้ามาในชีวิตให้มีความเจริญรุ่งเรืองอีกด้วย หากใครที่ชีวิตมีปัญหาลองนำส้มโอมาเซ่นไหว้ดูนะคะไม่เชื่ออย่าลบหลู่

แชร์ให้เพื่อน

มะละกอดิบกินได้ สุกกินดี มีประโยชน์  ไม่นิยมปลูกบริเวณบ้าน

แชร์ให้เพื่อน

มะละกอดิบกินได้ สุกกินดี มีประโยชน์  ไม่นิยมปลูกบริเวณบ้าน

สวัสดีคะเพื่อนๆ วันนี้เรามารีวิว ประโยชน์ของมะละกอ แต่ไม่นิยมปลูกบริเวณบ้าน มะละกอเป็นไม้ล้มลุกขนาดใหญ่ ลำต้นตรง มียางสีขาวตลอดทั้งต้นและมีมากในผลดิบ ทั้งที่มะละกอมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นทั้งอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างส้มตำและยารักษาโรค แต่คนไทยโบราณมีความเชื่อว่า ชื่อของมะละกอ หมายถึง กอ หรือแตกกอ ทำให้คนในบ้านอยู่อาศัยไม่มีความสุข แตกคอ หรืออีกนัยหนึ่งเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้นจะละทิ้งเผ่ากอไปไม่กลับมาเยี่ยมเยียนบ้านเกิด อันนี้ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลนะคะ แต่ในปัจจุบันเห็นปลูกมะละกออยู่ทั่วไปตามบริเวณบ้าน

ประโยชน์ที่น่าทึ่งของมะละกอ กินดี มีประโยชน์ต่อสุขภาพ  ตั้งแต่รากยันใบคือ

1.ลูกมะละกอดิบ นิยมนำมาตำส้มตำเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมของคนไทย นับเป็นอาหารสตรีทฟูดที่สร้างตัวให้กับคนขายได้ดีเลยทีเดียว เมนูส้มตำเช่น รีวิว ส้มตำแซ่บนัว ยั่วๆมาแล้วจ้า หรือนำมาทำอาหารพวกแกงส้ม เนื้อมะละกอดิบเป็นยาระบายอ่อนๆอีกด้วย

2.ยางมะละกอสีขาว ที่ได้จากผลดิบสามารถนำมาใช้หมักหรือต้มเนื้อสัตว์ให้เปื่อยนุ่มยุ่ยเร็วอีกด้วย หรือใช้ยางมะละกอช่วยรักษาตาปลา หูด หรือรักษาฝ้า


3.มะละกอสุก เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่คุ้มค่าเกินราคา มะละกอเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ  มีกากใยอาหาร วิตามินซี และสารเบต้าแคโรทีนสูง จึงเหมาะสำหรับผลไม้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีข้อจำกัดเรื่องของอาหาร เรามาดู ประโยชน์ของมะละกอสุกเลยคะ

มะละกอสุก 144 กรัม

  • มีสารเบต้าแคโรทีนสูง 694 ไมโครกรัม สารเบต้าแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามิน เอ ช่วยบำรุงสายตาและช่วยการมองเห็น
  • มีโพแทสเซียม 330 มิลลิกรัม โพแทสเซียมเป็นสารช่วยปรับความสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย จึงไม่แนะนำในผู้ป่วยโรคไต
  • มีน้ำเป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก  128 กรัม
  • มีวิตามินซีสูง 79 มิลลิกรัม วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและช่วยบำรุงผิวพรรณ
  • มีใยอาหารสูง 2.4 กรัม ช่วยเพิ่มกากของเสียช่วยขับถ่ายดีขึ้น
  • เป็นยาระบายอ่อนๆ การรับประทานมะละกอสุกช่วยให้ระบบขับถ่ายดี ลดปัจจัยเสี่ยงมะเร็งลำไส้

เราเองมีเป็นคนชอบกินส้มตำและมะละกอสุก ส้มตำและมะละกอสุกเป็นยาระบายอย่างดีเลย ที่บ้านปลูกต้นมะละกอในบริเวณบ้านเช่นกันแต่ปัญหาของต้นมะละกอไม่ควรปลูกใกล้บ้านมากเกินไปเพราะว่าเมื่อฝนตกดินชุ่ม ลมแรงต้นมะละกอจะโค่นล้มทับบ้านเรือนเสียหายได้นั่นเอง หากชื่นชอบบทความรบกวนกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามได้คะ 

ข้อมูลจาก กรมอนามัย

แชร์ให้เพื่อน

10 ราชินีผลไม้น้ำเยอะ บำรุงผิวพรรณและชะลอวัย

แชร์ให้เพื่อน

10 ราชินีผลไม้น้ำเยอะ บำรุงผิวพรรณและชะลอวัย

ผลไม้เป็นอาหารที่มีวิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างใน 10 ราชินีผลไม้น้ำเยอะ บำรุงผิวพรรณและชะลอวัย นั้นเป็นผลไม้ที่หาง่าย ราคาไม่แพงมากยิ่งเราเลือกกินตามฤดูกาลยิ่งถูก เมืองไทยอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว บนต้นไม้มีผลไม้ให้เก็บกินตลอดฤดูกาลกินวนกันไปเลยคะ

เรามาดูประโยชน์ของ 10 ราชินีผลไม้น้ำเยอะ บำรุงผิวพรรณและชะลอวัยกันคะ

1.น้ำเป็นส่วนประกอบของ ราชินีผลไม้น้ำเยอะสูงกว่า 80 กรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัมเลยทีเดียว น้ำเป็นส่วนประกอบของร่างกายในระบบเลือดและน้ำเหลืองทั้งยังช่วยบำรุงให้ผิวพรรณดูเต่งตึง กระจ่างใส หากร่างกายขาดน้ำจะทำให้ปากแห้ง ความดันเลือดตกได้ ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้นอีกด้วย

2.ให้พลังงานต่อร่างกาย ในราชินี 10 ผลไม้น้ำเยอะนอกจากน้ำแล้วยังมีน้ำตาลฟรุกโตส ที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย

3.มีวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวพรรณและสารต้านอนุมูลอิสระหรือฮอร์โมนช่วยลดอาการวัยทองอย่างน้ำมะพร้าว เป็นต้น

4.มีแร่ธาตุโพแทสเซียมช่วยลดความดันและปรับสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติอย่างส้มและส้มโอ สาลี่ ในผลไม้โดยส่วนใหญ่มักมีแร่ธาตุโพแทสเซียมสูงจึงควรระวังสำหรับผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ

5.ราชินีผลไม้น้ำเยอะอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร มีส่วนช่วยให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ปกติลดอาการท้องผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้

6.ราชินีผลไม้น้ำเยอะยังอุดมด้วยสารเบต้าแคโรทีนช่วยให้ลดอาการสายตาฝ้าฟางและบำรุงสายตา

เรามาดูกันเลย 10 ราชินีผลไม้น้ำเยอะ บำรุงผิวพรรณและชะลอวัยมีอะไรกันบ้าง

1.แตงโม แตงโมมีมากมายหลากหลายพันธ์ ทั้งสีเหลืองและสีแดง ในแตงโมนั้นมีน้ำถึง 92 กรัมต่อ 100 กรัม

2.ส้ม มีโพแทสเซียมและเบต้าแคโรทีน วิตามินซีช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใสจากภายในสู่ภายนอก ในส้ม 100 กรัมมีน้ำถึง 86 กรัม

3.ส้มโอ ส้มโอมีหลายหลายสายพันธ์อย่างส้มโอพันธ์ทับทิมสยาม รสชาติ หวานอมเปรี้ยว ชื่นใจอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและวิตามินซีและกากใยอาหารสูง


4.สับปะรด เป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมและสารเบต้าแคโรทีนสูงและวิตามินซีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงผิวพรรณ ชะลอแก่และช่วยย่อยเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี

5.องุ่น องุ่นมีทั้งสีแดงเขียวมีเมล็ดและไร้เมล็ดอุดมไปด้วยโพแทสเซียมและเบต้าแคโรทีน ในองุ่น 100 กรัมมีน้ำถึง 86 กรัม

6.สาลี่ อุดมไปด้วยโพแทสเซียมและกากใยอาหาร วิตามินซี ในสาลี่ 127 กรัมมีน้ำถึง  110 กรัม

7.สตรอว์เบอร์รี อุดมไปด้วยโพแทสเซียม วิตามินซีและกากใยอาหาร มีน้ำ 155 กรัมต่อ 170 กรัม

8.ลูกตาล ลูกตาลสดมีเส้นใยอาหารสูงและมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 90 กรัมต่อ 100 กรัม

9.มะพร้าวอ่อน มะพร้าวอ่อนนอกจากอุดมไปด้วยน้ำดื่มแก้กระหายแล้วยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุโพแทสเซียม

10.มะละกอ มะละกอสุกอุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา

การกินราชินีผลไม้น้ำเยอะจึงควรต้องระมัดระวังสำหรับผู้ป่วยโรคไตและหัวใจวายอีกด้วย

แชร์ให้เพื่อน

กินกล้วยให้เป็นยารักษาโรค

แชร์ให้เพื่อน

กินกล้วยให้เป็นยารักษาโรค

สวัสดีคะเพื่อนๆ บทความ กินกล้วย   ให้เป็นยา พาชีวา ปลอดโรค การกินกล้วยนอกจากช่วยส่งเสริมและป้องกันโรคแล้ว ยังนำมาช่วยในการรักษาได้อีกด้วย เรามาดูในประเด็น กินกล้วย ให้เป็นยารักษาโรค มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยคะ

1.กินกล้วยช่วยสำหรับผู้ที่ต้องการเลิกการสูบบุหรี่ได้สำเร็จ เพราะในกล้วยมีวิตามินบี 6 บี 12 โพแทสเซียม และแมกนีเซียมในกล้วย ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากพิษของสารนิโคตินในบุหรี่นั่นเองคะ ใครที่สูบบุหรี่อยู่แล้วพยายามหยุดแต่ทำไม่ได้ลองกินกล้วยแทนหากมีความรู้สึกอยากบุหรี่

2.การกินกล้วยน้ำว้าหลังตื่นนอนตอนเช้าและก่อนแปรงฟันช่วยขจัดเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก ลดกลิ่นปากลงได้คะ

3.กินกล้วยช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่สมอง ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว เกิดสมาธิเพราะในกล้วยมีสารกาบา นั่นเองคะ

4.กินกล้วยช่วยรักษาโรคอ้วนได้นะคะ เพราะกินกล้วยจะช่วยให้รู้สึกอิ่มได้นาน และกินปลีกล้วยช่วยปรับลดระดับน้ำตาลในเลือด

6.กินกล้วยช่วยรักษาอาการซึมเศร้า คลายเครียด รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ผ่อนคลายอารมณ์จากความเครียด

7.กินปลีกล้วยช่วยขับและกระตุ้นน้ำนมในหญิงหลังคลอดและให้นมบุตร หากกินกล้วยร่วมด้วยช่วยลดปัญหาซึมเศร้าจากภาวะหลังคลอดได้ด้วย

8.กินยางกล้วยช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียดแน่นท้องจากปัญหาการหลั่งกรดมากเกินไป ยางกล้วยช่วยเคลือบกระเพาะอาหารได้ โดยใช้ช้อนเสียบไว้ที่ลำต้นกล้วยรองน้ำยามาดื่มช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารได้

การดูแลสุขภาพด้วยการกินกล้วยนอกจากจะช่วยส่งเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ปลอดภัย จากโรคภัยบางชนิด แล้วยังช่วยรักษาโรคได้ด้วย ซึ่งกล้วยเป็นผลไม้ที่หาซื้อง่าย ราคาถูก มีกินตลอดทั้งปี สามารถนำกล้วยสุก กล้วยดิบ ปลีกล้วย มาดัดแปลงเป็นอาหารได้มากมายหลายประเภท ทั้งอาหารคาว หวาน ขนมไทย ขนมอบแห้ง ลูกอม ผลิตภัณฑ์จากกล้วยสามารถส่งขายได้ทั่วโลก หากรักษ์สุขภาพอย่าลืมกินกล้วยเป็นประจำเพื่อส่งเสริม รักษา และป้องกันโรค รวมถึงการฟื้นฟูสภาพร่างกายได้อีกด้วยคะ 

 

แชร์ให้เพื่อน