อย่าปล่อยความกลัว มาครอบงำจิตใจ

แชร์ให้เพื่อน

อย่าปล่อยความกลัว มาครอบงำจิตใจ
 
ความกลัวคืออารมณ์​ที่เกิดจากการรับรู้ถึงภัยคุกคามของสิ่งมีชีวิต เป็นสัญชาตญาณ​ของสัตว์เพื่อความอยู่รอดและคงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์​นั่นเอง  ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรม เช่น การวิ่งหนี การหลบซ่อน  แต่ถ้ากลัวมากเกินไปหรือกลัวบางสิ่งบางอย่างที่คนทั่วไปไม่กลัวเรียกว่า โรคกลัว(Phobia)​

รูปแบบของความกลัว
1.กลัววัตถุเฉพาะเช่น กลัวงู กลัวแมงมุม กลัวไส้เดือน​
2.กลัวเหตุการณ์​ เช่น กลัวที่แคบ กลัวฝน พายุ กลัวที่สูง กลัวอุโมง เป็นต้น
3.กลัวความเจ็บป่วยเช่น กลัวความตาย
4.กลัวการรักษาทางการแพทย์เช่น กลัวเลือด กลัวเข็มฉีดยา กลัวการบาดเจ็บ
5.ความกลัวอื่นๆ เช่น กลัวเชื้อโควิด19

ความกลัวแบบมีเหตุผลหรือเหมาะสมนั้นเป็นวิสัยของสิ่งมีชีวิตพึงมีต่อภัยคุกคามที่กำลังมาถึงตัวเช่น ความกลัวของวัวกับเสือที่ดุร้าย(เขียนเสือให้วัวกลัวเป็นสำนวนไทยหมายถึง การทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้อีกฝ่ายหนึ่งเสียขวัญหรือเกรงขาม  แต่ถ้าตีความแบบตรงตัวแล้วผู้เขียนมิอาจทราบได้ว่าวัวกลัวหรือไม่  แต่เท่าที่เคยเห็นมาคือวัวยืนกินหญ้าข้างรูปปั้นเสือนั่นเอง)

เส้นทางการพัฒนาความกลัว

  • ประสบการณ์​ตรง เช่น เคยถูกสุนัขกัดมักจะมีภาพความทรงจำเรื่องบาดแผลและการฉีดวัคซีน
  • ประสบการณ์​จากการสังเกตุเช่น ดูสารคดีเรื่องฉลามกัดแขนขาด ได้รับความทุกข์ทรมาน​ แม้ไม่ได้มีประสบการณ์​ตรงก็ทำให้เกิดความกลัวได้
  • การได้รับข้อมูลทางลบ เช่นพ่อแม่ต้องการปกป้องลูกจากสัตว์เช่นจิ้งจกซึ่งแท้จริงแล้วจิ้งจกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแต่ก็ไม่ได้พิสูจน์​เป็นความกลัวที่สืบทอดมาจากพ่อแม่
  • ความกลัวที่มีมาแต่กำเนิดเช่นเด็กอายุ 0-2ปี กลัวเสียงดัง คนแปลกหน้า  เด็กอายุ 3-6ปี กลัวสิ่งที่คิดหรือจินตนาการเช่น กลัวผี ตัวประหลาด ความมืด กลัวการนอนคนเดียว อายุ 7-16ปีความกลัวที่สอดคล้องความเป็นจริงเช่น กลัวตาย กลัวการบาดเจ็บ กลัวผลการเรียนแย่ กลัวภัยธรรมชาติ จะเห็นได้ว่าความกลัวเริ่มลดลงเมื่อมีวุฒิภาวะ​มากขึ้น แต่ความกลัวบางอย่างฝังลึกในจิตใต้สำนึก ไม่สามารถอธิบายได้
    จะเห็นได้ว่าความกลัวนั้นเป็นเรื่องเฉพาะส่วนบุคคล
    สังคม ศาสนา หรือวัฒนธรรม

 

กลวิธีเพื่อเอาชนะความกลัว
1.หลีกเลี่ยงดูภาพที่สยดสยองเช่น เครื่องบินตก เพราะจะทำให้กลัวการขึ้นเครื่องบิน
2.การเผชิญกับความกลัวให้เร็วที่สุด เช่น ถ้าถูกสุนัขกัด  ควรรีบเจอสุนัขตัวอื่นๆโดยอยู่กับคนที่ไว้วางใจได้
3.ผู้ปกครองต้องเป็นแบบอย่างในวงจรของความกลัวไม่เช่นนั้นเด็กๆจะซึมซับความกลัวจากผู้ปกครอง
4.ผู้ปกครองหรือคนแวดล้อมให้คำแนะนำที่มีเหตุผล อย่าหลอกให้เด็กกลัว หรือนำความกลัวใส่ลงในความคิดเด็ก
5.เรียนรู้ที่จะเผชิญกับความกลัวถ้าปรารถนา​จะหายจากความกลัวนั้น เช่น การเผชิญกับความกลัวแบบค่อยเป็นค่อยไปและกระทำซ้ำๆ
โดยทำรายการความกลัวออกมาว่ามีอะไรบ้าง
ค่อยๆเผชิญกับความกลัวน้อยๆก่อนและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างทางที่ทำสำเร็จ​ก็ให้รางวัลกับความกล้าหาญเพื่อจูงใจไปสู่เป้าหมายชนะความกลัวให้ได้
6.เรียนรู้เทคนิคผ่อนคลาย โดยปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เช่น

  • เปิดเพลงที่ทำให้คลื่นสมองต่ำเช่น Awakening
  • การนั่งในท่าที่สบายบนก้าวอี้
  • สูดหายใจเข้าออกลึกๆ
  • ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยเริ่มจากหน้า คอ แขน หลัง และขาผ่อนคลาย
  • จินตนาการไปในสถานทีที่สวยงามเช่น ทะเล ภูเขา สวนดอกไม้

การจัดการกับความกลัวนั้นไม่ได้ยากจนเกินไป เพียงแต่ใช้เทคนิค และสร้างกำลังใจเพื่อช่วยให้หายจากความกลัวสิ่งต่างๆได้ โดยใช้ขั้นตอนการประเมินความกลัว การวัดระดับความกลัวและใช้วิธีการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

ความเครียดกับธรรมชาติบำบัด

แชร์ให้เพื่อน

ความเครียดกับธรรมชาติบำบัด

ความเครียดเป็นภาวะของอารมณ์​หรือความรู้สึกของคนที่เกิดขึ้นเมื่อเผชิญกับปัญหาหรือสิ่งเร้ารอบตัว โดยร่างกายและจิตใจจะตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆเช่น  มีการหดตัวของกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วน  ความไม่สบายใจ  วุ่นวายใจ มีความวิตกกังวล
ธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น  มี และเป็นอยู่ตามธรรมดาของสิ่งนั้นๆ เช่น ต้นไม้ คน สัตว์  สภาพภูมิประเทศ ตลอดจน  สีและกลิ่นตามธรรมชาติ
เมื่อร่างกายเผชิญความเครียด ช่วงแรกจะพยายามปรับตัว ถ้าปรับตัวไม่ได้ก็จะมีอาการเจ็บป่วย  เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ขณะที่จิตใจเผชิญความเครียด ช่วงแรกก็พยายามปรับสมดุลของจิตใจแต่เมื่อปรับไม่ได้ก็จะมีอาการซึมเศร้า เกิดความท้อแท้ในชีวิตตามมา
ฉะนั้นมนุษย์จึงเลือกสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นและมีอยู่เพื่อช่วยเยียวยาร่างกายและจิตใจ

ความเครียดใช้ธรรมชาติบำบัดอย่างไร?
1.ทะเล ชายหาด   ภูเขาต้นไม้  สายน้ำ  ลำธาร น้ำตก  ช่วยบำบัดความเครียด

ทะเล ชายหาด  ช่วยบำบัดความเครียด ทะเลเป็นแหล่งน้ำเค็มที่กว้างใหญ่ไพศาลอยู่ติดกับชายหาดมีเม็ดทราย สีขาวใสปกคลุมอยู่ เมื่อเราเดินทางไป  ชายหาดและทะเล  ประสาทสัมผัสทั้งห้าจะรับรู้ เช่น ตามองขึ้นบนท้องฟ้าและน้ำทะเลสีฟ้าคราม จมูกสูดดมกลิ่นอาย​ธรรมชาติ​  ลิ้นสัมผัสถึงความเค็มของน้ำ  หูสัมผัสเสียงคลื่นน้ำทะเลมากระทบชายฝั่ง   ผิวกายสัมผัสกับลมทะเลที่พัดผ่าน ฝ่าเท้าที่เปลือยเปล่า​สัมผัสกับเม็ดทราย ขาวละเอียด ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย สดชื่น   จิตใจโล่ง สบาย

กิจกรรมที่นิยมเพื่อบำบัดความเครียด

  • ว่ายน้ำ เล่นน้ำทะเล บานาน่าโบ๊ท สปีดโบ๊ท
  • ดูปะการังใต้ท้องทะเล
  • เดิน นั่ง นอนเล่น ขี่จักยานบนชายหาด
  • การเล่นโยคะริมทะเล
  • การถ่ายภาพไว้เพื่อรำลึกความทรงจำ

ภูเขา ต้นไม้  ช่วยบำบัดความเครียด    ภูเขาเป็นพื้นดินที่สูงกว่าบริเวณโดยรอบปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ตลอดจนสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก  ร่างกายสัมผัสถึงความสดชื่นของโอโซน​ ที่ต้นไม้ปล่อยออกมาทำให้ผ่อนคลาย สดชื่น  แจ่มใส  กลิ่นอายของทะเลหมอก สายตาสัมผัสถึงใบไม้ ใบหญ้าเขียวขจี มีทั้งต้นใหญ่ ต้นเล็กสลับเรียงรายกันไปอย่างเป็นระเบียบ

กิจกรรมที่นิยมเพื่อบำบัดความเครียด

  • การเดินป่าเพื่อชมนก ชมไม้  ส่องสัตว์
  • การกางเต็นท์​นอนกับธรรมชาติ ป่าเขา ลำเนาไพร
  • นั่งมองทะเลหมอก
  • การเล่นโยคะท่ามกลางต้นไม้
  • การถ่ายภาพไว้เพื่อรำลึก​ความทรงจำ
  • สายน้ำ ลำธาร  น้ำตก  ช่วยบำบัดความเครียด

น้ำตกเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไหลผ่านพื้นที่ลาดชัน ลงมาพื้นดินชั้นล่าง กลายเป็นสายน้ำลำธาร  ร่างกายสัมผัสความเย็น เสียง และละอองของสายน้ำ  ทำให้ร่างกายสดชื่น แจ่มใส

กิจกรรม​ที่นิยมเพื่อบำบัดความเครียด

  • เล่นน้ำตกที่เย็นจัด ตามธรรมชาติ
  • การล่องเรือตามเกาะแก่งเพื่อสัมผัส​ธรรมชาติ​โดยรอบ
  • การถ่ายภาพไว้เพื่อรำลึกความทรงจำ

2.สัตว์เลี้ยงชนิดต่างๆ ช่วยบำบัดความเครียด
สำหรับการเลือกสัตว์เลี้ยงเพื่อช่วยคลายเครียดเช่น
หมา แมว  เนื่องจากสัตว์กลุ่มนี้จะมอบความรักแบบไม่มีเงื่อนไข  รับรู้ถึงความเป็นมิตร ปลอดภัย
แต่สิ่งที่ควรระวังคือโรค อุบัติเหตุต่างๆที่มาพร้อมสัตว์เลี้ยงเช่น หมากัด แมวข่วน กลาก ท้องร่วง

กิจกรรมบำบัดความเครียด

  • การจูง การอุ้ม สัตว์เลื้ยงเพื่อเดินเล่น
  • การเล่นกับสัตว์เลี้ยง
    การนำสัตว์เลี้ยงมาช่วยเยียวยาด้านจิตในกลุ่มผู้สูงอายุ เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือทารุณกรรม  บำบัดด้วยสัตว์เลี้ยงจะช่วยให้รู้สึกปลอดภัย ได้รับความรักแบบไม่มีเงื่อนไข และเด็กสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ด้วย
    สัตว์เลี้ยงที่นิยมนำมาใช้บำบัดเช่น หมา  แมว  ม้า ปลาโลมา เป็นต้น
    การรับรู้สัมผัส​ที่อบอุ่น  เพิ่มความไว้ใจผู้อื่น ปลอดภัย และเป็นมิตร ช่วยให้เด็กเรียนรู้เรื่องสัมพันธภาพ​
    จะเป็นได้ว่าธรรมชาติรอบตัวเราช่วยในการบำบัดความเครียดได้ ขึ้นอยู่กับการเลือกให้เหมาะสมกับจริตของแต่ละบุคคล การมีสัตว์เลี้ยงในบ้านก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยบำบัดความเครียดได้ดีทีเดียว

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน