ผู้ป่วยสมองเสื่อม(Dementia)กับปัญหาการขาดสารอาหาร
สังคมไทยอยู่แบบครอบครัวใหญ่ที่มีทั้งผู้สูงอายุและเด็กทำให้เกิดความยุ่งยากในการจัดเตรียมอาหารที่หลากหลายแต่การดูแลผู้สูงอายุก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องตระหนักเพื่อให้ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยสมองเสื่อมมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ภาวะสมองเสื่อม(Dementia)เป็นภาวะการสูญเสียของเซลล์สมองและการทำงานของสมองที่เสื่อมถอยลง ทำให้การรับรู้ ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล พฤติกรรม อารมณ์ การตัดสินใจ การใช้ภาษา และความบกพร่องในการทำกิจวัตรประจำวันรวมถึงปัญหาด้านการขาดสารอาหาร เนื่องจากผู้ป่วยสมองเสื่อม(Dementia) มีปัญหาด้านการรับรู้และความคิดที่เป็นเหตุเป็นผล ร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยสมองเสื่อม(Dementia) ได้รับสารอาหารลดลง น้ำหนักตัวลดลง ขณะที่ร่างกายมีความต้องการสารอาหารเพิ่มมากขึ้น หากไม่ได้รับการดูแลจะส่งผลต่อปัญหาสุขภาพตามมาได้ ดังจะกล่าวดังต่อไปนี้
ปัญหาด้านการรับประทานอาหารของผู้ป่วยสมองเสื่อม(Dementia)มีดังนี้คือ
1.ผู้ป่วยสมองเสื่อม(Dementia) รับประทานอาหารได้น้อยลง กลืนอาหารได้ยากลำบาก ความอยากในการรับประทานอาหารลดลง ปัญหาอาจเกิดมาจาก ฟันหลุดร่วงตามวัย การบดเคี้ยวอาหารลำบากมากขึ้น ไม่ชินการใส่ฟันปลอม หรืออายในการใส่ฟันปลอม การรับรู้รสชาติอาหาร และกลิ่นของอาหารลดลง ลืมวิธีการรับประทานอาหาร การกลืนอาหารซึ่งเป็นความผิดปกติของการเคลื่อนไหวของลิ้นหรือกราม ทำให้ผู้ป่วยสมองเสื่อมไม่เคี้ยว ไม่กลืนอาหารหรือกลืนอาหารได้ช้า ส่งผลให้เกิดการสำลักอาหารหรืออาหารติดคอได้ เป็นต้น
2. ผู้ป่วยสมองเสื่อม(Dementia)ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละมื้อหรือแต่ละวัน เช่นอาหารที่ให้พลังงานหลักๆเช่น โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต สาเหตุที่ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอเช่น ลืมรับประทานอาหาร ขาดความสนใจในการรับประทานอาหาร หรือไม่สามารถจัดเตรียมอาหารได้เอง ลืมวิธีการปรุงอาหารเป็นต้น
3.ผู้ป่วยสมองเสื่อม(Dementia) มีน้ำหนักตัวลดลง จากการรับประทานได้น้อย ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ที่เกิดจากสาเหตุปัญหาด้าน การกลืนลำบาก ปฏิเสธการกลืนอาหารหรือโรคสมองเสื่อมมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้มวลกล้ามเนื้อของร่างกายลดลงการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวันได้น้อยลงตามมาด้วย
แนวทางการแก้ปัญหาภาวะขาดสารอาหารในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม(Dementia)มีดังต่อไปนี้คือ
1.การประเมินด้านสภาพร่างกายของผู้ป่วยเช่น ติดตามการชั่งน้ำหนักเป็นประจำ การใส่ฟันปลอมกรณีไม่มีฟันช่วยในการบดเคี้ยวอาหาร การดูแลสุขภาพของฟันและช่องปากเพื่อช่วยการรับรู้รสชาติและความอยากอาหารของผู้ป่วยสมองเสื่อม(Dementia)
2.การดูแลด้านอาหารสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม(Dementia) เช่น เตรียมอาหารให้เพียงพอและยืดหยุ่นตามความชอบของผู้ป่วย หรือเพิ่มเวลาในการรับประทานอาหารโดยรับประทานครั้งละน้อยแต่บ่อยครั้งในแต่ละวัน โดยไม่ควรรับประทานเกินหกโมงเย็นเพราะอาจทำให้เกิดปัญหาการย่อยอาหารหรือเกิดกรดไหลย้อนตามมาได้ เป็นต้น
3.จัดเตรียมอาหารอ่อนหรืออาหารที่ย่อยง่าย การเสริมอาหารระหว่างมื้ออาหาร สารอาหารแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่นอาหารประเภทปลา ไข่ตุ๋น น้ำผักหรือผลไม้ปั่น หลีกเลี่ยงการใช้ยาเพื่อกระตุ้นความอยากอาหารในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม(Dementia)เป็นต้น
4.เน้นการจัดอาหารตามความชอบของผู้ป่วย ให้มีความสมดุลและมีความหลากหลายโดยเน้นให้ผู้ป่วยสมองเสื่อม(Dementia)รับประทานอาหารมื้อเช้าเพื่อให้สมองมีน้ำตาลไปเลี้ยง และเสริมอาหารประเภทนมที่มีไขมันต่ำ พืชตระกูลถั่ว เพิ่มอาหารที่มีกากใยสูงช่วยระบบการขับถ่ายเป็นต้น
5.จัดปรุงอาหารจำพวกไข่แดง ผักใบเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วเหลือง ถั่วลิสง กะหล่ำปลี ผลไม้รสเปรี้ยว ผักโขม กวางตุ้ง ผักบุ้ง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารการสื่อประสาทสมองและการหดตัวของกล้ามเนื้อ
6.จำกัดอาหารจำพวก ครีมเทียม มาการีน น้ำตาลทราย อาหารแปรรูป อาหารที่มีโซเดียมสูง
7.เพิ่มอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินต่างๆ ช่วยด้านความจำ เช่น สารสกัดจากใบแปะก๊วย ธัญพืช ข้าวไม่ขัดสี ไข่ ปลา เนื้อไม่ติดมัน
8.การจัดอาหารให้เหมาะสมกับโรคประจำตัวเช่น ผู้ป่วยสมองเสื่อมมีโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตอาจต้องปรึกษาสหวิชาชีพเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารที่เหมาะสมไม่เกิดปัญหาตามมาเป็นต้น
9.จัดสิ่งแวดล้อมหรือสร้างบรรยากาศในการรับประทานอาหารเช่น รับประทานอาหารร่วมกันในครอบครัวตามวิถีชีวิตของผู้ป่วย งดการดูทีวี และหลีกเลี่ยงการวางสิ่งของบนโต้ะอาหารที่ทำให้เกิดความสับสนเช่น ผลไม้พลาสติกเป็นต้น
จะเห็นได้ว่าการดูแลเรื่องอาหารสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม(Dementia)นั้นไม่ได้ยุ่งยากเกินความสามารถของผู้ดูแลเพียงแต่ต้องให้ความสนใจและใส่ใจในภาวะสุขภาพของผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมแค่นั้นเอง
สนใจบทความอื่นๆเกี่ยวกับหัวใจติดตามอ่านได้ที่ healthybestcare.com