นิ่วที่ไต อันตรายมาก หากไม่ป้องกัน

แชร์ให้เพื่อน

นิ่วที่ไต อันตรายมาก หากไม่ป้องกัน

หลายวันก่อนเห็นข่าวคนเป็นโรคนิ่วที่ไตหลายสิบเม็ด ซึ่งก็ตกใจพอสมควร วันนี้ HealthyBestCare จะชวนคุณไปทำความรู้จักโรคนิ่วที่ไต และการดูแลป้องกันเพื่อไม่ให้เป็นนิ่วที่ไต

โรคนิ่วที่ไตเป็นหนึ่งในโรคที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของประชากรโลก โดยทั่วโลกมีคนป่วยด้วยโรคนิ่วที่ไตประมาณ 12% หากเรานึกถึงโรคนิ่วที่ไต เราจะนึกถึงอาการปวดท้อง ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือด หรือ บางคนก็มีอาการไข้หนาวสั่นร่วมด้วย โรคนิ่วที่ไตแม้จะไม่ได้อันตราย ตายง่าย ตายเร็วอย่างโรคหัวใจ แต่โรคนิ่วที่ไตก็เสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น โรคไต ไตวาย โรคหัวใจ เบาหวาน และความดัน เรามาดูกันค่ะว่านิ่วที่ไตเกิดจากอะไร ?

นิ่วที่ไต เกิดได้อย่างไร?

เมื่อได้ยินว่าโรคนิ่วที่ไต หลายคนตั้งคำถามว่า ดื่มน้ำไม่สะอาดหรือเปล่า ? ซึ่งก็อาจจะไม่แปลกที่เราจะสงสัยแบบนั้น เพราะน้ำที่ไม่สะอาด ก็จะมีตะกอนนอนก้น จึงอาจจะทำให้เกิดนิ่วที่ไตได้ ก็ไม่ผิดที่จะคิดแบบนั้น แต่ในความเป็นจริงเป็นแบบนั้นจริงมั้ยเราไปดูกันค่ะ

คนที่ป่วยเป็นโรคนิ่วที่ไต ก็คือมีการสะสมก้อนแคลเซียมที่ไต (ประมาณ 80%) โดยถ้ามีการสะสมก้อนแคลเซียมเล็กน้อยแล้วถูกขับออกไปทางปัสสาวะได้ทุกครั้งโดยที่ไม่มีการอุดตันเราก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรแต่เมื่อไรที่ก้อนมันใหญ่จนไม่สามารถขับออกไปได้เมื่อนั้นคนที่มีนิ่วที่ไตก็จะเริ่มมีอาการอย่างที่เรากล่าวถึงข้างต้นเช่นปวดท้องปัสสาวะไม่ออกปัสสาวะเป็นเลือด

แม้หลาย คนจะคิดว่านิ่วที่ไตเกิดจากการดื่มน้ำไม่สะอาด แต่ในความเป็นจริง สาเหตุหลักของการเป็นโรคนิ่วที่ไต ก็คืออาหารที่มีแคลเซียมออกซาเลตหรือแคลเซียมฟอสเฟตนอกจากนั้นก็จะมีพวกกรดยูริกแมกนีเซียมแอมโมเนียมฟอสเฟตก็ทำให้เกิดเป็นนิ่วที่ไตได้เช่นกันหรือจะเป็นการรวมตัวของก้อนนิ่วทุกชนิดที่กล่าวมาก็ได้เช่นกัน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่วที่ไต มีอะไรบ้าง ?

  • มีประวัติเคยเป็นนิ่วที่ไตมาก่อน มีโอกาสจะเป็นนิ่วที่ไตซ้ำประมาณ 15% ภายในปีแรก และ 50% ภายใน 10 ปี
  • มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนิ่ว โดยพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นนิ่วที่ไตเพิ่มขึ้นถึง 2.5 เท่า
  • มีการรับสารออกซาเลตเข้าไปปริมาณมากซึ่งอาหารผักผลไม้หลายชนิดที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้เดี๋ยววันหลังจะมาแชร์ให้อ่านกันค่ะ
  • ดื่มน้ำน้อยเกินไป
  • มีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • มีโรคประจำตัวได้แก่เบาหวานโรคอ้วนโรคเก๊าท์โรคความดันโลหิตสูง
  • มีค่าความเป็นกรดด่างในปัสสาวะผิดปกติ

การรักษาโรคนิ่วที่ไต

สำหรับนิ่วที่ไต ถ้าเป็นก้อนเล็ก การได้รับน้ำเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะโดยการกินน้ำ หรือ การให้น้ำเกลือ ก็มีโอกาสหลุดออกได้เองแต่ในบางคนที่มีนิ่วที่ไตขนาดใหญ่มากร่างกายไม่สามารถขับออกได้เองก็จำเป็นต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาแบบอื่นๆโดยหมอจะทำการเอกซเรย์หรืออัลตราซาวด์ดูขนาดของนิ่วถ้ามีโอกาสที่ก้อนนิ่วจะหลุดออกได้เองคุณหมอก็อาจจะให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลแต่หากก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่หรือใหญ่มากหมอก็อาจจะทำการรักษาเพิ่มเติมเช่นการสลายก้อนนิ่วโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือบางรายสลายแล้วนิ่วไม่ยอมหลุดคุณหมอก็จะทำการผ่าตัดคล้องนิ่วให้

วิธีการป้องกันโรคนิ่วที่ไต

ก็ต้องลดความเสี่ยงต่างๆลงเช่นหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแคลเซียมออกซาเลตสูงดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายพยายามดูแลสุขภาพไม่ให้ป่วยเป็นโรคอ้วนเบาหวานความดันหรือเก๊าท์

วันนี้เอาความรู้เกี่ยวกับโรคนิ่วที่ไตมาฝากเดี๋ยววันหลังจะเอาเรื่องอาหารที่เสี่ยงเป็นโรคนิ่วที่ไตมาฝากแล้วกลับมาพบกันใหม่นะคะ

By HealthyBestCare

 

แชร์ให้เพื่อน

5 ผักกินดอกปลอดสารพิษ อร่อยดี มีประโยชน์ หาได้ง่าย

แชร์ให้เพื่อน

5 ผักกินดอกปลอดสารพิษ อร่อยดี มีประโยชน์ หาได้ง่าย

ผักส่วนใหญ่เราจะกินใบ หรือผล แต่ก็มีผักบางชนิดที่นอกจากกินใบได้ ดอกของผักเหล่านั้นก็อร่อยไม่แพ้กัน และผักบางชนิด ดอกก็อร่อยกว่าใบก็มี วันนี้ HealthyBestCare จึงเอา 5 ผักกินดอกปลอดสารพิษ อร่อยดี มีประโยชน์ หาได้ง่าย เรามาดูกันเลยค่ะ

  • ดอกแค

ดอกแคเป็นผักกินดอก ที่อาจจะฟังดูโบราณสักหน่อย เด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยสนใจกินมากนัก เพราะดอกแค มีรสขมเล็กน้อย สำหรับเมนูดอกแคที่เรากินบ่อย และคิดว่า อร่อยมาก ๆ ก็คือ ดอกแคต้มจิ้มน้ำพริกปลาทู กับ แกงส้มดอกแค ซึ่งเป็นเมนูดอกแคที่แคลอรี่น้อย เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน จึงเหมาะกับคนที่ต้องการลดหรือ คุมน้ำหนัก นอกจากนั้นดอกแคยังสามารถนำมาทำยำดอกแค ดอกแคชุบแป้งทอด ดอกแคมีประโยชน์ช่วยลดความร้อนในร่างกาย แก้ร้อนใน ช่วยขับพยาธิ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และยังเป็นยาระบายอ่อน จึงเหมาะกับคนที่มีอาการท้องผูกบ่อย อย่างใครที่ดูแลพ่อแม่สูงอายุ จะต้มดอกแคให้รับประทานกับน้ำพริกก็ได้นะคะ จะทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น


  • ดอกสะเดา

ดอกสะเดา เป็นผักกินดอกที่ส่วนใหญ่จะกินร่วมกับใบ แต่ดอกจะมีรสขมน้อยกว่าใบ เมนูดอกสะเดาที่คนนิยมคือดอกสะเดาต้มจิ้มน้ำพริก จะเป็นน้ำปลาหวาน หรือ น้ำพริกปลาทูก็อร่อยเหมือนกัน ดอกสะเดามีฤทธิ์ช่วยขับลม ช่วยให้เจริญอาหาร รักษาอาการร้อนใน แผลในปาก เมนูดอกสะเดาอาจจะเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก เพราะผู้ใหญ่รับรสขมได้น้อยกว่าเด็ก ใครที่รู้สึกเบื่ออาหารจะลองจัดเมนูสะเดาต้มกับน้ำพริกก็ดีงาม สะเดานอกจากประโยชน์เยอะแล้ว ยังเป็นผักขึ้นตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่ไม่มีใครไปฉีดหรือพ่นยา ดังนั้นจึงเป็นผักที่ปลอดสารพิษ


  • ดอกขี้เหล็ก

ดอกขี้เหล็กเป็นผักกินดอกที่กินร่วมกับใบ ส่วนใหญ่ใช้ทำแกงขี้เหล็ก แถวบ้านผู้เขียนมักจะแกงรวมทั้งยอดและใบ การจะกินดอกและใบขี้เหล็กต้องต้มน้ำทิ้งหลาย ๆ ครั้งก่อนนำมาแกง ก็จะช่วยลดความขมได้บ้าง ในใบขี้เหล็กมีสารแอนไฮโดรบาราคอลที่มีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาทอ่อน ช่วยให้หลับสบาย คลายเครียด นอกจากนี้ทั้งดอกและใบ ขี้เหล็กยังมีวิตามินและเกลือแร่ที่ช่วย เช่น ช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิต้านทาน เสริมสร้างกระดูก ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยขับพยาธิ และมีฤทธิ์เป็นยาระบายด้วย โดยส่วนตัวผู้เขียนที่ชื่นชอบแกงขี้เหล็ก มักจะแกงโดยใช้ใบอ่อน ผสมรวมกับดอก มากกว่าจะใช้แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง สรรพคุณที่เห็นทันตาของดอกและใบขี้เหล็กคือช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยให้หลับง่าย และขับถ่ายสะดวก เป็นเมนูที่เหมาะกับผู้สูงอายุอีกแหละค่ะเพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีปัญหาเคี้ยวอาหารลำบากเบื่ออาหารหลับยากท้องผูกง่ายแนะนำให้กินแกงขี้เหล็กมื้อเย็นจะได้หลับสบายตลอดคืนนะคะ


  • ดอกขจร

ดอกขจร บางถิ่นเรียกดอกสลิด หรือ ผักสลิด บางพื้นที่เรียก กะจอน หรือ ขะจอน เมนูดอกขจร ที่ทำง่าย และอร่อยคือ ดอกขจรผัดไข่ ดอกขจรผัดน้ำมันหอย ดอกขจรต้มจิ้มน้ำพริก สำหรับดอกขจรเป็นผักกินดอก ผุ้เขียนไม่เคยเห็นใครกินใบ ดอกขจรไม่มีรสขม แถมรสชาติอร่อย แต่ละเมนูก็ทำง่ายมาก แค่ล้างทำความสะอาดก็นำมาทำอาหารอร่อย ๆ ได้แล้ว ดอกขจรมีทั้งวิตามินเอและวิตามินซีสูง จึงช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างภูมิต้านทาน และยังมีสรรพคุณช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยให้ขับถ่ายง่าย เนื่องจากดอกขจรมีใยอาหารสูง เห็นมั้ยค่ะว่า ดอกขจร ก็เป็นผักกินดอกปลอดสารพิษ อร่อยดี มีประโยชน์ ด้วยนะคะ


  • ปลีกล้วย หรือ หัวปลี

ปลีกล้วย หรือ หัวปลี เป็นหนึ่งในผักกินดอกปลอดสารพิษ อร่อยดี มีประโยชน์ หาได้ง่ายมากด้วย สำหรับปลีกล้วยสามารถกินได้ทั้งสุก และดิบ มีรสชาติฝาดเล็กน้อย หัวปลีดิบกินกับขนมจีนน้ำยา หรือ กินคู่กับผัดไทยก็ดีงาม ส่วนเมนูหัวปลีสุก ต้องเอามาต้มจิ้มน้ำพริก หรือ ไม่ก็เมนูห่อหมก จะหมกห่อใบตอง หรือหัวปลีหมกหม้อก็อร่อยเช่นกัน ห่อหมกหัวปลีหมูสามชั้นแบบใส่หมูน้อย ๆ หรือใครไม่กินหมูก็ใส่ไก่ หรือ ปลาแทน แต่หมกใส่ปลาถ้าไม่เอาก้างปลาออกให้ดี เสี่ยงก้างปลาติดคอ สำหรับประโยชน์ของหัวปลีอ่านต่อได้ อย่าพลาด! 9 ประโยชน์ของหัวปลี อาหารบ้าน ประโยชน์มหาศาลดีต่อสุขภาพ (trueid.net)

ทั้งหมดนี้คือ 5 ผักกินดอกปลอดสารพิษ อร่อยดี มีประโยชน์ หาได้ง่าย อย่างหัวปลี สะเดา ขี้เหล็ก ดอกขจรก็สารพิษน้อย หรือจะเรียกว่าผักปลอดสารพิษเลยก็ว่าได้  ยังมีผักกินดอกอย่างดอกสโนซึ่งเคยได้ยินว่าอร่อยเหมือนกันถ้าใครเคยกินจะมาแชร์ความอร่อยกันได้นะคะแล้วพบกันใหม่ค่ะ

แชร์ให้เพื่อน

รู้จักยอดมันเทศแดง ช่วยล้างพิษ ไม่ควรกินดิบเพราะมีสารไซยาไนด์

แชร์ให้เพื่อน

รู้จักยอดมันเทศแดง ช่วยล้างพิษ ไม่ควรกินดิบเพราะมีสารไซยาไนด์

สวัสดีคะเพื่อนๆ เราชวนกินยอดมันเทศแดง ช่วยล้างพิษ ไม่ควรกินดิบเพราะมีสารไซยาไนด์ เรามาอยู่ฟิลิปปินส์ที่นี่มีใบมันเทศแดงขายตามตลาดสดและห้างสรรพสินค้าทุกจุดในแผนกผักสด ขณะที่เมืองไทยเราไม่ค่อยเห็นวางขายหรือคนนิยมกินเท่าไหร่ เราเลยลองซื้อมาทำเมนูผัดยอดมันเทศแดงไฟแดง อ้าวอร่อยไม่แพ้ผักบุ้งไฟแดงเลยแถมช่วยล้างพิษออกจากร่างกายได้อีกด้วย บางครั้งเราก็นำยอดมาลวกจิ้มน้ำพริก ใส่กับปลานึ่งบ้าง อร่อยมากมีกลิ่นหอมด้วย แต่เราไม่ควรกินยอดมันเทศแดงดิบในปริมาณมากนะคะเพราะมีสารไซยาไนด์อาจเสียชีวิตได้
เรามาดูประโยชน์ของยอดมันเทศแดง ช่วยล้างพิษ ไม่ควรกินดิบเพราะมีสารไซยาไนด์กันเลยคะ


1.ยอดมันเทศแดงสุกช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็นเนื่องจากในปัจจัยคนเราทำงานกับคอมพิวเตอร์  มือถือ การจ้องมองนานๆทำให้สายตาอ่อนล้าการได้รับอาหารอย่างยอดมันเทศช่วยบำรุงสายตาได้ ทั้งยังช่วยการรักษาโรคมองเห็นในที่มืดอีกด้วย
2.ยอดมันเทศแดงสุกช่วยล้างพิษออกจากร่างกาย ระบายท้องหากกินบ่อยครั้งและป้องกันอาการท้องผูก ลดปัจจัยเสี่ยงมะเร็งลำไส้
3.ยอดมันเทศแดงสุกช่วยชะลอวัยและบำรุงผิวพรรณ เนื่องจากในยอดมันเทศแดงอุดมไปด้วยสารอนุมูลอิสระและวิตามินซี
4.ยอดมันเทศแดงสุกช่วยบำรุงเลือดเนื่องจากมีแร่ธาตุเหล็กสูง เหมาะสำหรับหญิงที่เสียเลือดหลังมีประจำเดือนหรือหลังคลอดบุตร
5.ยอดมันเทศแดงสุกอุดมไปด้วยวิตามินบีช่วยต้านอาการซึมเศร้าได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีคนป่วยเพิ่มขึ้น
6.ยอดมันเทศแดงสุกช่วยบำรุงกำลังเพราะอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรท
7.ยอดมันเทศแดงสุกช่วยบำรุงตับให้แข็งแรง
8.ยอดมันเทศแดงไม่ควรกินดิบในปริมาณมากเพราะมีสารไซยาไนด์ อาจทำให้เสียชีวิตได้
มันเทศแดงมีประโยชน์ต่อร่างกายจากหัวยันยอดเลย เราอยู่ฟิลิปปินส์กินยอดมันเทศแดงสุกบ่อยทั้งผัดไฟแดง ลวกจิ้มน้ำพริก นึ่งใส่ปลา ช่วยระบายท้อง และช่วยล้างพิษ บำรุงตับ หากใครได้อ่านบทความนี้ลองหายอดมันเทศแดงมากินดูนะคะ ช่วยล้างพิษออกจากร่างกายได้จริงแต่อย่ากินยอดมันเทศแดงดิบเชียวนะคะ อาจตายได้ถ้ากินในปริมาณมากนะคะ

 

แชร์ให้เพื่อน

9 ประโยชน์และโทษของลำใย กินอย่างไร?

แชร์ให้เพื่อน

9 ประโยชน์และโทษของลำใย กินอย่างไร?

ช่วงนี้ลำไยกำลังออกสู่ตลาดเราจึงมาเล่าเกี่ยวกับ 9 ประโยชน์และโทษของลำไย กินอย่างไร? ลำใยเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอร่อยกินแล้วหยุดไม่ได้ ลำใยเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลตามธรรมชาติและให้พลังงานสูงมีฤทธิ์ร้อนจึงไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีไข้ ไม่สบาย หากกินในปริมาณมากจะยิ่งทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงมากว่าปกติ ลำใยเป็นผลไม้ที่ทุกคนคุ้นเคยมีเปลือกสีน้ำตาลอ่อนเนื้อสีชมพูหรือสีขาวอมเหลืองเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูงและอุดมไปด้วยวิตามินซีสูงและแร่ธาตุอื่นๆ อีกมากมายแต่เราควรเลือกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เราขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงหากไม่สบายหรือเป็นไข้อ่านบทความเพิ่มเติมเรื่อง 10 ผลไม้ไม่สบาย ห้ามกิน! ไม่สบายห้ามกินผลไม้อะไร?

9 ประโยชน์ของลำใยสด กินอย่างไร?

  1. ลำใยสดจัดเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า จึงเป็นผลไม้ที่ช่วยบำรุงกำลัง ให้พลังงานแก่ร่างกาย
  2. ลำใยสดอุดมไปด้วยวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยชะลอวัย ชะลอแก่
  3. กินลำใยสดช่วยรักษาอาการเลือดออกตามไรฟัน ลักปิดลักเปิด เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
  4. กินลำใยสดช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญอาหารให้เกิดพลังงานเร็วขึ้นโดยเฉพาะอาหารประเภทแป้ง
  5. กินลำใยสดช่วยบำรุงเส้นผมและเล็บให้แข็งแรง
  6. กินลำใยสดช่วยบำรุงสายตา ลดอาการเมื่อยล้าของสายตาจากการใช้งานนานๆ
  7. กินลำใยสดช่วยป้องกันและรักษาอาการเหน็บชา
  8. กินลำใยสดช่วยบำรุงสมอง ความคิด สติปัญญาให้ดีขึ้น
  9. เม็ดลำใยมีสารช่วยลดอาการปวดการอักเสบข้อกระดูกและข้อเสื่อม เราสามารถนำเม็ดลำใยแช่ในเหล้าหรือแอลกอฮอล์แล้วนำมาทาบริเวณที่ปวดได้

การรับประทานลำไยสดให้ระวังสารเคมีตกค้างต่างๆ ได้แก่

  • สารเคมีที่เป็นยาฆ่าแมลง เราต้องล้างทำความสะอาดก่อนรับประทาน ห้ามกัดเปลือกลำใย ก่อนรับประทานต้องล้างทำความสะอาดอ่านบทความเพิ่มเติม รีวิว วิธีล้างผัก ผลไม้ ด้วยน้ำส้มสายชู ช่วยลดสารเคมี
  • สารเร่งดอกและโลหะหนักที่ตกค้างอยู่ในดินและน้ำที่ใช้ในการเพาะปลูก เช่น ตะกั่ว สารหนู
  • ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่ใช้รมลำใยสดหากผู้บริโภคได้รับเกินมาตรฐานทำให้มีอาการระคายเคืองทางเดินหายใจ ระคายเคืองตาเป็นต้น

อ่านบทความอื่นๆ ด้านสุขภาพได้ที่ จินตนาการงานเขียน และ HealthyBestCare

แชร์ให้เพื่อน

เมนู ต้มจับฉ่าย น้ำต้มผัก อุดมด้วยวิตามิน บำรุงร่างกาย ขับถ่ายสะดวก ลดอาการท้องผูก

แชร์ให้เพื่อน

เมนู ต้มจับฉ่าย น้ำต้มผัก อุดมด้วยวิตามิน บำรุงร่างกาย ขับถ่ายสะดวก ลดอาการท้องผูก

วันนี้เรามีเมนูแนะนำ อย่างต้มจับฉ่ายทำง่ายๆ อุดมไปด้วยวิตามิน ช่วยบำรุงร่างกาย ลดอาการท้องผูก ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ เพราะผักต้มที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร และใส่เห็ดหอมซึ่งเป็นเห็ดที่มีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะอีกด้วย ต้มจับฉ่ายกินกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวก็อร่อยไม่แพ้กัน ทำง่ายๆ ตุ๋นผักให้นานๆเราจะได้ต้มจับฉ่ายที่มีรสหวาน กลมกล่อมอร่อยมากๆ เหมาะสำหรับวัยทองหรือใครที่มีปัญหาการบดเคี้ยวอาหารช่วยให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้นอีกด้วย

เรามาดูส่วนผสมและขั้นตอนการทำ ต้มจับฉ่าย น้ำต้มผักอุดมด้วยวิตามิน บำรุงร่างกาย ขับถ่ายสะดวก ลดอาการท้องผูก

  • กระดูกโครงไก่หรือกระดูกหมูล้างลวกน้ำร้อนให้สะอาด
  • ผักกวางตุ้ง ผักคะน้า หัวไชท้าว กะหล่ำปลี อ่านบทความ กะหล่ำปลี มีประโยชน์และโทษต่อสุขภาพถ้ากินดิบ หรือผักอื่นๆ ใส่ได้ตามชอบเลย
  • สามสหายได้แก่ กระเทียม รากผักชี พริกไทย บดหรือตำเข้าด้วยกันให้ละเอียด
  • ซอส ผงปรุงรส น้ำมันสำหรับผัด
  • เห็ดหอมล้างให้สะอาด
  • ผักขึ้นช่าย

เรามาลงมือทำ ต้มจับฉ่าย น้ำต้มผักอุดมด้วยวิตามิน บำรุงร่างกาย ขับถ่ายสะดวก ลดอาการท้องผูก กันเลยคะ

  1. ล้างผักให้สะอาดด้วยวิธี รีวิว วิธีล้างผัก ผลไม้ ด้วยน้ำส้มสายชู ช่วยลดสารเคมี พักสะเด็ดน้ำไว้
  2. ตั้งหม้อ ใส่น้ำมันผัดสามสหายให้มีกลิ่นหอม ใส่โครงไก่ หรือกระดูก ผักตามต้องการ เห็ดหอม เติมเครื่องปรุงซอส ผงปรุงรส 
  3. ตุ๋นด้วยไฟกลางไปเรื่อยๆ จนผักนิ่ม ชิมรสชาติ เพียงแค่นี้เราก็ได้เมนูต้มผักอย่าง ต้มจับฉ่าย น้ำต้มผักอุดมด้วยวิตามิน บำรุงร่างกาย ขับถ่ายสะดวก ลดอาการท้องผูก ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้
  4. ตักเสิร์ฟร้อนๆกินกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวอร่อยมาก แถมมีประโยชน์ต่อร่างกาย ย่อยง่ายอีกด้วย

ต้มจับฉ่าย น้ำต้มผักอุดมด้วยวิตามินชนิดต่างๆ และมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยล้างพิษในลำไส้  เป็นอาหารที่ย่อยง่ายดูดซึมได้ดี ลดการทำงานของลำไส้ ช่วยให้การขับถ่ายสะดวก ป้องกันมะเร็งลำไส้ ใครที่ไม่ชอบทานผักสดเราขอแนะนำเมนู ต้มจับฉ่าย ทำง่ายประหยัดเงินในกระเป๋า รสชาติอร่อยด้วย ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ได้คุณค่าอาหารครบถ้วนเก็บไว้กินได้นานยิ่งต้มนานยิ่งอร่อยเลยคะ

แชร์ให้เพื่อน

9 ประโยชน์ของชากระเจี๊ยบแดง ดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำตาลและไขมันในเลือด

แชร์ให้เพื่อน

9 ประโยชน์ของชากระเจี๊ยบแดง ดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำตาลและไขมันในเลือด

กระเจี๊ยบแดงเป็นพืชพุ่มเตี้ยๆ กินได้ทั้งยอดอ่อน ใบอ่อน โดยนำมาใส่ต้มไก่ ต้มปลาช่วยเพิ่มรสชาติความเปรี้ยว ขณะที่ดอกกระเจี๊ยบแดงเราสามารถนำมาทำเป็นเมนูเครื่องดื่มอย่างชากระเจี๊ยบแดงเพื่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำตาลและไขมันในเลือดอีกด้วย ทำง่ายๆเพียงเราเก็บดอกกระเจี๊ยบแดงมาแกะหรือสับแล้วนำไปคั่วให้กรอบแค่นี้เราก็ได้ชากระเจี๊ยบแดงพร้อมชงดื่มเพื่อสุขภาพกันแล้ว หรือเราสามารถซื้อชากระเจี๊ยบแดงสำเร็จมาชงดื่มได้เลย

เรามาดู 9 ประโยชน์ของชากระเจี๊ยบแดงกันเลยคะ

  1. ดื่มชากระเจี๊ยบแดงช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับใครที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวานเราแนะนำให้ชงชากระเจี๊ยบแดงแบบไม่ใส่น้ำผึ้งหรือน้ำตาล ดื่มช่วยลน้ำตาลในเลือดได้ และช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ด้วย
  2. ดื่มชากระเจี๊ยบแดงช่วยลดไขมันในเลือดสูงโดยเราบีบมะนาวหรือเลมอนช่วยเผาผลาญและล้างลำไส้ด้วย
  3. ดื่มชากระเจี๊ยบแดงช่วยดับกระหายและคลายร้อน บรรเทาอาการไข้ตัวร้อน บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ใส่น้ำแข็งหรือดื่มแบบเย็น ช่วยดับกระหายได้ดีเลยทีเดียว
  4. ดื่มชากระเจี๊ยบแดงช่วยป้องกันและบรรเทาอาการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ช่วยขับปัสสาวะและป้องกันการเกิดนิ่ว
  5. ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร
  6. ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงช่วยขับพิษในตับและช่วยบำรุงตับให้แข็งแรง
  7. ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงช่วยรักษาและป้องกันเลือดออกตามไรฟัน
  8. ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงจึงเหมาะสำหรับคนที่เริ่มเข้าสู่วัยทองป้องกันกระดูกเปราะหรือกระดูกพรุน
  9. ดื่มน้ำกระเจี๊ยบแดงช่วยปรับสมดุลของร่างกายเพราะอุดมไปด้วยแร่ธาตุโพแทสเซียม แคลเซียมจึงเหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งหายป่วยจากไข้หรืออาการโควิด 19

ข้อควรระวังในการบริโภคชากระเจี๊ยบแดง

  • ต้องระวังสำหรับหญิงตั้งครรภ์เพราะอาจทำให้เกิดการแท้งบุตรได้
  • สำหรับคนที่ต้องเตรียมตัวผ่าตัดควรงดการบริโภคชากระเจี๊ยบแดงเพราะอาจทำให้เกิดน้ำตาลต่ำขณะหรือหลังการผ่าตัดได้
  • เครื่องดื่มชากระเจี๊ยบแดงไม่เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ เพราะจะทำให้ความดันยิ่งต่ำเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
  • สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ใช้ยาคุมน้ำตาลร่วมด้วยควรปรึกษาแพทย์เพราะอาจมีผลกระทบต่อการปรับยาลดน้ำตาลในเลือดได้

กระเจี๊ยบแดงจัดเป็นสมุนไพรในสวนครัวเลยก็ว่าได้เพราะเราใช้ยอดอ่อนมาใส่ต้มปลา ต้มไก่ได้เช่นกัน แถมปลูกง่ายเก็บดอกกระเจี๊ยบมาทำชาดื่มเพื่อสุขภาพอีกด้วย ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าแถมเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย

แชร์ให้เพื่อน

6 ต้นไม้ปลูกระเบียง ช่วยดูดกลิ่นบุหรี่ ดักจับควันท่อไอเสีย

แชร์ให้เพื่อน

6 ต้นไม้ปลูกระเบียง ช่วยดูดกลิ่นบุหรี่ ดักจับควันท่อไอเสีย

สำหรับใครที่อาศัยอยู่ในคอนโดหรือชุมชนที่มีเพื่อนบ้านสูบบุหรี่หรือควันท่อไอเสีย เราเองก็เจอปัญหานี้เช่นกันเราจึงเลือกปลูกต้นไม้ไว้ระเบียงบ้านเพื่อช่วยดูดกลิ่นบุหรี่และดักจับควันท่อไอเสีย ลดปัญหาฝุ่นละออง ควันเข้าบ้าน เรามาดูกันเลยคะ

6 ต้นไม้ปลูกริมระเบียงช่วยดูดกลิ่นบุหรี่ ดักจับควันท่อไอเสีย นั้นมีต้นอะไรบ้าง

1.ต้นหนวดปลาหมึกใบกลม เป็นต้นไม้ที่เติบโตได้ดีในที่ร่มและมีทนแดดทนฝนเหลือเชื่อ ที่ฟิลิปปินส์อากาศแปรปรวนวันนี้ฝนตกพรุ่งนี้แดดออก แต่ต้นหนวดปลาหมึกก็ยังสวยงามใบสีเขียวเข้มเป็นประกายแวววาว การดูแลก็ไม่ยาก เพียงไม่ให้ฝุ่นเกาะเพราะจะทำให้ต้นไม้ยิ่งแข็งแรง ฉีดน้ำล้างใบ นอกจากต้นหนวดปลาหมึกใบกลมจะช่วยกรองควันบุหรี่แล้ว ยังช่วยกรองเบนซีน ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่เป็นสารก่อมะเร็ง ฟอร์มาลดีไฮด์ เราจึงสังเกตเห็นข้างถนนในเมืองมาคาติ ประเทศฟิลิปปินส์นิยมปลูกต้นหนวดปลาหมึกไว้ดักจับฝุ่นและควันพิษริมข้างทางเดินใกล้สวนสาธารณะ


2.พลูด่าง คนนิยมนำพลูด่างมาปลูกประดับภายในอาคารหรือระเบียงบ้านเป็นไม้เลื้อย ห้องน้ำ เนื่องจากพลูด่างจัดวางและตกแต่งได้สวยงาม แถมยังเป็นไม้เลื้อยที่ทำงานได้ดีบนชั้นวางต่างๆ และพลูด่างยังทนทาน ดูแลง่าย ขึ้นได้ทั้งอากาศเย็นจัด และแสงน้อย จึงเป็นพืชที่นิยมปลูกไว้ในร่มซึ่งอับแสงแดดและมีประโยชน์ช่วยดูดกลิ่นอับ กลิ่นบุหรี่ได้ดีมากๆ


3.ยางอินเดีย เป็นที่นิยมปลูกช่วยดูดซับคาร์บอนมอนอกไซด์ในสำนักงาน หรือในบริเวณหน้าบ้าน ยางอินเดียอาจเติบโตจนมีขนาดใหญ่ควรปลูกยางอินเดียในพื้นที่ที่มีบริเวณมาก หากวางไว้ริมระเบียงเมื่อต้นยังเล็กช่วยดูดซับคาร์บอนมอนอกไซด์ได้ดีเยี่ยมเช่นกัน

4.ไพล เป็นสมุนไพรปลูกในกระถางวางริมระเบียงช่วยดักจับฝุ่นควันบุหรี่ แถมเรายังนำเหง้าของไพลมาใช้แก้ขับลม ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดท้องเฟ้ออีกด้วย เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามตัวและลดไข้

5.กระชาย เป็นพืชขนาดเล็กมีใบหนา ช่วยดูดซับฝุ่นละอองและควันพิษได้ดีแถมเป็นสมุนไพรช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยบำรุงร่างกาย กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ช่วยรักษาอาการไซนัสอักเสบ และช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

6.สมุนไพรโสมไทย เป็นไม้ประดับขนาดเล็กปลูกในกระถางวางไว้ริมระเบียง ช่วยดูดซับฝุ่นควัน สังเกตจากใบมีความมันวาว แต่เราควรฉีดน้ำล้างใบช่วยให้โสมไทยเจริญเติบโตได้ดีและไม่เปลืองพื้นที่อีกด้วย ปลูกง่าย โตเร็ว

จะเห็นได้ว่าใน 6 ต้นไม้ช่วยดูดซับกลิ่นบุหรี่ ลดฝุ่นละอองในบ้านช่วยให้อากาศสะอาดขี้น ดีต่อสุขภาพปอดเลยทีเดียว

แชร์ให้เพื่อน

โทษของน้ำตาล ที่ไม่ได้แค่ทำให้เป็นเบาหวาน ”รู้แล้ว มีหนาว!”

แชร์ให้เพื่อน

โทษของน้ำตาล ที่ไม่ได้แค่ทำให้เป็นเบาหวานรู้แล้ว มีหนาว!”

ปัจจุบันเราใช้ในน้ำตาลในการทำอาหารแทบทุกชนิด ทั้งเมนูคาว เมนูหนาว นอกจากนี้ในเครื่องดื่มสำเร็จ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ชาเย็น กาแฟเย็น ล้วนมีน้ำตาลทั้งสิ้น จากรายงานการวิจัยพบว่า น้ำตาลมีโทษมากกว่าประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์เรา และจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่าคนที่ป่วย และเสียชีวิตด้วยโรคที่เกิดจากการกินน้ำตาลที่มากเกินไป มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  วันนี้ HealthyBestCare จะมาชวนคุณผู้อ่านมาพบกับ โทษของน้ำตาล งานนี้บอกเลยว่า รู้แล้ว มีหนาว กันแน่นอนค่ะ

ในแต่ละวันเรารับน้ำตาลอะไรเข้าสู่ร่างกายบ้าง

น้ำตาลที่เรารับเข้าสู่ร่างกายในแต่ละวันมีได้หลากหลายเช่น

  • น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว (monosaccharides) ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคสกาแลกโต๊สฟรุ๊กโต๊ส
  • น้ำตาลโมเลกุลคู่ (Disaccharides) ประกอบด้วย น้ำตาล Sucrose, lactose, maltose, trehalose
  • สารที่ให้ความหวานทดแทนน้ำตาล (Polyols) ประกอบด้วย Sorbitol, mannitol, lactitol, xylitol, erythritol, isomalt, maltitol
  • น้ำตาลอิสระ (Free sugar)  เป็นน้ำตาลที่เติมเข้าไปในอาหารโดยโรงงานผู้ผลิตรวมทั้งน้ำตาลที่ได้ตามธรรมชาติเช่นจากน้ำผึ้งจากผลไม้

โทษของน้ำตาลต่อสุขภาพ

อย่างที่กล่าวตั้งแต่ต้นว่าโทษของน้ำตาลต่อสุขภาพมีมากมายและน้ำตาลไม่ได้ส่งผลให้แค่เป็นโรคอ้วนหรือเบาหวานแต่น้ำตาลมีโทษและส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเรามากกว่านั้นเรามาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

  • โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคต่อมไร้ท่อ และการเผาผลาญอาหาร  34%
  • โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงต่อความเสี่ยงโรคมะเร็ง  30%
  • โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 20%
  • โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคอื่น 10%
  • โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคระบบประสาท 4%
  • โทษของน้ำตาลต่อความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับฟันและช่องปาก 2%

ต่อไปเรามาดูกันค่ะว่าในแต่ละวันเรามีโอกาสได้รับน้ำตาลทางใดบ้าง

  • มื้อเช้า รับประทานข้าว กับ ผัดเปรี้ยวหวาน ทำเอง

ข้าวหอมมะลิหุงสุก100 กรัม มีน้ำตาล 0,1 กรัม  แป้ง 25 กรัมซึ่งแป้งก็สามารถเปลี่ยนน้ำตาลได้เช่นกันลองมาดูกับข้าวผัดเปรี้ยวหวานน้ำตาลจากสับปะรดผักผลไม้อื่นๆและถ้าเป็นคนติดหวานผัดเปรี้ยวหวานจานนั้นก็อาจจะเติมน้ำตาลเข้าไปอีก

  • ซื้อกาแฟ หรือ ชาเย็นไปกินที่ทำงาน

สำหรับกาแฟเย็นหรือชาเย็นก็ขึ้นกับปริมาณน้ำตาลที่เราชอบหวานมากก็รับน้ำตาลเข้าไปมากหวานน้อยก็รับน้ำตาลเข้าไปน้อย

  • มื้อเที่ยง กินข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ดื่มน้ำโค้ก ที่ร้านใกล้ที่ทำงาน

ข้าวเหนียวก็มีทั้งน้ำตาลและแป้งส้มตำน้ำตาลอย่างต่ำหนึ่งช้อนไก่ย่างแบบแซ่บๆก็ผสมรวมในขั้นตอนการหมักนอกจากนี้เรารับน้ำตาลจากน้ำโค้กเข้าไปอีก

  • หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ ซื้อสับปะรด กับฝรั่งไปนั่งกินระหว่างทำงาน

อย่างที่เขียนตั้งแต่ต้น สับปะรดก็มีน้ำตาล ฝรั่งก็มีน้ำตาล แต่น้ำตาลจากผลไม้ก็ยังไม่อันตรายเท่าน้ำตาลที่เติมเข้าไปในอาหาร

  • บ่ายสอง เพื่อนแบ่งเค้กให้ชิม

น้ำตาลจากเค้กก็แบ่งกันรับกับเพื่อนคนละครึ่ง

  • มื้อเย็น แวะซื้อข้าวที่เซเว่นหนึ่งกล่อง ดื่มน้ำเปล่า

ข้าวกล่องที่คนอื่นทำให้กินเพื่อความอร่อยเราก็รับน้ำตาลจากอาหารเพิ่มไปอีกเล็กน้อย

หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จรู้สึกเพลียก็นั่งเล่นเกมส์ดูหนังฟังเพลงต่อและอาบน้ำเข้านอนเพื่อเตรียมตัวไปทำงานวันถัดไป

จากที่เขียนเล่ามาเราก็พอจะรู้ว่าในหนึ่งวันเรารับน้ำตาลเข้าสู่ร่างกายมากน้อยแค่ไหนและเราก็พอจะเดาออกว่าเราเอาพลังงานออกมากน้อยเพียงใดแล้วแบบนี้จะไม่ให้คนยุคใหม่เกิดโรคอ้วนโรคหัวใจเบาหวานความดันมะเร็งมากขึ้นได้อย่างไรในเมื่อถ้าเราเทียบกับสมัยก่อนที่คนไม่นิยมใส่น้ำตาลในการปรุงอาหารและคนสมัยก่อนก็มักจะประกอบอาชีพเกษตรกรรมกินข้าวเยอะแต่ก็เอาออกไปเยอะเช่นกันวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะแล้ววันหลังจะมาแชร์เรื่องโทษของน้ำตาลให้อ่านเพิ่มเติมอย่างไรแล้วอย่าลืมลดน้ำตาลกันนะคะเพราะโทษของน้ำตาลต่อร่างกายมีมากกว่าประโยชน์จริงๆ

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC10074550/#ref24

By HealthyBestCare

แชร์ให้เพื่อน

วิธีกินน้ำมันมะกอก เวอร์จิ้นกับสลัด อาหารคลีน ทำง่าย แคลน้อย ไม่อ้วน

แชร์ให้เพื่อน

วิธีกินน้ำมันมะกอก เวอร์จิ้นกับสลัด อาหารคลีน ทำง่าย แคลน้อย ไม่อ้วน

น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันมะกอก เวอร์จิ้น หรือ น้ำมันมะกอก เอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้น เป็นน้ำมันที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่าเป็นน้ำมันที่ดี มีประโยชน์ เนื่องจากน้ำมันมะกอก เวอร์จิ้น ประกอบด้วยไขมันไม่อิ่มตัวมากถึง 77% และเป็นไขมันที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ วันนี้จึงมาแชร์ วิธีกินน้ำมันมะกอก เวอร์จิ้นกับสลัด อาหารคลีน ทำง่าย แคลน้อย ไม่อ้วน

โดยส่วนตัวเราเอง แม้จะเป็นคนที่ไม่อ้วนไม่ผอม และไม่ได้ชอบกินอาหารทอด อาหารมัน หรือ อาหารผัด แต่ไขมันในเลือดก็สูง ทั้งนี้อาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ ความไม่ชอบออกกำลังกาย และการกินเนื้อหมูที่มากเกินไป เพราะเนื้อหมูเป็นอาหารที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบจำนวนมาก ช่วงหลัง ๆ จึงหันมาปรับเปลี่ยนเรื่องอาหาร โดยเน้นอาหารที่มีประโยชน์ และรับประทานน้ำมันมะกอก เวอร์จิ้นมากขึ้น จึงทำให้ไขมันในเลือดที่เคยสูง ยังสามารถคุมได้ด้วยอาหาร โดยไม่ต้องกินยาลดไขมัน เรามาดูกันค่ะว่า วิธีกินน้ำมันมะกอก เวอร์จิ้นกับสลัด อาหารคลีน ทำง่าย แคลน้อย ไม่อ้วน มีอะไรบ้าง

สลัดผัก สูตรคลีน กินกับน้ำมันมะกอก เวอร์จิ้น

วัตถุดิบ

  • ผักใบเขียว เลือกตามชอบ
  • อโวคาโด  1 ลูกเพราะอโวคาโดมีไขมันไม่อิ่มตัวสูงช่วยลดไขมันเลวและเพิ่มไขมันดีให้ร่างกาย
  • มะเขือเทศส่วนตัวจะกินนานๆครั้งใครชอบมากก็ใส่มากชอบน้อยก็ใส่น้อย
  • พริกหวาน เราชอบกินพริกหวานสีแดงมากกว่าพริกหวานสีเขียว ประโยชน์ และวิธีเลือกพริกหวาน อ่านต่อ วิธีเลือกกิน พริกหวาน ให้ได้ 5 ประโยชน์ต่อสุขภาพแบบเน้น เน้น (trueid.net)
  • ผลไม้ ชอบแอปเปิ้ล เพราะมีความอมเปรี้ยวอมหวาน และเป็นผลไม้เนื้อแข็ง ไม่เละ
  • ข้าวโพดหั่นเอาแต่เนื้อ
  • ถ้าอยากเพิ่มคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้รู้สึกอิ่มท้องใส่มันฝรั่งต้มที่ปล่อยให้เย็นหรือใส่เป็นฟักทองนึ่งก็ดีงามเพราะฟักทองนอกจากมีเบต้าแคโรทีนช่วยบำรุงสายตาแล้วยังเป็นอาหารช่วยบำรุงปอดบำรุงผิวพรรณได้อย่างดี

ส่วนประกอบของ Dressing

  • น้ำมันมะกอก เวอร์จิ้น  (Virgin olive oil) หรือ จะใช้ น้ำมันมะกอก เอ็กซ์ตร้า เวอร์จิ้นก็ได้
  • เกลือทะเลเล็กน้อย
  • น้ำส้มสายชูที่ได้จากการหมักองุ่น ( Balsamic Vinegar) ถ้าไม่มีจะใส่น้ำมะนาวเหลืองแทนก็ได้
  • พริกไทยดำ ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ต้องใส่

วิธีทำสลัด

  • ล้างผักให้สะอาดวิธีล้างผักอ่านต่อได้ในรีวิววิธีล้างผักผลไม้ด้วยน้ำส้มสายชูช่วยลดสารเคมีแนบให้ท้ายบทความนะคะ
  • หลังจากนั้นก็หั่นผักทุกชนิดเป็นชิ้นเล็กตามต้องการใส่ถ้วยเตรียมไว้ก่อน
  • ผสมส่วนประกอบของ Dressing น้ำมันมะกอก เวอร์จิ้น และน้ำส้มสายชูที่ได้จากการหมักองุ่น ( Balsamic Vinegar) และพริกไทยดำแล้วชิมตามรสชาติที่ชอบหรือจะใช้วิธีเติมน้ำสะอาดลงไปด้วยหากไม่ชอบรสชาติแบบเข้มข้นมาก
  • คลุกเคล้าน้ำสลัดและผักเข้ากัน
  • ตักใส่จานเสิร์ฟร่วมกับสเต๊กหรือไก่ย่างก็ดีงามค่ะ

วิธีกินน้ำมันมะกอก เวอร์จิ้นกับสลัด อาหารคลีน ทำง่าย สูตรนี้แคลน้อย อิ่ม ไม่อ้วน เพราะการใส่มันฝรั่งที่ต้มสุก ปล่อยให้เย็น แป้งในมันฝรั่งจะเปลี่ยนเป็นแป้งที่ทนต่อการย่อยเมื่อรับประทานเข้าไป มันฝรั่งจะถูกส่งต่อไปที่ลำไส้ใหญ่ โดยไม่ผ่านการย่อยที่กระเพาะและลำไส้เล็ก ซึ่งจะดีต่อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ โดยมันฝรั่งนี้จะทำหน้าที่คล้ายพรีไบโอติก ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่านอกจากทำให้ร่างกายได้รับแป้งน้อย ไม่ทำให้อ้วน ยังจะช่วยป้องการเกิดมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ด้วย ถ้าใครไม่มีมันฝรั่ง ใส่ฟักทองไปแทนก็ดีงาม เพราะฟักทอง 100 กรัมให้พลังงานเพียงแค่ 26 กิโลแคลอรี่ ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น ประโยชน์ของฟักทองอ่านต่อได้ในบทความที่แนบให้ล่างนี้นะคะ

บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง

By HealthyBestCare

แชร์ให้เพื่อน

ชวนดื่ม ชามะขาม น้ำผึ้ง ช่วยดีทอกซ์ลำไส้ ผิวพรรณสดใส

แชร์ให้เพื่อน

ชวนดื่ม ชามะขาม น้ำผึ้ง ช่วยดีทอกซ์ลำไส้ ผิวพรรณสดใส

สวัสดีคะเพื่อนๆ วันนี้เรามีเมนู ชวนดื่ม ชามะขาม น้ำผึ้ง ช่วยดีทอกซ์ลำไส้ ผิวพรรณสดใส แก้อาการท้องผูก ไม่ลองไม่รู้ พอเราเริ่มมีอายุมากขึ้นปัญหาเรื่องท้องผูกเริ่มมีบ่อยขึ้น จากระบบการย่อยอาหารที่ช้าลง ทั้งที่เราเลือกกินอาหารพวกผักใบเขียวบ่อยขึ้น ลดเนื้อสัตว์หันมาบริโภคโปรตีนจากถั่วบ้างบางครั้งก็มีอาการท้องผูก เราไม่อยากพึ่งยาระบาย เราเลือกเข้าครัวมองหาสมุนไพรอย่างมะขามเปียกมาต้มดื่มเป็นชามะขาม น้ำผึ้ง เพื่อช่วยดีทอกซ์ลำไส้แก้อาการท้องผูก หลังจากดื่มประมาณ 2 ชั่วโมงช่วยล้างดีทอกซ์ลำไส้ได้ดีเลยทีเดียว แถมช่วยให้มีผิวพรรณสดใสเพราะขับถ่ายทุกวัน

เรามาดูส่วนผสมกันเลย

  • มะขามเปียกขีดแกะเม็ดออก
  • น้ำตาลทรายแดงช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่าแก้ว
  • ชาสำเร็จรูปห่อ
  • น้ำผึ้ง

วิธีทำ ชามะขาม น้ำผึ้ง แก้ท้องผูก ดีทอกซ์ลำไส้  ผิวพรรณสดใส

  1. ต้มน้ำเดือดใส่มะขามเปียกต้มน้ำเดือดนาน 5 นาที
  2. ใส่น้ำตาลทรายแดงต้มให้น้ำตาลละลายแล้วกรองเอาแต่น้ำไปชงชาสำเร็จรูป
  3. ใส่น้ำผึ้งตามชอบระวังหวานเกินไป หากเป็นเบาหวานเราไม่แนะนำให้ใส่น้ำตาลหรือน้ำผึ้งอาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงได้
  4. แค่นี้เราก็ได้ยาระบายอ่อนๆ ดื่มชามะขาม น้ำผึ้ง ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก แน่น อึดอัด กินก่อนนอนเป็นยาระบายได้อย่างดีมาก
  5. เราสามารถน้ำไปแช่เย็นไว้ดื่มได้เช่นกัน

ชามะขามน้ำผึ้ง จัดเป็นเครื่องดื่มช่วยดับกระหาย แก้ไอ ละลาย ขับเสมะ มีวิตามินซีสูงช่วยป้องกันหวัด รักษาและป้องกันโรคโลหิตจางและเลือดออกตามไรฟัน มีผิวพรรณสดใส ลดปัญหาท้องผูก และเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกบ่อย ชามะขามน้ำผึ้งจัดเป็นยาระบายอย่างอ่อนหากใส่ในปริมาณเหมาะสม ช่วยลดอาการท้องผูก ล้างหรือดีทอดซ์ลำไส้

เราดื่มชามะขามน้ำผึ้ง ช่วงที่มีอาการท้องผูกช่วยระบายท้องได้ดี ลดอาการอึดอัดไม่สบายท้อง เราเคยทำชามะขามน้ำผึ้งให้แม่ที่สูงอายุ ไม่มีฟันบดเคี้ยวอาหารและเกิดอาการท้องผูกบ่อย แต่เราลดปริมาณมะขามเปียกลง ดื่มช่วยลดอาการแน่นอึดอัด แน่นท้อง ท้องผูก หลังดื่มชามะขามน้ำผึ้งประมาณหนึ่งชั่วโมงช่วยขับถ่ายออกได้ สบายท้อง ลดอาการแน่นอึดอัด แต่มีข้อควรระวังสำหรับเด็กหรือคนชราให้ใช้มะขามเปียกลดลงตามส่วนเพราะอาจทำให้ถ่ายท้องมากเกินไปเกิดอันตรายได้

แชร์ให้เพื่อน