เลือกกิน ผัก ผลไม้อย่างไร? ไม่ทำให้เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึง

แชร์ให้เพื่อน

เลือกกิน ผัก ผลไม้อย่างไร? ไม่ทำให้เข็มขัดสั้นคาดไม่ถึง

        ประเทศ​ไทยเป็นประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์​อย่างแท้จริง​ สมกับคำเล่าลือที่ว่า”ในน้ำมีปลาในนามีข้าว บนต้นไม้มีลิง เอ้ย ไม่ใช่ มีผลไม้หลากหลายชนิด ทั้งผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำและผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ประเทศไทยมีภูมิประเทศ​ที่เหมาะสำหรับการปลูกพืชผักผลไม้ที่มีความต้องการความชื้นสูงอย่างทุเรียน เงาะในแถบภาคตะวันออกและภาคใต้ ผลไม้ที่ชอบอากาศ​ร้อนแห้งที่ราบสูงก็เหมาะในการเพาะปลูกในแถบภาคอีสาน แถมผลไม้ที่ออกดอกผลได้ดีในแถบอากาศ​หนาวเย็นแต่ไม่มีหิมะตกที่เป็นอุปสรรค​ต่อการเจริญเติบโตของพืชผักผลไม้อย่างภาคเหนือของไทย เช่น องุ่น ส้ม ลำใย  สตรอเบอรี่​ เชอร์รี่​ เป็นต้น

     ผลไม้ ผักที่ให้พลังงานสูงควรเลือกรับประทานแต่พอเหมาะ ไม่ควรรับประทานมากเกินไป ไม่เช่นนั้นอาจเกินปัญหาเข็มขัดสั้น เพราะคาดไม่ถึงได้

1.ผลไม้ประเภทกล้วย ได้แก่ กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า เพราะการรับประทานกล้วยจะช่วยให้อิ่มท้องนาน สังเกต​จากการเลี้ยงเด็กด้วยกล้วยน้ำว้าสุกจะทำให้เด็กนอนหลับปุ๋ย​เลยทีเดียว กล้วยหอมหนึ่งลูกให้พลังงานถึง 120 กิโล​แคลลอรี่​เลยนะ

2.ทุเรียน ทุเรียนจัดว่าเป็นราชาแห่งวงการผลไม้เลยก็ว่าได้ นอกจากจะมีกลิ่นหอม ย้ำกลิ่นหอมสำหรับคนชอบกินทุเรียน และรสชาติ​หวานมัน อร่อย กลมกล่อม แถมมีราคาแพงอีกต่างหาก ถึงขั้นจัดทัวร์​กินทุเรียน หรือมีการซื้อขายล่วงหน้าตั้งแต่เริ่มออกดอกเพื่อส่งออกไปจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีประชาการพันล้านคน เนื้อทุเรียน 1 พูเล็กให้พลังงานถึง 60 กิโล​แคลลอรี่​ซึ่งหากเริ่มได้กินแล้วแค่พูเล็กคงอร่อยจนฉุดไม่อยู่ต้องกินพูที่สองและสามแน่ๆเลย

3.มะม่วงสุก มะม่วงสุกนี่ก็เป็นผลไม้ที่มีวิตามินเอ บี ซี และเป็นผลไม้ที่คนโบราณ​นิยมกินกับข้าว จนมีเมนู​ข้าวเหนียวมะม่วงของไทยดังไปทั่วโลกเลยก็ว่าได้ แถมราคาถูกมากหรือแบ่งกันกินในบางปีแถบพื้นที่ชนบท มะม่วงสุก 1 ลูกให้พลังงาน 120 กิโลแคลอรี่เช่นกัน อย่างประมาทเชียวนะ

4.มะละกอ มะละกอนี่กินได้ทั้งผลดิบและผลสุก สำหรับผลสุกของมะละกอ 8 ชิ้นให้พลังงาน 60 กิโลแคลอรี่​ดีหน่อยตรงที่เนื้อมะละกอสุกมีเส้นใยและกากใยช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี

5.ฝรั่ง มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว กินจิ้มพริกเกลือ หรือน้ำปลาหวานอร่อยอย่าบอกใครเชียว เดี๋ยวเพื่อนแย่งกิน ช่วยให้ตื่นตัว กระปรี่กระเปร่า​ แต่ให้พลังงานไม่เบาเหมือนกัน ฝรั่ง 1 ผลให้พลังพลังงาน 120 กิโลแคลอรี่​เลยเชียว สาวๆอย่าหยิบเพลินเพราะอาจทำให้หุ่นเอวบางร่างน้อยเป็นคาดไม่ถึงเพราะเข็มขัดสั้นได้

6.ผักที่แปรรูป​จากมันฝรั่งทอดกรอบคลุก ขายในแบรนด์​โปเตโต้คอนเนอร์​ นี่ก็ให้พลังงานเยอะเช่นกัน เฟรนซ์ฟรายส์ 100 กรัมให้พลังงานสูงถึง 300 กิโลแคลอรี่​เลยทีเดียว เวลากินก็แบ่งกันหลายๆคนเพราะจะได้กระจายพลังงานออกไปแถมรวยเพื่อนอีกด้วย

7.ข้าวโพด ข้าวโพด 100 กรัมให้พลังงานสูงถึง 90 กิโลแคลอรี่​ หากเป็นข้าวโพดอบเนยยิ่งให้พลังานเพิ่มขึ้นสาวๆนั่งดูหนัง ดูทีวีอย่างหยิบเพลินเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนนะคะ
อย่าคิดว่ากินผัก ผลไม้มากๆ ไม่ทำให้เข็มขัดสั้น คาดไม่ถึง เราต้องเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม​ด้วย ไม่เช่นนั้นจะเกินปัญหาคาดไม่ถึง เพราะเข็มขัดสั้น คืออ้วนนั่นเองคะ

 

แชร์ให้เพื่อน

อะไรเอ่ย ไม่ลองไม่รู้ “รากหอมชู” ช่วยลดคอเลสเตอรอล

แชร์ให้เพื่อน

อะไรเอ่ย ไม่ลองไม่รู้ “รากหอมชู” ช่วยลดคอเลสเตอรอล

     เคยสังเกตุ​นักกินอาหารโชว์​ตามช่องยูทูบต่างๆไหมคะ เวลาเค้ากินอาหารโชว์จำพวกอาหารทะเลซึ่งมีระดับคอเลสเตอรอล​ที่ค่อนข้างสูงกว่าอาหารชนิดอื่นๆ เค้ามักจะเลือกกินรากหอมชูเป็นผักเคียงด้วยเพราะว่ารากหอมชูสามารถชอบลดคอเลสเตอรอล​ได้นั่นเอง ระดับคอเลสเตอรอล​ในเลือดที่สูงขึ้นจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคในระบบหัวใจและหลอด เช่นโรคหัวใจ โรคไขมันมันในเลือดสูง และมีประโยชน์อีกมากมายเลยทีเดียว
      ผู้เขียนสังเกตุเห็นว่า รากหอมชูในปัจจุบั​นนี้มีขายเกือบทุกที่ตามห้างสรรพสินค้า​ ตามตลาดสด และตลาดนัดขายผักยังมีขายเลย ที่ห้างในประเทศ
ฟิลิปปิน​ส์ก็มีรากหอมชูขายเช่นกัน แสดงว่ารากหอมชูนี่เป็นสมุนไพร​ที่ยอมรับกันเแพร่หลายในภูมิภาค​เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
      รากหอมชูชอบขึ้นบริเวณที่มีความชื้นสูง ไม่ชอบน้ำท่วมขัง จึงทำให้รากหอมชูมีสีขาวอวบอิ่มน่ารับประทาน​ สามารถขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ​ ต่อมาเมื่อผู้คนนิยมรับประทานมากขึ้น จึงมีการปลูกในเชิงธุรกิจมากขึ้นอย่างแพร่หลายในแถบเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


      รากหอมชูสามารถกินได้ทั้งสด ต้ม ผัด หรือกินเป็นผักสลัดก็ได้เช่นกัน คุณประโยชน์​ของรากหอมชู นอกจากจะช่วยในการลดคอเลสเตอรอล​ในเลือดแล้ว ยังช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย ช่วยให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
     เนื่องจากรากหอมชูมีสารต้านอนุมูล​อิสระ​ต้านการอักเสบติดเชื้อ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก  จึงมีการพกติดตัวรากหอมชูตากแห้งเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร​สำหรับการเดินทางไกล รากหอมชูมีลักษณะ​อวบอิ่มน้ำจึงสามารถช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายและช่วยลดอาการปวดศีรษะ ลดความดันโลหิตได้โดยการนำรากหอมชูมาตำให้แหลกแลัวพอกบริเวณหน้าผากเพื่อระบายความร้อนและลดอาการปวด
รากหอมชูยังช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารคล้ายต้นหอมจึงสามารถใช้ปรุงอาหารจำพวกปลาเพื่อดับกลิ่นคาวได้ดีเลยทีเดียว นอกจากสรรพคุณที่กล่าวมาแล้ว ต้นตำหรับสมุนไพรจีนยังมองว่ารากหอมชูช่วยชะลอ​วัยได้อีกด้วย ดังนั้นหากใครที่อยากเป็นสาวพันปี การกินรากหอมชูเพื่อประโยชน์ด้านการชะลอวัยก็น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะราคาไม่แพงแถมยังหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย ทั้งนี้ก็ควรกินแต่พอประมาณ ไม่ใช่กินเยอะเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ควรกินให้เกิดความสมดุลในร่างกายดีกว่าคะ ควรกินอาหารให้ครบหลักห้าหมู่และดื่มน้ำให้เพียงพอ​ต่อความต้องการในแต่ละวันด้วย

 

แชร์ให้เพื่อน

รับพิษไซยาไนด์​ในอาหารไม่รู้ตัว หากไม่รู้

แชร์ให้เพื่อน

รับพิษไซยาไนด์​ในอาหารไม่รู้ตัว หากไม่รู้

    หากไม่เกิดเรื่องการวางยาไซยาไนด์​ขึ้น คนคงไม่ได้ตระหนักเรื่องพิษสารไซยาไนด์​ต่อสุขภาพที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยถึงขั้นเสียชีวิตหากได้รับในปริมาณมาก สารไซยาไนด์​(cyanide) เป็นสารเคมีที่มีพิษสูง สามารถพบได้ตามธรรมชาติในอาหารที่นำมารับประทานในบางกลุ่มที่มีกระบวนการทำให้สุกแบบไม่ถูกวิธี
      เคยมีหนังเรื่องหนึ่ง ที่ลูกของเหยื่อโดนทำร้ายแล้วไม่สามารถใช้กระบวนการยุติธรรม​จัดการกับคนร้ายได้ แม่ของเธอจึงใช้สารไซยาไนด์​ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ​เพื่อแก้แค้นฆาตกร​ที่ทำร้ายลูกของเธอโดยไม่สามารถหาตัวฆาตกร​ได้ เพราะเธอมีความรู้เรื่องของสาร​ไซยาไนด์​ที่มีอยู่ตามธรรมชาตินั่นเอง ผู้เขียนไม่ขอสาธยาย​หากใครอยากรู้ ลองดูหนังเรื่อง”MOM #มนุษย์​แม่ล่าดับแค้น” แล้วคุณจะเสียน้ำตาให้กับเหยื่อที่กลายเป็น​ฆาตกรเพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อลูกของเธอ เหยื่อที่โดนสารไซยาไนด์​ถึงขั้นเป็นอัมพาต​เลยทีเดียว

    สารไซยาไนด์​ตามธรรมชาตินั้นมีอยู่ในอะไรบ้างเรามาดูกันเลยคะ

1.หน่อไม้ตามธรรมชาติ​หรือตามท้องตลาดที่เตรียมไม่ถูกวิธี ช่วงนี้เป็นต้นฤดูฝน หลังการเผาป่าหน้าร้อนหรือภัยธรรมชาติผ่านไป เมื่อป่าเจอน้ำฝน หน่อไม้ตามธรรมชาติงอกสวยงาม คนที่ชอบรับประทาน​อาหารป่าอย่างแกงหน่อไม้ หมกหน่อไม้ ซุปหน่อไม้​ต้องระมัดระวังกันหน่อยหากว่าขั้นตอนการเตรียมก่อนนำมาปรุงไม่ถูกวิธีอาจทำให้ได้รับพิษจากสารไซยาไนด์​ในหน่อไม้ได้โดยไม่รู้ตัว

2.มันสำปะหลัง​ ผู้เขียนเคยประสบพบเจอด้วยตนเองสมัยตอนเด็ก มีครอบครัวหนึ่งกินมันสำปะหลัง​ต้มแล้วมีอาการเมาตามภาษาของชาวบ้าน มีอาการคลื่นไส้​อาเจียน เวียนศีรษะ​ดีที่ล้างพิษได้ทัน ปัญหาเกิดจากการไม่ทราบวิธีการเตรียมหรือไม่ทราบชนิดของมันสำปะหลัง​แบบใหนสามารถทานได้หรือทานไม่ได้ ตามท้องตลาดที่ทำขนมหวานนั้นเป็นมันห้านาทีซึ่งมีสารไซยาไนด์​ตามธรรมชาติน้อยกว่าชนิดอื่นที่นำมาผลิตแป้งมันสำปะหลังนั่นเอง อีกชนิดหนึ่งไม่กล่าวถึงไม่ได้แล้วเพราะผู้เขียนได้เกริ่นถึงหนังเรื่องที่เกียวข้องกับไซยาไนด์​นั่นคือผลไม้ที่แม่มดใช้เป็นเครื่องมือทำร้ายสไนไวท์นั่นเอง

3.ผลไม้ องุ่น แอปเปิ้ล ในเมล็ดขององุ่น แอปเปิ้ล​จะมีสารไซยาไนด์​อยู่ ห้ามรับประทาน แต่อาจพบเจอได้ในเด็กที่ไม่รู้และเข้าใจ หยิบองุ่น แอปเปิ้ล​กินทั้งลูก อาจเผลอเคี้ยวเมล็ดเข้าไปแลัวเกิดได้รับพิษตามธรรมชาตและเป็นอันตรายต่อเด็กได้

4.ยอดของต้นมันสำปะหลัง​ จะเห็นว่าบางพื้นที่มีการต้มยอดมันสำปะหลัง​จิ้มน้ำพริกเป็นผัก อันนี้ก็ต้องระวังเช่นกันเพราะ หากเก็บยอดมันสำปะหลัง​ชนิดที่มีสารไซยาไนด์​อยู่อาจก่อให้เกิดอันตรายตามมาได้

5.ถั่วบางประเภท​ก็มีสารไซยาไนด์​เช่นกัน สามารถอ่านในบทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสารไซยาไนด์​ตามธรรมชาติได้
แม้มองว่าสารไซยาไนด์​ตามธรรมชาติ​อาจไม่ก่อให้เกิดอันตรายได้ทันทีทันใด หากรับในปริมาณ​น้อยๆ แต่ถ้าร่างกายได้รับพิษสะสมไปเรื่อยๆ ก็สามารถก่อให้เกิดพิษที่รุนแรงได้เช่นกัน คุณอาจไม่ได้โชคดีอย่างสโนไวท์​ก็ได้นะคะ

แชร์ให้เพื่อน

คุณทราบหรือไม่? ทำไมถึงต้องบริหารปอดหลังป่วยโควิด 19

แชร์ให้เพื่อน

คุณทราบหรือไม่? ทำไมถึงต้องบริหารปอดหลังป่วยโควิด 19

   เชื้อโรคโควิด 19 เป็นเชื้อไวรัสที่พบการแพร่ระบาดในช่วง 4 ปีที่ผ่านร่วมกับปัญหาฝุ่นละอองPM2.5 ในการติดเชื้อไวรัสโควิด19 แต่ละครั้ง บางคนมีผลกระทบมากน้อยไม่เท่ากัน แต่ที่ได้รับข้อมูล ที่หนาหูมากขึ้นตามสื่อออนไลน์ต่างๆ​นั่นก็คือเรื่องของอาการที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องหลังจากติดเชื้อและป่วยด้วยโรคโควิด 19 ด้านความผิดปกติของปอดและหัวใจนั่นเอง

อาการที่พบเกี่ยวกับความผิดปกติของปอดและหัวใจได้แก่
1.อาการอ่อนเพลีย​ เหนื่อยง่ายกว่าปกติ
2.อาการหายใจเหนื่อยหอบ ซึ่งเป็นปัญหา​ของระบบทางเดินหายใจ ปัญหานี้เกิดขึ้นโดยตรงกับผู้เขียนเอง คือเหนื่อยหอบ หายใจไม่ทันแม้ว่าก่อนป่วยยังเดินขึ้นได้ปกติไม่ได้เกิดอาการหอบเหนื่อยอะไร
3.อาการใจสั่น รู้สึกแน่น อึดอัดบริเวณหน้าอก ปัญหาการแน่นอึดอัด พบมากขึ้นเมื่อเจอฝนละออง PM2.5 และหมอกควัน ฝนตกอากาศอับชื้น
4.ปัญหาด้านความจำสั้น สมาธิสั้น ปัญหาด้านนี้เห็นได้อย่างชัดเจนคือการจำระหัสต่างๆ แม้มีเพียงสี่ตัวเลขก็ทำให้งงๆ สลับสับสน
5.มีไข้ ไอ ปวดหัว เจ็บคอ อาการไข้ ตัวร้อนรุมๆเหมือนมีไข้ช่วงเป็นโควิดแต่พอตรวจก็ไม่พบเชื้อ
6.การรับรส ได้กลิ่นลดลง ประเด็นการรับรสนั้นก่อให้เกิดความเบื่ออาหาร ไม่รู้สึกอยากรับประทานทั้งกลิ่นอาหารก็ได้รับเปลี่ยนไปและลดลง
7.ปวดตามข้อต่อต่างๆ อาการปวดตามข้อพบได้บ่อยคือข้อนิ้วมือทั้งสองข้าง
8.เวียนศีรษะ วิงเวียนศีรษะ​บ้านหมุนบ่อยๆ เมารถเมาเรือ เมาเครื่องบิน จากเดิมไม่เคยเป็น
9.นอนไม่หลับ หรือหลับยาก วิตกกังวล ซึมเศร้าปัญหาการนอนหลับยากถึงขั้นต้องกินยาจิตเวชเลยทีเดียว

    จะเห็นว่าอาการของลองโควิดที่องค์การอนามัยโลก​ให้ไว้นั้น ถามว่าคนทั่วไปที่ไม่เคยติดเชื้อไวรัสโควิด19 หรือก่อนเชื้อไวรัสโควิดระบาด ผู้คนมีอาการเหล่านี้หรือไม่ คงจะตอบว่าน่าจะมีนะ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เราควรต้องย้อนกลับมาดูว่าก่อนป่วยด้วยโรคไวรัสโควิดเรามีพฤติกรรม​การใช้ชีวิตอย่างไรบ้างและหลังจากป่วยด้วยโรคไวรัสโควิด19 เราเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่แตกต่างจากเดิมหรือไม่ เช่น ขาดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ขาดความสมดุล ด้านพฤติกรรมการบริโภคอาหารจานด่วน สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษฝุ่นละออง PM 2.5 จะเห็นได้ว่าปัญหา​ของฝุ่นละอองนั้นมีผลกะทบต่อปอดโดยตรง ดั้งนั้นเราจึงต้องบริหารปอดให้มีการขยายตัวและสามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดีขึ้น

ขั้นตอนการบริหารปอดแบบง่ายๆหลังตื่นนอนตอนเช้า

1.ออกไปยืนรับแสงแดดยามเช้าในสวนหน้าบ้านเพื่อเพิ่มออกซิเจนในการหายใจ
2.ใช้มือประสานกันหลังศีรษะ สูดหายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอด ท้องป่องขณะหายใจเข้า กลั้นไว้สักพัก แลัวดึงศีรษะ​ลงช้าๆให้คางชิดอก พร้อมกับเป่าลมหายใจออกทางปากช้าๆ ท่านี้จะช่วยให้ปอดขยายตัวด้านหลังทำประมาณ 5 รอบลมหายใจ
3.ยืนขึ้น ตัวตรงแยกขาออกจากกันเล็กน้อย แล้วชูแขนขวาขึ้นแนบใบหู สูดหายใจเข้าลึก แล้วตัวไปทางซ้ายพร้อมกับเป่าลมออกทางปากช้าๆ ดึงตัวกลับพร้อมกับสูดหายใจเข้าลึกทำข้างละ 5 ลมหายใจ ท่านี้จะช่วยให้ปอดขยายตัวด้านข้างนั่นเอง

หากว่าใครที่เพิ่งป่วยด้วยโรคไวรัสโควิด19 ครั้งแรก หรือป่วยมาครั้งที่สองหรือสามแล้ว เราลองนำวิธีการบริหารปอดแบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่มากและสามารถทำได้บ่อยๆ อีกด้วย แล้วจะรู้สึกสดชื่น กระปรี่กระเปร่า​ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขอบคุณที่ติดตามบทความดีๆจากนามปากกาของ Rommyrom​ คะ

 

 

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: ผิวขาว กระจ่างใส ด้วยน้ำมะนาว

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: ผิวขาว กระจ่างใส ด้วยน้ำมะนาว

        น้ำมะนาวมีลักษณะ​สีขาวขุ่น รสชาติ​เปรี้ยวมีส่วนประกอบของกรดผลไม้จำพวกเอเอชเอ ที่เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์​เครื่องสำอาง​หลากหลายยี่ห้อและวางขายตามร้านสะดวกซื้อหรือท้องตลาดทั่วไป ซึ่งกรดผลไม้ช่วยให้ผิวขาว กระจ่างใส เนียนนุ่ม เกิดจากกรดผลไม้ช่วยให้ผิวหนังชั้นกำพร้าที่เป็นเซลล์​เสื่อมสภาพหลุดลอกออก และเกิดการสร้างเซลล์​ทดแทนมาใหม่ ช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้น ลดรอยด่างดำ ลดรอยฝ้าจางลงได้

น้ำมะนาวช่วยในการรักษาร่องรอย​ของสิวและฝ้า โดยใช้น้ำมะนาวคั้นสดเอาแต่น้ำผสมเข้ากับน้ำผึ้ง100%ในสัดส่วนเท่ากัน ล้างหน้าให้สะอาด เช็ดหน้าให้แห้ง ใช้สำลีจุ่มแล้วทาที่หน้าเบาๆให้ทั่วใบหน้าเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ​ 5 นาทีหรือหากรู้สึกแสบให้รีบล้างออกด้วยน้ำอุ่น หลังจากนั้นล้างด้วยน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อปิดรูขุมขน เช็ดหน้าให้แห้ง ทาครีมบำรุงตามปกติ ควรทำสัปดาห์​ละไม่เกินสามครั้ง สิวดีขึ้น และฝ้าจางลง รอยด่างดำจากแผลเป็นของสิวอักเสบจางลง ผิวขาว กระจ่างใสขึ้น

สำหรับเปลือกของมะนาวหลังบีบน้ำออกแล้วสามารถนำมาขัดตัวตอนอาบน้ำได้อีกด้วย ช่วยให้ผิวพรรณสะอาดขึ้น ผิวเกลี้ยงเกลา​ และเนียนนุ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณข้อซอก ข้อพับหรือส้นเท้า

หากต้องการมาร์ค​หน้าก็สามารถทำเองได้เช่นกัน โดยผสมน้ำมะนาว​และไข่ขาวในอัตราส่วนที่เท่ากัน ใช้สำลีแผ่นสะอาดจุ่มน้ำมะนาวที่ผสมไว้แล้วแปะทิ้งไว้บนใบหน้า 5-10 นาที หากมีอาการแสบให้รีบล้างออก พอเริ่มแห้งดึงสำลีออกจากล่างขึ้นบน แล้วล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ตามด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน ซับหน้าให้แห้งทาครีมบำรุงตามปกติ ทำอาทิตย์​ละ 3 ครั้ง ผิวหน้าจะเนียนนุ่ม ขาว กระจ่างใสขึ้น ลดความมันบนใบหน้า รูขุมขนกระชับเล็กลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูขุมขนขยายใหญ่ขึ้นตามวัย

แชร์ให้เพื่อน

อะไรจะเกิดขึ้น หากคุณมีรูปร่างเพรียวบาง

แชร์ให้เพื่อน

อะไรจะเกิดขึ้น หากคุณมีรูปร่างเพรียวบาง

ตั้งแต่เล็กจนโตมาจนถึงปัจจุบัน​นี้คุณเคยมีน้ำหนักขึ้นสูงสุดกี่กิโลกรัม หากใครรูปร่างเพรียวบางมาตลอดจนถึงปัจจุบัน​นี้ถือว่าคุณเป็นคนดูแลรักษาสุขภาพ​ได้ดีมากเลยทีเดียว คนทีมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน​หรือคนอ้วน คงเอ่ยวลีนี้กับตัวเองอยู่บ่อยๆ “ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนี้” หรือ”ฉันอ้วนเพราะฉันกินมากเกินไป” คุณ​รู้หรือไม่ว่าสิ่งเดียวที่คุณต้องทำให้ได้สำหรับคนอ้วนคือกินให้น้อยลง สำหรับอาหารที่คุณชื่นชอบให้รับกินได้แต่ต้องลดปริมาณในการกินเท่านั้นเอง โดยลดสัดส่วนลงเหลือหนึ่งในสาม อาจทำให้รู้สึกหิวอยู่บ้าง แต่น้ำหนักจะค่อยๆลดลงสู่มาตรฐาน​ที่ทำให้เกิดผลดีต่อสุขภาพและคงที่ไม่กลับมาอ้วนอีกครั้ง
ภาวะอ้วนมีผลต่อภาพลักษณ์​ ความรู้สึกเชิงลบต่อตนเอง และความสามารถต่างๆ หากโรคอ้วนเกิดจากพฤติกรรม​การกินตั้งแต่สมัยเด็ก หรือเกิดจากลักษณะ​ทางพันธุกรรม​ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทาย​ในการจัดการกับความอ้วน ฉะนั้นการควบคุมตนเองให้ได้ในการลดความอ้วน​เป็นสิ่งที่ท้าทายและไม่ง่ายเลย หากคุณต้องมีกลุ่มเพื่อเป็นตัวช่วยเช่น กลุ่มลดปริมาณ​การกินอาหาร กลุ่มที่ช่วยกระตุ้นการออกกำลังกาย​เป็นต้น
ความอ้วนเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคต่างๆตามมามากมายเป็นสาเหตุต้นๆที่ทำให้เสียชีวิตอีกด้วย
เราจะไม่อ้วนเลยถ้าหากว่าเรากินอาหารในปริมาณที่เราสามารถออกแรงเพื่อเผาผลาญ​จำนวนแคลอรี่​ที่กินเข้าออกมาได้ทั้งหมด

12 ขั้นตอนที่คุณจะมีรูปร่างเพรียวบางคือ

1.เรื่องของความรู้เกี่ยวกับอาหาร อาหารที่มีแคลอรี่​สูงต่อกรัมคืออาหารกลุ่มไขมัน ขณะที่อาหารที่มีจำนวนแคลลอรี่​เท่ากันต่อกรัมคือโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต
2.การลดน้ำหนักโดยใช้วิธีการรวบรัดเช่น การใช้ยาอาจไม่ได้ผลในระยะยาว คุณอาจลดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ถ้าคุณเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ​เป็นวิธีการเดียวที่คุณจะมีรูปร่างเพรียวบางได้
3.เราต้องเริ่มต้นบันทึกรายการอาหารที่กินในแต่ละวันว่ามีการกินไขมันที่แอบแฝงบ่อยหรือไม่เช่น ข้าวโพดคั่ว มันฝรั่งทอด ขนมอบกรอบ
4.ก่อนกินอาหารที่มีบรรจุภัณฑ์​ ควรเรียนรู้ที่จะอ่านฉลากถึงปริมาณ​แคลลอรี่​ของอาหารนั้นๆทุกครั้ง
5.การออกกำลังกาย​หรือการออกแรง กล่าวคือกินไปแค่ใหนต้องออกแรงเผาผลาญ​แคลลอรี่​เท่านั้นถึงจะมีรูปร่างเพรียวบาง
6.เลือกรับประทาน​อาหารในร้านอาหารในปริมาณ​น้อยๆเลือกอาหารแบบต้ม นึ่ง หรือย่างแทนอาหารผัด หรือทอด
7.การเลือกกินผักและผลไม้ในปริมาณมาก​ขึ้น ลดการกินโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต​ลงเพราะหากเผาผลาญ​ไม่หมดจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกายทันที
8.หากกินอิ่มแล้วให้หยุดกินทันที อย่ากินเพราะว่าคุณเสียดายอาหาร
9.ก่อนรับประทานอาหารให้คุณดื่มน้ำหนึ่งแก้วเพราะจะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น
10.ตรวจสอบอาหารในตู้เย็น อย่าจัดเก็บอาหารไว้มากเกินไป​เพราะเป็นเหตุให้คุณควบคุมตนเองไม่ได้นั่นเอง
11.สิ่งแวดล้อม​ไม่ควรจัดให้กระตุ้นความอยากอาหารเช่น สีแดง ไม่ควรนั่งกินแล้วนั่งดูทีวีหรือเล่นอินเทอร์เน็ต​ไปด้วยเพราะจะทำให้เกิดความเพลิดเพลิน​ในการกิน
12.การใช้พลังจิตเพื่อควบคุมเช่นคุณนึกถึงคนที่รูปร่างเพรียวบาง หรือดูรูปสมัยที่ตนเองเคยผอมหุ่นดี ก่อนเดินออกจากบ้านควรมีกระจกเพื่อส่องทั้งตัวจะได้มีกำลังใจในการดูแลสุขภาพ​เพื่อให้มีรูปร่างเพรียวบาง
จะเห็นว่าการมีรูปร่างที่เพรียวบางนั้นใครๆก็สามารถมีได้หากคุณมีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงตราบใดที่คุณยังทำพฤติกรรม​เหมือนเดิมแล้วหวังผลลัพธ์​ให้เปลี่ยนแปลงคงเป็นไปไม่ได้

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: ผิวสวย กระจ่างใส ด้วยเนื้อมะขามเปียก

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: ผิวสวย กระจ่างใส ด้วยเนื้อมะขามเปียก

มะขามเปียกจัดได้ว่าเป็นสมุนไพรไทย ที่ใช้สำหรับประทินผิวของสตรีไทยตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ​ซึ่งพบเห็นได้จากการขัดผิวของนางเอกในหนังในละครทีวีเรื่องจักรๆวงค์​ๆ
ด้วยที่เนื้อของมะขามเปียกมีคุณสมบัติช่วยในการทำความสะอาดผิวพรรณ​ได้อย่างล้ำลึก ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย​และเชื้อรา เนื่องจากมีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ ช่วยขจัดเซลล์​ผิวหนังกำพร้าที่เสื่อมสภาพเป็นขี้ไคลที่เกาะติดผิวหนังให้หลุดออกได้อย่างง่ายดาย เพราะว่าเนื้อของมะขามเปียกอุดมไปด้วยสารประกอบในผลิตภัณฑ์​ของเครื่องสำอาง​และประทินผิวที่เรียกว่ากรด เอเอชเอ หรือกรดผลไม้นั่นเอง จึงเห็นว่ามีผลิตภัณฑ์​ที่ผลิตจากเนื้อมะขามเปียกเป็นส่วนประกอบออกวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดเช่น สบู่มะขาม ครีมขัดตัวสูตรมะขามเป็นต้น
หากที่บ้านมีเนื้อมะขามเปียกอยู่แล้ว เราสามารถนำมาใช้ขัดผิวโดยแกะเอาแต่เนื้อมะขามเปียกขนาดเท่าลูกปิงปองละลายเข้ากับน้ำอุ่นหากใครต้องการให้ผิวสีออกเหลืองเล็กน้อยให้ใส่ขมิ้นผงผสมประมาณหนึ่งช้อนชา หลังจากนั้นใช้เนื้อมะขามเปียกขัดถูตามเรือนร่างโดยเฉพาะตามข้อพับ และบริเวณข้อศอก ใช้น้ำชโลมกายให้เปียกเล็กน้อยขัดไปเรื่อยๆประมาณ​15-30นาทีหลังจากนั้นอาบน้ำล้างตัวให้สะอาด เช็ดตัวให้แห้งแล้วทาครีมบำรุงเป็นลำดับถัดมา จะเห็นว่าผิวมีความเนียนนุ่ม กระจ่างใส มีความชุ่มชื้น แนะนำให้ขัดอาทิตย์ละไม่เกิน3ครั้งเพราะจะทำให้ผิวแห้งเกินไป

หากต้องการให้รากผมมีความแข็ง ไม่หลุดร่วงง่ายก็ทำได้เช่นกัน โดยใช้เนื้อมะขามเปียกแช่ในน้ำอุ่นให้พองตัวออกเป็นเมือกหลังจากนั้นให้ขยำเนื้อมะขามให้เข้ากันกับน้ำ ให้น้ำมะขามข้นเล็กน้อย หลังจากสระผมสะอาดแล้วนำน้ำมะขามที่เตรียมไว้ชโลมให้ทั่วศีรษะและนวดเบาๆ ใช้ผ้าขนหนูชุบด้วยน้ำอุ่นโพกหัวทิ้งไว้ประมาณ​15 นาทีหลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด
จะเห็นได้ว่าเนื้อมะขามเปียกนอกจากใช้ประกอบอาหาร เป็นยาระบายแถมยังช่วยให้ผิวพรรณกระจ่างใส และรากผมแข็งแรงอีกด้วย ลองนำไปทำดูคะ แล้วจะเห็นลัพธ์​ที่แตกต่าง

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: กินอาหารว่างยามบ่ายอย่างไรไม่ให้อ้วน

แชร์ให้เพื่อน

เคล็ดลับ: กินอาหารว่างยามบ่ายอย่างไรไม่ให้อ้วน

      อาหารว่างยามบ่ายคล้อยช่วยให้เราชนะความหิวและทำงานต่อไปได้อย่างกระปรี่กระเปร่า หลังกินอาหารมื้อกลางวันเต็มอิ่มและยังไม่ถึงเวลาอาหารมื้อเย็น ท้องเกิดร้องโครมครามฟ้องถึงความหิวโหย แถมง่วงเหงาหาวนอน เหมือนน้ำตาลต่ำอีกต่างหาก คงต้องคิดหาอาหารมื้อว่างมาประทั้งความหิวและเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ให้เกิดผล
กระทบต่อแผนการลดหรือควบคุมน้ำหนักให้อยู่หมัด เรามีเคล็ดลับมาบอกคะว่าเราควรต้องทำอย่างไรบ้าง

นักโภชนาการ​ท่านหนึ่งแนะนำไว้ว่า หากเรากินอาหารว่างไม่ให้อ้วนเราต้องจำกฎนี้ให้ขึ้นใจเลยนะสาวๆ หากต้องการหุ่นเพรียว แบบไม่ต้องงดอาหารมื้อว่างยามบ่าย จำง่ายๆคือ กินไม่ให้เกิน 100 แคลลอรี่​ต่อจำนวนหนึ่งชั่วโมง​ก่อนถึงอาหารมื้อหลัก เช่น หากมีเวลาอีกสองชั่วโมงก่อนถึงอาหารมื้อเย็น ก็สามารถกินอะไรก็ได้ที่ให้พลังงาน 200 แคลลอรี่​นั่นเอง เบื้องต้นควรเลือกรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต​ที่มีเส้นใยสูงก่อน อาหารที่กระตุ้นช่วยระบบการขับถ่ายด้วยจะยิ่งดี เช่น ผลไม้ชนิดต่างๆ ต้องระวังผลไม้ที่ให้พลังงานสูงๆ อย่างทุเรียน กล้วย ขนุน เป็นต้น หลังจากนั้นค่อยเลือกทานโปรตีนหรือไขมันที่ดีต่อสุขภาพเพื่อช่วยให้อิ่มท้องได้นานขึ้น ตัวอย่างอาหารที่ให้พลังงาน 100 แคลลอรี่​เช่น แอปเปิ้ล​ขนาดกลาง 1 ลูก นมสดพร่องมันเนย แคร็กเกอร์ธัญพืช​ 5 แผ่น เป็นต้น

ในแต่ละวันเราควรดื่มกาแฟซักถ้วยหากใครที่มีปัญหานอนไม่หลับ อาจเลือกดื่มช่วงเช้าหากดื่มช่วงบ่ายอาจทำให้นอนไม่หลับได้ เรามาดูข้อดีของการดื่มกาแฟวันละหนึ่งถ้วยว่ามีอะไรบ้าง

1.การดื่มกาแฟวันละหนึ่งถ้วย จะช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมสำหรับผู้หญิง​บางคนได้ และช่วยลดการเกิดมะเร็งตับได้ด้วย
2.จากข้อมูลการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพบว่าสารในกาแฟจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารต้านอนุมูล​อิสระ​ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากกาแฟได้มากถึงสามในสี่ส่วนนั่นเอง
3.การดื่มกาแฟวันละหนึ่งถ้วย สามารถช่วยป้องกันผลกระทบจากการมีคอเลสเตอรอล​สูง และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์​อีกด้วย
4.การดื่มการแฟ และการได้กลิ่นหอมของกาแฟช่วยให้ร่างกายเกิดอาการตื่นตัว รู้สึก​ถึงความกระปรี้กระเปร่า​ตั้งแต่ก่อนเริ่มกินอีกด้วย
จะเห็นได้ว่าการกินอาหารมื้อว่างนั้นไม่ได้เป็นปัญหาในการลดหรือควบคุมน้ำหนักสำหรับสาวๆแต่อย่างใด เพียงแต่เราต้องรู้เทคนิคและเลือกอาหารให้ได้พลังงานตามที่แนะนำในหนึ่งชั่วโมง

 

แชร์ให้เพื่อน

เรื่องสั้น หลานสาวจอมซ่าส์​ กะป้าขี้วีน

แชร์ให้เพื่อน

เรื่องสั้น หลานสาวจอมซ่าส์​ กะป้าขี้วีน
ตอน บทนำ

      เรื่องสั้น”หลานสาวจอมซ่าส์​กับป้าขี้วีน” เป็นเรื่องราวระหว่างหลานสาวสองคนวัยเรียนหนังสือชั้นประถมศึกษาที่เริ่มมีอายุย่างเข้าสู่วัยรุ่น(หนูอยากเป็นสาวแล้ว)​ หากแต่ว่าฟันน้ำนมยังหักไม่หมดและฟันแท้ด้านหน้าก็ยังขึ้นไม่ครบจึงมีฟันหน้าค่อนข้างใหญ่เกเรซ้าย เกเรขวาจนได้รับฉายาจากรุ่นพี่ที่โรงเรียนว่า บันนี่เกิร์ล หรือ” เด็กหญิงฟันกระต่าย” นั่นเอง แต่เมื่อมองกลับไปที่รุ่นพี่ก็ไม่ได้แตกต่างกัน ก็ฟันกระต่ายทั้งคู่นั่นแหละ บันนี่เกิร์ลจะมีความแสบเฉพาะตัว คบเพื่อนรุ่นพี่เนื่องจากชอบทำตัวเป็นสาวก่อนวัย บันนี่และพี่สาวเรียนหนังสือโรงเรียนสตรีล้วนแต่ก็ไม่วายพูดถึงแฟนเก่าวัยอนุบาลอยู่เรื่อยๆ ชอบออดอ้อนเอาใจเก่งเมื่อต้องการสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยยกแม่น้ำทั้งห้าจนทำให้ป้าขี้วีนถึงกับใจอ่อนทุกครั้งไป บันนี่มีพี่สาวอายุห่างกันปีครึ่งแต่บันนี่ตัวเล็กกว่าพี่สาวมากจึงโดนพี่สาวแกล้งอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง อย่าว่าแต่พี่สาวแกล้งเลย บันนี่เองนี่ก็ไม่เบาถึงตัวเล็กแต่ก็เล็กพริกขี้หนูนั่นแหละ  ส่วนป้าขี้วีนนี่ก็เป็นฉายาป้าที่มีอายุอานามเข้าสู่วัยทองโดยสมบูรณ์แบบ​ โสดตลอดกาล ไม่เคยมีครอบครัวหรือมีประสบการณ์​ในการเลี้ยงเด็กมาก่อนแต่ป้าขี้วีนก็พอมีความรู้เรื่องการเลี้ยงเด็กอยู่บ้างแหละ แต่การใช้ความรู้กับการเลี้ยงดูในชีวิตจริงก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์​ เรื่องราวและเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรเมื่อหลานสาวจอมซ่าส์​กับป้าขี้วีนต้องมาเจอกัน และใช้ชีวิตร่วมกัน มีทั้งเรื่องราวที่ตลกขบขัน บางครั้งก็มีดราม่า เสียน้ำตากันบ้าง ป้าขี้วีนมักจะพาเด็กๆไปรับส่งที่โรงเรียน พาไปเดินเล่น พาไปออกกำลังกาย  ว่ายน้ำ  สอนหนังสือ รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีก มากมาย รบกวนติดตามชมในตอนต่อๆไปได้เลยนะคะ

ตอน. เสียงไก่ขันเป็นสัญญาณ​วันจากลา

     เอ้กอีเอ้ก เอ้ก!!เอ้กอีเอ้ก เอ้ก!! เสียงไก่ขันดังขึ้นตอนเวลาเช้าตรู่ของวันสุดท้ายในกรุงมะนิลาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ เข้ามาในโสตประสาท​ของห้วงเวลาแห่งการหลับลึก คล้ายกับกำลังฝันว่านอนอยู่ที่บ้านในชนบทแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลแหล่งความเจริญ มักจะมีเสียงไก่ตัวผู้ขันรับกันเป็นระยะ​เพื่อเป็นสัญญานแจ้งเตือนเรื่องเวลา เริ่มตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืนเศษ ป้าขี้วีนลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเอามือขยี้ตาเบาๆ มองภายในห้องที่มีแสงไฟสลัวๆ จากหลอดไฟเล็กๆอยู่ปลายเตียงนอนที่หลานสาวจอมซ่าส์​เปิดทิ้งไว้ทุกคืนเพราะกลัวความมืด “อ้าวเราไม่ได้นอนอยู่ที่บ้านนี่นา แล้วเสียงไก่ขันที่ไหนกัน” ป้าขี้วีนคิดในใจ หลานสาวจอมแสบเอื้อมมือไปกดปิดเสียงนาฬิกาปลุก​ที่วางไว้ข้างเตียงนอน แล้วพูดเสียงเบาๆ ฟังไม่ได้ศัพท์​ “อ๋อ เรานอนอยู่ที่กรุงมะนิลานี่เอง” ป้าขี้วีนเดินทางมาเยี่ยมหลานสาวเป็นเวลาหนึ่งเดือนเศษ แต่เนื่องจากหลานๆ ยังไม่อยากให้กลับเลยขยายวีซ่า​เพื่ออยู่ต่ออีกหนึ่งเดือนนั่นเอง สรุปแล้วรวมๆก็ได้อยู่อาศัยที่กรุงมะนิลาร่วมสองเดือนเศษ
ป้าขี้วีนรีบลุกขึ้นจากเตียงนอน พร้อมกับหยิบผ้าแพรห่มให้หลานสาว​จอมซ่าส์​ที่นอนขวางเตียงอยู่ “ถึงกำหนดต้องเดินทางกลับบ้านแล้วหรือนี่ ทำไมเร็วจังนะ” ป้าขี้วีนรำพึงรำพัน​เบาๆ เดินไปมองที่หน้าต่างกระจกเห็นตึกสูงสองสามตึกเรียงรายมีแสงไฟสว่างไสว ที่สวนสาธารณะ​มีพ่อค้า แม่ค้ากำลังเตรียมของเพื่อขายในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากเป็นตลาดนัดขายอาหารสด อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป รวมถึงของใช้จิปาถะ มีทุกๆวันอาทิตย์ เสียงรถยนต์​ดังสลับกับเสียงคนพูดคุยกันเบาๆ วันนี้เราต้องไปร่ำลาสวนสาธารณะ​ซักหน่อยนะ พร้อมกับรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าสวมใส่ชุดออกกำลังกาย ล้างหน้า แปรงฟัน ใส่รองเท้าผ้าใบที่ชื่นชอบ เปิดประตู​เดินออกจากห้องนอนผ่านห้องครัวเห็นน้องสาวแม่ของหลานสาวจอมซ่าส์​กำลังสาละวน​กับการตีแป้งทำขนมปังเพื่อเป็นของฝากกลับเมืองไทยนั่นเอง “จะเอาอะไรไหม เดี่ยวเราจะไปเดินออกกำลังกายที่สวนสาธารณะประมาณ​ครึ่งชั่วโมง” ป้าขี้วีนเอ่ยถาม “งั้นฝากซื้อนมจืดในร้านจีนหรือที่เซเว่นอีเลฟเว่นมาหนึ่งกล่องนะจะมาทำขนมปังเป็นของฝาก รีบไปแล้วรีบกลับนะเพราะต้องออกจากบ้าน 11.00 น.เพื่อไปสนามบิน เครื่องบิน​ออก 12.55 น.” ป้าขี้วีนลงจากห้องเดินผ่านพนักงานยิ้มกล่าวทักทายตามมารยาท​เป็นภาษาอังกฤษ​ มุ่งหน้าไปที่สวนสาธารณะ​ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับไปซื้อนมกล่องนั่นเอง
     วันนี้บรรยากาศ​ที่สวนสาธารณะ​มีคนออกมาวิ่ง เดิน เล่นโยคะ เต้นแอโรบิก ออกกำลังกายกันหนาตากว่าวันธรรมดา​เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์​ และมีตลาดขายอาหารวันอาทิตย์​ด้วย อากาศ​สดชื่นหลังฝนตกเมื่อคืนนี้ช่วยชะล้างฝุ่นละอองออกไป ต้นไม้ดูเขียวขจีทั่วบริเวณ​สวนสาธารณะ​แห่งนี้ป้าขี้วีนรีบเดินไปที่น้ำพุภายในสวนสาธารณะ​ที่มีปลาหลากหลายสีแหวกว่ายน้ำเล่นอยู่ ป้าขี้วีนหยิบเหรียญ​หนึ่งเปโซ​ออกมาจากกระเป๋าจำนวนสองเหรียญ​พร้อมกับอธิฐานขอพรขอให้มีสุขภาพ​ร่างกายแข็งแรง มีความสุข เดินทางกลับบ้าน​ปลอดภัย มีความเจริญรุ่งเรือง​ในชีวิต นี่ขนาดป้าไม่ค่อยเป็นคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์​เท่าไหร่นัก แต่เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ คิดเข้าข้างตัวเอง พร้อมกับโยนเหรียญ​ที่หนึ่งไปตรงตำแหน่งของน้ำพุพอดี และอีกเหรียญ​หนึ่งโยนไปที่น้ำตกที่มีเต่าหินยักษ์​ตัวใหญ่ตั้งอยู่ เป็นอันว่าจบพิธีการมาขอพรแบบง่ายๆ​สไตล์ของป้าขี้วีน
    “สวัสดีคะ พามิคกี้มาเดินเล่นแต่เช้าเลยนะคะ” กล่าวทักทาย​เพื่อนคนฟิลิปปินส์​ลูกครึ่งไทย ที่อาศัยอยู่ที่นี่นานแล้ว โดยรู้จักกันผ่านหลานสาวจอมซ่าส์​นั่นเอง คนที่ฟิลิปปินส์​นิยมจูงสัตว์เลี้ยงคือสุนัข​ออกมาเดินเล่น​ในสวนสาธารณะ​ บางคนก็จูงสองสามตัวเดินตามหมาและหมาเดินตามมองดูแล้วก็มีความสุขอีกแบบตามสไตล์ของป้าจอมวีนแต่ถ้าให้เลี้ยงคงไม่ไหวเพราะเป็นโรคภูมิแพ้​กำเริบ​บ่อยๆ  ช่วงเย็นๆหลังเลิกงานจะมีกลุ่มคนเลี้ยงสุนัขพาสัตว์เลี้ยง​มาเดินเล่นเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว ตอนแรกคิดว่าเข็นรถเข็น​พาลูกออกมาเดินเล่น ที่ใหนได้ เข็นลูกสุนัขทั้งนั้นเลยที่เข็นลูกจริงมีน้อยมาก ส่วนแมวเหมียวนั้นที่นี่เป็นแมวจรจัดที่อาศัยอยู่ในสวนสาธารณะ​และมีตามถนนหนทางบ้างประปราย​ใกล้ร้านขายอาหาร ประมาณ​ว่าแมวเป็นสัตว์อนุรักษ์​งั้นแหละ มีการสกรีน​รูปแมวไว้ที่ผนังห้องน้ำของสวนสาธารณะ​เลยทีเดียว รีบวิ่งออกกำลังกายได้หนึ่งรอบและเดินรอบสวนอีกหนึ่งรอบพร้อมกับเก็บภาพเพื่อเป็นความทรงจำเก็บไว้ แวะซื้อนมจืดหนึ่งกล่อง เดินเข้าตลาดขายอาหารวันอาทิตย์​ซื้อปานีปูรีเป็นอาหารสตรีทฟู้ด​สุดฮิตของสัญชาติ​อินเดียประกอบด้วยแป้งทอดกลมพองมี 8 ชิ้นกร๊อบกรอบขนาดพอดีคำไส้ทำจากมันฝรั่ง หัวหอมใหญ่ ถัวลูกไก่ ราดด้วยน้ำชัทนีย์​รสชาติเปรี้ยวจากน้ำมะขาม เผ็ดจากเครื่องเทศ​กินแล้วรสชาติขึ้นจมูกดีแท้ จามแล้วจามอีก “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ้ง” เสียงโทรศัพท์​ดังขึ้น ปลายสายคือหลานสาวจอมซ่าส์​นั่นเอง “หนูขอไอศรีม รสมะนิลาอย่างเดียวนะคะ ขอย้ำ รสมะนิลาอย่างเดียวคะ” ที่กินไอศกรีม​เพราะเมื่อวานเพิ่งถอนฟันออกเพิ่มอีกสองซี่รวมๆแล้วก็สี่ซี่แล้วฟันเคี้ยวไม่ค่อยมีสงสารนาง เรื่องไอศกรีม​มีตำนานเพราะว่านางสั่งรสมะนิลาอย่างเดียวแต่พ่อค้าอาจไม่ได้ยินหรืออะไรไม่ทราบตักผสมหลายรสให้นางแต่นางไม่ยอมกินเด็ดขาด ถึงกับยื่นคำขาดว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวหนูจ่ายเอง แต่พอพ่อค้ายื่นไอศกรีม​ให้หันมาบอกป้าว่าจ่ายให้หนูด้วยน้า สงสัยลืมตอนโกรธกลัวต้องกินไอศกรีม​รวมมิตร ป้าขี้วีนเลยต้องกินเอง เพราะพ่อค้าก็ไม่รู้จะขายให้ใครอีก
หลังจากซื้อของในตลาดเสร็จแวะไปซื้อขนมปังร้านปันมะนิลา  เลือกขนมปังชีสกรอบๆหน่อย(Cheesestick Pesto whole) มา 2 แพ็คกินกับกาแฟ โอวัลติน​ เป็นมื้อเช้าอร่อยดี
    กลับมาถึงบ้านเห็นเด็กๆนั่งดูทีวีเรื่องทรามวัยกับไอ้ด่าง รับไอศรีมนั่งกินอย่างมีความสุข ป้ารีบเข้าครัวไปช่วยทำขนมปังและทำกับข้าว เดินออกมาอีกทีเพื่อมากินปานีปูรี แป้งกลมพองหายไปไหน ทำไมเหลือแต่ไส้กับน้ำชัทนีย์​ละ ที่ไหนได้แป้งกลมพองไปอยู่ในมือหลานจอมซ่าส์​นั่งเคี้ยวตุ้ย​ๆ ดูทีวีเพลินเลย เหลืออยู่ 3 ชิ้นรีบนำมาตักไส้ใส่เต็มและตักน้ำชัทนีย์​ราด กินทั้งลูกพอคำ ทันใดนั้นกลิ่นเครื่องเทศขึ้นจมูกจามไม่หยุด คล้ายกับสำลักน้ำชัทนีย์​ คิดในใจสงสัยเราแย่งเด็กมากินหรือเปล่า แต่เด็กจะกินแต่แป้งกรอบเล่นไม่ได้นะ
     วันนี้เมนูผัดกระเพราะไก่ใส่ถั่วฝักยาว ไข่ดาว ฝีมือป้าแต่คนปรุงเครื่องคือน้องสาวอีกตามเคย ใบกระะเพราะนี่ก็ตั้งแต่เมื่อสองเดือนก่อนที่หอบหิ้วมาจากเมืองไทยเด็ดเอาแต่ใบล้างให้สะอาดลวกพอสลบน็อคน้ำเย็นปั้นเป็นก้อนๆแช่ช่องแข็งไว้กินได้เกือบหกเดือนเพราะหิ้วสัมภาระ​มาเยอะโดยเฉพาะใบกระเพราและใบโหระพานั่นเอง
    ขนมปังไส้สลัดทูน่าผักรวม รสชาติอร่อยกลมกล่อมเสียอย่างเดียวไหม้นิดหน่อยเพราะมัวแต่เถียงกันกับหลานสาวจอมซ่าส์​ให้ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกมาส่งป้าขี้วีนขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย เช็คอินผ่านออนไลน์​เรียบร้อยแล้วจึงไม่ได้รีบมากเพราะสนามบินนินิอยอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก
     หลังจากอาบน้ำเสร็จหลานสาวจอมซ่าส์​นางเลือกชุดเซ็กซี่​เสื้อแขนกุด เอวลอยโชว์สะดือ กระโปรงสั้นสีเบท เข้าชุดกับรองเท้าสีชมพูที่เป็นของขวัญจากป้าที่ทำงานในกรุงเทพซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทยตอนคริสต์มาส​และปีใหม่ที่ผ่านมานั่นเอง ขณะที่ป้ากำลังสาละวนกับการแต่่งตัวเพื่อเดินทางอยู่นั้น เสียงแหลมปรี๊ด​ของหลานสาวจอมซ่าส์​ดังขึ้นแสบหู ขี้หูเต้นกระเด็นกระดอน “ป้าจะใส่ชุดนี้ไม่ได้นะคะ มันไม่แมตช์​ชิ่งคะ” พร้อมกับนั่งลงเลือกเสื้อผ้าดึงออกมาจากกระเป๋าใบใหญ่ที่ม้วนพับเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย “อ้าวเสื้อผ้าป้าเละเทะ​หมดแล้ว เก็บเข้าที่เดี๋ยวนี้” ป้าขี้วีน เอ็ดเสียงดัง”หนูขอโทษ” พร้อมกับหันมาชำเลืองมองตาละห้อย แสดงถึงการยอมรับผิด และพูด

ขึ้นว่า “เค้าผิดไปแล้ว แต่หนูอยากให้ป้าแต่งตัวสวย เพราะชุดนั้นมันไม่เหมาะกับป้า” ป้าเลยให้อภัยเพราะว่าวันนั้นได้แต่งตัวสวยตามใจหลานสาวจอมซ่าส์​แล้วรู้สึกว่าตัวเองสวยเป็นพิเศษ​และมั่นใจขึ้น
   หลานสาวทั้งสองช่วยกันหอบหิ้วกระเป๋าสัมภาระ​ที่มีทั้งหมด 5 ใบคือกระเป๋าใบใหญ่หนึ่งใบใส่เสื้อผ้าและมีกระเป๋าเล็กกระเป๋าน้อยอยู่ในนั้นอีกสามใบ เป้ใส่ร้องเท้าและเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักและอุปกรณ์​อาบน้ำแต่งตัวทั้งหมด กระเป๋าลากใบเล็กใส่เสื้อผ้าหนึ่งชุดพร้อมที่จะหิ้วขึ้นบนเครื่องเผื่อว่าเครื่องบินเกิดเหตุ​การณ์​ไม่สามารถลงจอดได้ต้องแวะไปลงจอดที่อื่นทำให้ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเลย เพราะเมื่อน้องสาวเดินทางมาเยี่ยมคราวก่อนเจอพายุทำให้เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้  ต้องไปจอดที่สนามบินตอนใต้ของฟิลิปปินส์​รวมแล้วใช้เวลาเป็นวันเลยทีเดียว
กระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์​พร้อมแบตเตอรี่​สำรอง และเป้สะปายข้างหน้าอีกหนึ่งใบ
    ระหว่างเดินทางไปส่งที่สนามบินหลานสาวทั้งสองดูมีความสุข ส่งสัยจะเบื่อป้าขี้วีนเต็มทนละ ร้องเพลงสนุกสนาน ไม่ร้องให้ตามเหมือนตอนน้องสาวมาเยี่ยมแล้ว เมื่อไปถึงสนามบินนินอยรีบไปจอดรถพร้อมกับหิ้วกระเป๋าเดินขึ้นบันไดไปที่ผู้โดยสารขาออกต่างประเทศ​ อากาศ​วันนี้ก็ไม่เต็มใจเลยร้อนอบอ้าวมากเหงื่อแตกน่าดู หลานสาวเข้าไปส่งถึงบริเวณเช็คอิน​ ป้ายื่นพาสปอร์ต​พร้อมกับยื่นหลักฐานการเช็คอิน​ออนไลน์ให้เจ้าหน้าที่สนามบินตรวจสอบ เจ้าหน้าที่เรียกพาสปอร์ต​ของเด็กทั้งสองแต่เราก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับสำเนียงอังกฤษ​แบบตากาล็อก​ก็ทำหน้าเลอะลัก หรือบางทีนางก็พูดภาษาตากาล็อก​ใส่เราด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง หลานสาวจอมซ่าส์​รีบเดินมาคุยกับเจ้าหน้าที่​สนามบินเป็นภาษาอังกฤษ​สำเนียงนางได้ดีเลยแหละ เจ้าหน้าทีถึงบางอ้อว่าหลานสองคนไม่ได้เดินทางด้วยแค่เข้ามาส่งป้านั่นเอง
     เจ้าหน้าที่เห็นเรามีกระเป๋าใบเล็กใบน้อยหอบพะรุงพะรัง​เลยอนุญาต​ให้เอาขึ้นบนเครื่องแค่2ใบคือกระเป๋าคอมพิวเตอร์​และกระเป๋าใบเล็กอีกหนึ่งใบ เนื่องจากป้ามีกระเป๋าเล็กใส่ในกระเป๋าใหญ่พอเจ้าหน้าที่ให้เอากระเป๋าใส่รวมกันโหลดใต้เครื่อง ป้าเลยดึงกระเป๋าที่มีทรัพย์สิน​มีค่าออกมาสะพาย เจ้าหน้าหันมายิ้มและพูดขึ้นว่า”อ๋อ มีใบเล็กในใบใหญ่อีกนะ” เรานี่ถึงกับเขินเลย จริงๆแล้วกระเป๋าใบนี้น้องสาวให้มา เพราะหลานจอมซ่าส์​เค้าเห็นกระเป๋าสตางค์​หลุยส์​จากสีลมราคาห้าร้อยบาทเลยเอาไปให้แม่ นางไม่รู้หรอกว่าเป็นยังงัย แต่ว่าลายสวยนางเลยอยากได้ ถ้าเราเอากลับมาไม่แน่อาจโดนเรื่องแบรนด์​ก๊อปปี้​ก็เป็นได้  หลังจากเช็คอิน​เรียบร้อยก็ถึงเวลากล่าวอำลาที่ใหนได้หลานสาวทั้งสองเค้าไม่ร้องให้เลย สีหน้าเศร้าเล็กน้อย แต่ป้านี่น้ำตาไหลเลย หลังจากอำลากัเรียบร้อยเข้าตรวจสอบวีซ่าเนื่องจากเราขยายวีซ่าอยู่ต่อเป็นสองเดือน แต่ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีวันนั้นเครื่องบินของการบินไทยก็ล่าช้าไปเกือบชั่วโมงครึ่งกว่าจะได้ออกจากสนามบินนินอย
   บนเครื่องบินเราได้ที่นั่งแถวริมหน้าต่างนั่งกลางขวามือเป็นคนออสเตรเลีย​ฝั่งซ้ายมือ​เป็นคนเอเชียเหมือน​คนไทยแหละแต่สุดท้ายก็พูดภาษาอังกฤษ​เรานั่งอยู่ท่ามกลางต่างชาติต่างภาษา​เลยเลือกที่จะนั่งแบบเงียบๆ ดูหนังจบไปสองเรื่องแต่คนข้างๆก็มาแอบดูหนังของเราเพราะหนังเราสนุกกว่า แนวตลกๆ นั่นเอง ถึงเวลาบริกรมาเสิร์ฟ​อาหารบนเครื่องนางกล่าวทักทายฝรั่งเป็นภาษาอังกฤษ​และกล่าวทักทายเราเป็นภาษาไทยและอีกคนนางกล่าวทักทายเป็นภาษา​ไทยแต่นางพูดภาษาอังกฤษ​เฉยเลย  เรานึกในใจอยู่ในมะนิลาคนพูดตากาล็อก​ใส่ตลอดพอขึ้นเครื่องบินของไทยแค่นั้นแหละพูดไทยใส่ฉันตลอดการเดินทางเลยทีเดียว  สุดท้ายเดินทางกลับเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ​พร้อมกับกระเป๋า​ขาหักไปหนึ่งใบจึงรื้อของออกและใส่รวมกัน ทิ้งกระเป๋าพังไว้ที่สนามบิน อาจเป็นลางไม่ดีเลยก็ว่าได้
     เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาแต่เช้าไอมีเลือดออกเป็นฝอยๆ ตรงกับวันแรงงานแห่งชาติ​ รถโล่งมากจึงรีบไปหาหมอที่โรงพยาบาลแถวอนุเสาวรีย์ชัย​สมรภูมิ​ตรวจโควิดไม่เจอเชื้อ เอ็กซ​ปอดพบปอดติดเชื้อได้ยาฆ่าเชื้อ​มากินสิบวันพร้อมส่งเสมหะตรวจอีกสามวัน เราก็หวังว่าโรคเก่าไม่กำเริบอีกนะ เหตุการณ์​ย้อนไปที่ฟิลิปปินส์​กับการท่องเที่ยวเยี่ยมเยียน​หลานสาวจอมซ่าส์​เป็นเวลาสองเดือนจะเป็นอย่างไรต่อไปโปรดติดตาม เรื่องขำๆ ตลกๆ จอมซ่าส์​ของเด็ก และป้าจอมวีนขี้บ่น ในตอนต่อไปคะ ภายใต้นามปากกา​ของ Rommyrom.

แชร์ให้เพื่อน

พลังแห่งสมาธิ สร้างพลังแห่งชีวิต

แชร์ให้เพื่อน

พลังแห่งสมาธิ สร้างพลังแห่งชีวิต

คุณอาจเคยรู้สึกวิตกกังวล เครียด จิตใจฟุ้งซ่าน ว้าวุ่น อยู่ไม่เป็นสุข ที่เกิดขึ้นจากหลากหลายสาเหตุ เช่น เครียดก่อนสอบ เครียดก่อนสัมภาษณ์​งาน หรือจากเหตุอื่น เรามีวิธีหยุดความเครียดนั้นได้อย่างไร? เบื้องต้นเราต้องดึงสติกลับมาก่อน โดยอาศัยสมาธิช่วย นั่งลงเงียบๆสักชั่วขณะและทำสมาธิ​ ระดับของความเครียด​จะค่อยๆลดลงกลับสู่สภาวะปกติ สงบขึ้น มีความมั่นคง​ทางอารมณ์​ ร่างกายกลับเข้าสู่สภาวะสมดุล สามารถ​ทำกิจกรรม​หรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ​มากขึ้น

ประโยชน์ของการทำสมาธิมีหลักๆ ดังนี้คือ

1.การทำสมาธิ​จะช่วยให้คุณเข้าใจอะไรได้อย่างรวดเร็ว​มากขึ้น มีใจจดจ่อและพบหนทางในการแก้ไขปัญหา​ เกิดความคิดสร้างสรรค์​
2.การทำสมาธิ​จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายจากความเครียด มีสุขภาพ​ร่างกาย​ที่​แข็งแรง​เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน​โรค ในสถานการณ์​โรคโควิด19 ในปัจจุบัน​นี้ หากเราฝึกสมาธิ​จะช่วยลดการเจ็บป่วยได้ถึง 5 เท่าเลยทีเดียว
3.การฝึกสมาธิ​จะช่วยให้คุณ​สนุกกับชีวิต รู้สึกเบิกบานและมีความมั่นคง​ทางอารมณ์​ จิตใจปลอดโปร่ง เบาสบาย สามารถ​ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ​มากยิ่งขึ้น

เรามาลองปฏิบัติ​ตามขั้นตอนการฝึกสมาธิดูคะ
1.เราหาสถานที่นั่งให้มีความสงบ ไม่มีเสียงรบกวน อาจนั่งบนเก้าอี้ก็ได้ ผ่อนคลายช่วงคอ บ่า ไหล่ วางมือไว้บนตัก และหลับตา
2.สูดลมหายใจเข้าลึกๆ 3 ครั้งและหายใจออกให้เต็มที่ หลังจากนั้นหายใจตามปกติ ใช้วลีในการควบคุมลมหายใจเช่น พุทธ​โท เป็นต้น
3.หากมีความคิดภายนอกเข้ามารบกวนให้ปล่อยมันเลยผ่านไป อย่าไปวิตกกังวลกับมัน
4.ทำสมาธิ​ต่อไปเป็นเวลาสามสิบนาที ร่างกายและจิตใจจะเข้าสู่​สภาวะผ่อนคลาย​สงบเงียบที่อยู่ระหว่างนอนหลับและตื่นรู้
5.เมื่อทำสมาธิ​เสร็จ​ให้เวลากับตัวสองถึงสามนาทีก่อนที่จะลุกขึ้น
6.ฝึกทำสมาธิ​วันละหนึ่งครั้ง ช่วงก่อนนอนพักผ่อน​ก็ได้ จะได้ลดการใช้โทรศัพท์​ลงบ้าง
7.ยิ่งเราฝึกสมาธิ​มากเท่าไหร่ จิตใจ​ก็จะยิ่งเงียบและสงบเร็วเท่านั้น ช่วยให้การฝึกสมาธิ​มีประสิทธิภาพ​มากยิ่งขึ้น
ลองนำไปปฎิบัติ​ดูคะ แล้วคุณ​จะ​เห็นผลลัพธ์​ที่เปลี่ยนแปลง​ไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

 

แชร์ให้เพื่อน