ผิวเนียนนุ่ม ขาว ชุ่มชื้น กระจ่างใส ด้วยเนื้อมะละกอสุก

แชร์ให้เพื่อน

ผิวเนียนนุ่ม ขาว ชุ่มชื้น กระจ่างใส ด้วยเนื้อมะละกอสุก

   มะละกอเป็นได้ทั้งผักและผลไม้ ปลูกง่ายโตไว ผลดิบมียางสีขาวข้นมีเอนไซม์​ที่มีชื่อว่า ปาเปอีน และไคโมปาเปอีน ช่วยย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผลดิบสามารถนำไปทำเมนู​ส้มตำได้หลากหลายเมนู เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไปเช่น ตำไทย ตำป่า ตำโคราช ตำปู ตำปูปลาร้า สารพัด​ตำไปหมดที่มีขายตามร้านอาหาร

 

      ส่วนเนื้อของมะละกอสุกอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี ซี แคลเซียม และธาตุเหล็ก​ ช่วยเป็นยาระบายขับถ่ายได้ดี ลดอาการท้องผูกอีกด้วย

      สำหรับสรรพคุณ​ด้านความงามของเนื้อมะละกอสุกมีหลากหลายรูปแบบเช่น ครีมขัดผิวสูตรมะละกอ สบู่อาบน้ำและขัดผิวสูตรมะละกอ หากใครที่ชื่นชอบในการเตรียมสูตรหมักผมด้วยเนื้อมะละกอสุกก็ทำได้ไม่ยาก ให้นำมะละกอสุกปอกเปลือกออกแล้วล้างให้สะอาด นำเนื้อมะละกอปั่นให้ละเอียด หมักผมก่อนสระทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดและสระผมตามปกติ เนื้อมะละกอ​สุกช่วยรักษาผมแห้ง แตกปลาย ทำให้เงางาม สลวย มีน้ำหนักขึ้นเหมาะสำหรับผมที่ผ่านการทำสี โกรก หรือดัด ยืด จะช่วยได้มากเลยทีเดียวสามารถ​ทำได้สัปดาห์​ละ 2-3ครั้ง

   สำหรับใครที่มีปัญหา​ผิวหน้าแห้งหยาบกร้าน ลอก เป็นขุย เนื้อมะละกอสุกสามารถช่วยแก้ปัญหาได้เช่นกัน โดยนำเนื้อมะละกอสุกหั่นเป็นชิ้นล้างยางออกให้หมด ปั่นเนื้อให้ละเอียด นำมาทาทั่วบริเวณใบหน้าเว้นรอบดวงตาทิ้งไว้ประมาณ​10นาที แล้วเช็ดออก ล้างด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์​ละครั้งจะช่วยให้ผิวที่แห้ง หยาบกร้าน เป็นขุย มีความชุ่มชื้น เต่งตึง นุ่มนวล กระชับ เนื่องจากในเนื้อมะละกอสุกอุดมไปด้วยวิตามินต่างๆที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ​นั่นเอง

   หากใครที่มีตุ่มเนื้อหรือกระเนื้อสามารถใช้ยางมะละกอ​ดิบทาแล้วทิ้งไว้ ทำติดต่อกันประมาณหนึ่งสัปดาห์​ตุ่มเนื้อ หรือกระเนื้อสามารถหลุดออกได้ ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ทำบริเวณผิวหน้าเพราะอาจเกิดการกัดเนื้อหลุดเป็นแผลได้

แชร์ให้เพื่อน

ผิวสวย หน้าเต่งตึงด้วยแตงกวา

แชร์ให้เพื่อน

ผิวสวย หน้าเต่งตึงด้วยแตงกวา

แตงกวาจัดเป็นตระกูลผัก สำหรับกินกับน้ำพริกหรือเป็นผักกินกับเครื่องเคียงเช่น ข้าวมันไก่ ทอดมัน เป็นต้น ในเนื้อแตงกวานอกจากจะมีเอนไซม์​ที่ช่วยในการย่อยโปรตีนแล้ว แตงกวายังอุดมไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี และมีกรดอะมิโนค่อนข้างสูง มีน้ำเยอะช่วยในการบำรุงผิวพรรณ​และความชุ่มชื้นเก็บไว้ใต้ผิวได้นานโดยไม่ทำให้เกิดความมันบนใบหน้า นอกจากนี้ยังมีสารที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นได้ดี มีถทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย ดังนั้นจึงพบเห็นอยู่บ่อยๆว่าแตงกวามักเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางบำรุงผิวพรรณในยี่ห้อ​ต่างๆมากมายที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป

สำหรับใครที่มีเวลาว่าง และต้องการทำครีมบำรุงผิวหน้าจากแตงกวาใช้เอง ก็ไม่ได้ยุ่งยาก แถมได้ครีมที่สดและได้คุณค่าสูงจากสารสำคัญในแตงกวาอีกด้วย โดยการล้างแตงกวาให้สะอาดปั่นให้ละเอียด ผสมเข้ากับน้ำผึ้ง100% ให้มีความเหลวเล็กน้อย นำมาพอกหน้าทิ้งใว้ประมาณห้านาที หลังจากนั้นเช็ดออกเบาๆด้วยสำลี แล้วล้างด้วยน้ำอุ่น แล้วตามด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน เท่านี้ก็จะได้ผิวพรรณ​ที่เต่งตึงและเรียบเนียนอีกด้วย หลังจากนั้นสามารถฝานแตงกวาออกเป็นแว่นบางๆ แช่ตู้เย็นไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วนำมาวางปิดให้ทั่วใบหน้าและดวงตาทิ้งใว้ประมาณห้านาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าเช็ดหน้าให้แห้งแล้วค่อยทาครีมบำรุงผิว ช่วยลดความหยาบกร้านของผิวหน้าเนื่องจากในเนื้อแตงกวาสดมีสารช่วยย่อยโปรตีนบริเวณ​ผิวหนังชั้นนอกที่หยาบกร้านและเกรียมแดดให้ลอกหลุดได้ง่าย แถมช่วยให้ผิวพรรณ​มีความชุ่มชื้นและเต่งตึงอีกด้วย ลดปัญหา​ผิวแห้งเป็นขุย นอกจากนี้แตงกวายังช่วยในการ​รักษา​ฝ้าบนใบหน้าได้ดีอีกด้วย ช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใส

หากใครที่มีปัญหาฝ้า กระ และต้องการบำรุงผิวด้วยสมุนไพรจากแตงกวา สามารถทำได้ง่ายๆ ก่อนอาบน้ำตอนเย็นให้ใช้น้ำที่คั้นจากแตงกวาทาบางๆ หลังจากล้างหน้าให้สะอาดทิ้งไว้ห้านาที แล้วล้างออก น้ำในแตงกวาจะช่วยบำรุงผิว ลบรอยฝ้าที่อาจเกิดจากแสงแดด​หรือมลพิษทางอากาศ​ในระหว่างวันได้อย่างดี แถมประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วย

 

แชร์ให้เพื่อน

5 ข้อดีของจักรยานไฟฟ้าและข้อควรระวังกับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุ

แชร์ให้เพื่อน

5 ข้อดีของจักรยานไฟฟ้าและข้อควรระวังกับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุ

   จักรยาน​ไฟฟ้าเหมาะกับคนที่ชื่นชอบในการปั่นจักรยานแต่อยากได้พลังงานไฟฟ้ามาช่วยทุ่นแรง และรูปทรงของจักรยานไฟฟ้าก็เคยชินมาตั้งแต่วัยเด็ก และมีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ มีแบบสองล้อเหมาะสำหรับผู้ที่ทรงตัวได้ดี และแบบสามล้อเหมาะสำหรับผู้ที่ทรงตัวแบบสองล้อไม่ได้ จึงเหมาะสำหรับเด็กจนถึงผู้สูงอายุ สามารถใช้ในการเดินทางในละแวกใกล้เคียง หรือนำไปเที่ยวเพื่อความสะดวกสบายได้เช่นกัน
    วันนี้ผู้เขียนจะกล่าวถึงข้อดีและข้อควรระวังของจักรยานไฟฟ้ากับการใช้งานสำหรับผู้สูงอายุกันคะ ว่ามีข้อดีและข้อควรระมัดระวังอะไรกันบ้างมาดูกันเลยคะ

    1.จักรยานไฟฟ้าแบบสองล้อ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่เคยขับขี่จักรยานสองล้อมาก่อน ช่วยให้ชลอ กล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้ามเนื้อมัดเล็กไม่ให้ลีบเล็ก ช่วยให้กล้ามเนื้อแขนและมือ นิ้วมีความแข็งแรงมากขึ้นนั่นเองคะ

     2.จักรยาน​สามล้อไฟฟ้า เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่เคยขี่จักรยาน​สองล้อมาก่อนเพราะจักรยานสามล้อไม่ต้องทรงตัวมากนัก ช่วยให้กล้ามเนื้อมือ นิ้วและแขนมีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยลดปัญหากล้ามเนื้อลีบเล็กได้คะ

      3.การขับขี่จักรยานไฟฟ้าสองล้อหรือสามล้อสำหรับผู้สูงอายุช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ดีกว่าการขี่รถมอร์เตอร์ไซ​ด์ เนื่องจากรถจักรยานไฟฟ้ามีความเร็วที่ช้ากว่า ขับขี่ไปเรื่อยๆ ไม่มีแรงบิดและความเร็วสูงมาก

        4. การขับขี่จักรยานไฟฟ้าสองล้อหรือสามล้อช่วยให้ผู้สูงอายุไม่เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย ขับขี่ไปเล่นตามสวนสาธารณะ​เพื่อออกกำลังกายหรือเยี่ยมญาติหรือเพื่อนๆ ในละแวกบ้านใกล้เคียง ช่วยให้เกิดความผ่อนคลายและคลายเครียด บางครั้งก็ขับขี่จักรยานไฟฟ้าเพื่อไปทำบุญ นั่งสมาธิที่วัดตามวันสำคัญต่างๆ

      5. การขับขี่จักรยานไฟฟ้าสองล้อหรือสามล้อช่วยกระตุ้นสมองและความจำของผู้สูงอายุในเรื่องของการตัดสินใจ การจดจำเส้นทางที่ขับขี่ผ่านไปต่างๆ  ทั้งนี้การขับขี่จักรยานไฟฟ้าสำหรับผู้สูงอายุไม่ควรขับขี่ตามถนนที่มีการจราจร​ที่แน่นหนาและคับคั่งเพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ​ได้ง่าย และจักรยานไฟฟ้าไม่มี พรบ. คุ้มครองอีกด้วยนั่นเอง

ข้อควรระมัดระวังในการขับขี่จักรยานสองล้อหรือสามล้อสำหรับผู้สูงอายุ
1.ควรระมัดระวังสำหรับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวต่างๆ เช่นโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคความจำเสื่อม เป็นต้น

2.ผู้สูงอายุที่มีปัญหาสมองเสื่อมและหลงลืมเพราะอาจทำให้หลงทางไม่สามารถจำเส้นทางกลับบ้านได้

3.ผู้สูงอายุที่มีปัญหาแขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก เพราะในการขับขี่จักรยานไฟฟ้าต้องใช้กล้ามเนื้อแขนขา และทรงตัวในการเลี้ยวซ้าย ขวา ดังนั้นจึงควรต้องมีความระมัดระวังหรือไม่ควรขับขี่เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ​

จะเห็นได้ว่าในปัจจุ​บัน​นี้มีจักรยาน​ไฟฟ้าใช้ขับขี่ตามถนนอย่างแพร่หลายมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องขับขี่อย่างระมัดระวังเพราะอาจเกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพยสิน​ตามมาได้นั่นเอง

แชร์ให้เพื่อน

3 แนวทางการเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบ

แชร์ให้เพื่อน

3 แนวทางการเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบเพื่อตอบโจทย์​ใส่ทำงาน ใส่ออกกำลังกาย ใส่ท่องเที่ยว ใส่ได้นานคุ้มค่าเกินราคา

    การเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบสำหรับผู้ที่มีงบน้อยมีหนึ่งคู่แต่สามารถใส่ได้หลายงาน ใช้งานได้จริง คุ้มค่าเกินราคา เช่น ใส่ทำงาน  ใส่ออกกำลังกาย อย่างเช่น วิ่ง เดิน ฟิตเนส​ เต้นแอโรบิก​ หรือใส่เพื่อการเดินท่องเที่ยวตามป่า เขา ลำเนาไพร เดินเที่ยวตามห้างสรรพสินค้า​ต่างๆ เราควรเลือกซื้อแบบใหนให้ใส่แล้วดูดี มีสไตล์

    เรามาดูกันเลยคะว่าเราควรเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบให้เหมาะกับตัวเราและสวมใส่ได้นานๆ คุ้มค่ากับราคาและที่สำคัญนั้นสวมใส่สบายเท้าในทุกๆย่างก้าวที่เราเดินหรือวิ่งคะ

1.ควรเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบให้มีขนาดพอดีกับเท้า น้ำหนักเบา และสรีระ​ของเท้าเรานะคะ ส้นรองเท้าควรสูงเล็กน้อยให้เหมาะสมกับสรีระ​ในการก้าวเดิน กรณีที่เราชอบสวมใส่ถุงเท้าเราควรเผื่อเล็กน้อยเพราะหากเราซื้อพอดีมากเกินไปเมื่อเราสวมใส่ถุงเท้าอาจทำให้เรารู้สึกแน่นเกินไป หรืออีกทางหนึ่งคือเราเลือกซื้อถุงเท้าที่มีขนาดบาง หุ้มส้นเท้าเล็กน้อย ช่วยให้เราใส่สบายมากขึ้น

2.การเลือกสีสันของรองเท้าผ้าใบ ควรเลือกสีสันตามที่เราชอบ แต่หากเรามีงบน้อยสามารถเลือกซื้อได้แค่คู่เดียวเราควรเลือกสีเข้มนิดหนึ่งนะคะ หรือเลือกสีที่เรียบง่าย เพราะเราสามารถใส่ได้กับชุดที่หลากหลายไม่ต้องกังวลกับการเลือกชุดให้แมตช์​กับรองเท้า เราใส่เที่ยวก็ได้ ใส่ไปทำงานได้ด้วยก็ดี หรือใส่ไปเดินเที่ยวกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ หลังเลิกงานเดินชิลล์​ในวันก่อนหยุดสุดสัปดาห์​ก็ได้ ไม่ต้องกังวลต้องเปลี่ยนอีก

3.การเลือกซื้อรองเท้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากเรามีงบน้อย ต้องการซื้อรองเท้าผ้าใบหนึ่งคู่แล้วสามารถใช้ได้หลายงานเช่น ใส่ออกกำลังกายเบาๆ ใส่ทำงานในสไตล์​สปอร์ต​เตรียมพร้อม​ที่จะออกเที่ยวช่วงเย็นหลังเลิกงาน หรือมีนัดเดท​กับแฟนก็ยังดูดีในทุกสถานการณ์​ เดี่ยวนี้มีรองเท้าหลายๆ รุ่นราคาไม่ได้แพงมากนัก ซึ่งช่วงนี้ออกมาลดราคาซื้อคู่แรกสามารถซื้อคู่ที่สองลดลง 40% อย่างยี่ห้อ SKECHERS รุ่น GOWALK นอกจากสวยถูกใจแล้วยัวประหยัดเงินในกระเป๋าอีกด้วยนะคะ

    ลองนำหลักเกณฑ์​ 3 ข้อที่กล่าวมานี้ไปเลือกซื้อรองเท้าผ้าใบซักคู่มาสวมใส่ดูนะคะแล้วท่านไม่ผิดหวังกันเลยจริงๆ คะ

แชร์ให้เพื่อน

5 วิธี​การช่วยให้จิตใจสงบ

แชร์ให้เพื่อน

5 วิธี​การช่วยให้จิตใจสงบ

การใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้บางครั้งทำให้เรารู้สึกเครียด วิตกกังวล รวมถึงอาการวัยทองบางครั้งก็ทำให้มีอาการซึมเศร้าโดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด การเลือกใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองเป็นบางช่วงเวลาก็สามารถช่วยให้เรามีพลังงานชีวิตกลับคืนมาได้อย่าวเหลือเชื่อ
เรามาลองดู 5 วิธีการอยู่กับตัวเองเป็นเวลาชั่วขณะนั้นมีอะไรบ้างเรามาดูกันเลยคะ

1.การนั่งสมาธิ การนั่งสมาธิที่ดีควรต้องเลือกสถานที่ ที่มีความสงบ มีสิ่งรบกวนให้น้อยที่สุด ควรเตรียมร่างกายให้พร้อมเช่น กินอาหารให้อิ่มพอควร ไม่กินมากหรือน้อยจนเกินไป อากาศ​ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไปเพราะจะรบกวนเวลาในการนั่งสมาธิได้ อาจมีลูกปะคำเพื่อช่วยให้มีสมาธิในการจดจ่อ หรือบางท่านอาจใช้บทสวดในการสวดเพื่อให้มีสมาธิ​จดจ่อก็ได้ ควรใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อการนั่งสมาธิหนึ่งรอบ หากทำได้ทุกวันแล้วจะยิ่งดีเพราะจะทำให้เรารู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบายหยุดพักจากการเข้าสู่โลกออนไลน์​ไปชั่วขณะ

2.การเข้าโบสถ์​ ถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนมุมมองในการทำให้จิตใจสงบลง เป็นการเข้าไปเพื่อสารภาพบาป​และการขอพรให้ชีวิต​มีความสุข​มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องนับถือศาสนาใด เพียงแต่เราไม่ยึดติดในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เราปรับเปลี่ยนตามสภาพของ​สังคม​และวัฒนธร​รม​ที่เราอยู่อาศัยนั่นเอง ผลลัพธ์​ที่ได้มาก็ไม่ได้มีความแตกต่างแต่อย่างใด​ช่วยทำให้เรามีจิตใจที่สงบมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

3.การเข้าวัดฟังธรรม ในปัจจุบันนี้​การเข้าวัดฟังธรรมอาจมีน้อยลงเนื่องจากไม่ค่อยมีเวลา หรืออากาศที่ร้อนมากเกินไปอาจไม่สะดวกในการเดินทาง การเลือกฟังธรรมทางออนไลน์​ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แถมเราไม่ต้องเหนื่อยกับการเดินทางอีกด้วย ซึ่งผลลัพธ์​ก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากมายนักนั่นเอง

4.การออกกำลังกายเบาๆ อย่างการทำโยคะ​ การฝึกโยคะนับว่าเป็นการฝึกลมหายใจให้มีความสัมพันธ์​กับการเคลื่อนไหว​ร่างกายแบบช้าๆ เป็นกิจกรรม​ที่ไม่เร่งรีบ กล้ามเนื้อมีการยืดเหยียด แถมไม่ได้ลงทุนอะไรมาก เป็นการช่วยให้มีจิตใจสงบลงได้เช่นกัน

5.การเดินจงกรม การเดินจงกรมนั้นสามารถทำได้ง่ายเป็นการฝึกกำหนดสติให้อยู่กับการก้าวเท้าเดินโดยก้าวเท้าซ้ายก็ให้จิตสำนึกรู้ว่ากำลังก้าวเท้าซ้ายและก้าวเท้าขวาจิตก็สำนึกรู้ว่ากำลังก้าวเท้าขวาเป็นการฝึกให้จิตใจอยู่กับปัจจุบัน​ไม่ใช่ย้อนคิดเรื่องอดีตที่ผ่านมา หรือคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของความทุกข์ใจได้

หากใครที่กำลังรู้สึกเคร่งเครียด วิตกกังวล ลองนำ 5 แนวทางนี้ไปปฏิบัติดูนะคะ จะช่วยให้เรามีจิตใจที่สงบมากขึ้น ทำอย่างน้อยวันละ 30 นาทีนะคะ

แชร์ให้เพื่อน

7 เมนูปั่นอร่อยดี ถูกด้วย สบายท้อง

แชร์ให้เพื่อน

7 เมนูปั่นอร่อยดี ถูกด้วย สบายท้อง

     สำหรับใครที่ชื่นชอบดื่มน้ำปั่นเย็นๆ ชื่นใจ เข้ากับบรรยากาศ​ร้อนปรอทแตก แบบน้ำหยุดไหล ไฟดับ ตับแลบค่าไฟขึ้นกระฉูดของอากาศ​เมืองไทยช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม​ เมนูปั่นมีมากมายหลายอย่างให้เลือกหาดื่มเพื่อดับกระหายทั้งหาซื้อง่าย ประหยัดสตางค์ พร้อมราคาสบายกระเป๋าเพราะว่าบ้านเราอุดมไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด หากฟันเคี้ยวเริ่มหลุดร่วงการเคี้ยวอาหารจำพวกผลไม้เริ่มยากขึ้น การเลือกดื่มเมนูปั่น ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งทำให้ได้ประโยชน์​ทั้งนี้ก็ต้องระมัดระวังกับกลุ่มผลไม้ที่มีสารไซยาไนด์​ อาจปนเปื้อนเข้าไปในกระบวนการปั่นได้ หากเราปอกเปลือกคัดเลือกเมล็ดออกไม่หมด อาจทำให้เราได้รับสารพิษตกค้าง​จากสารไซยาไนด์​ตามธรรมชาติ​ได้
      เรามาดูกันเลยคะว่าน้ำปั่นที่ดื่มแล้วรสชาติดีอร่อย ถูก และสบายท้อง มีเมนู​ใหนกันบ้างเผื่อช่วยคลายร้อนลงบ้างในช่วงนี้

   1.น้ำแตงโมปั่น แตงโมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยน้ำเป็นส่วนใหญ่มีวิตามินที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน การเลือกเมนูน้ำแตงโมปั่นในการดื่มช่วงเวลาบ่ายคล้อยช่วงอากาศ​ร้อนจัดของเมืองไทย จะช่วยให้ร่างกายเย็นสดชื่น ทำให้เย็นชื่นใจ แถมราคาไม่แพงนะคะ


    2.น้ำมะม่วงปั่น มะม่วงเป็นผลไม้เมืองร้อน ที่สุกมีสีเหลืองทอง อุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซี แถมราคาถูกมากในหน้าร้อน สำหรับใครที่ไม่ชอบทานมะม่วงสุก ลองเปลี่ยนมาดื่มเมนูน้ำมะม่วงปั่นช่วงบ่ายๆดูนะคะ นอกจากจะได้ความหวานของน้ำตาลตามธรรมชาติแล้วยังได้ความอมเปรี้ยวเล็กน้อยช่วยให้ร่างกายตื่นตัว แถมเป็นยาระบายอีกด้วย ช่วยล้างไขมันในลำไส้ เมนูนี้ดีมากๆเลยคะ

   3.น้ำกล้วยหอมทองปั่น กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่สุกมีสีทองอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆที่มีประโยชน์​ต่อร่างกาย​ช่วยเพิ่มกากใยอาหาร ช่วยให้การขับถ่ายคล่องขึ้น ใครที่ไม่ชอบทานกล้วยหอมทองสุก ลองเปลี่ยนเป็นเมนู​กล้วยหอมทองปั่นเสริมโยเกิร์ต​หรือยาคูลท์​เข้าไปรสชาติ​กลมกล่อม อร่อยถูกปากอย่าบอกใครเชียวนะคะ  เหมาะสำหรับเมนูหน้าร้อนแบบนี้ ดื่มแล้วเย็นชื่นใจเลยคะ แถมประโยชน์​คับแก้วอีกด้วยนะ


    4.น้ำสตรอเบอรี่​ปั่น สตรอเบอรี่​อุดมไปด้วยวิตามินซี เมื่อสุกแล้วจะมีรสชาติ​หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย การเลือกเมนู​น้ำสตรอเบอรี่​ปั่นซักแก้วดื่มกับบรรยากาศ​ทำงานช่วงบ่ายๆ ที่บรรยากาศร้อนทะลุปรอทวัดไข้ของเมืองไทย ช่วยให้ใจเย็น สดชื่น ชุ่มคอ เดินเที่ยวหรือทำงานต่อได้จนถึงเย็นเลยทีเดียวนะคะ

   5.น้ำมะพร้าวน้ำหอมปั่น น้ำมะพร้าวน้ำหอมเป็นน้ำบริสุทธิ์​ อุดมไปด้วยฮอร์โมน​เพศหญิง  ​เหมาะสำหรับผู้หญิงวัยทองที่มีอารมณ์​เหวี่ยงวีน ช่วงบ่ายๆลองเลือกเมนูน้ำมะพร้าวน้ำหอมปั่นเย็นๆ ซักแก้วนอกจากจะได้ความหวานจากน้ำตาลธรรมชาติของมะพร้าวน้ำหอมแล้ว ยังได้โปรตีนจากนมอีกด้วยรสชาติกลมกล่อม กินพร้อมกับเนื้อมะพร้าวน้ำหอมรสชาติหวานอร่อยถูกใจ ทำให้รู้สึกสดชื่นมาทันตาเห็นเลยทีเดียวคะ


6.น้ำส้มปั่น น้ำส้มนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยให้ผิวพรรณ​เปล่งปลั่ง​แถมยังช่วยระบายอีกด้วย เมนูน้ำส้มปั่นเหมาะสำหรับทุกช่วงวัย กินง่าย สบายท้อง เย็น สดชื่น เหมาะกับบรรยากาศ​หน้าร้อนของเมืองไทยเลยคะ

7.น้ำฝรั่งปั่น ฝรั่งเป็นผลไม้ที่ทานง่าย กินกับพริกเกลือหรือพริกน้ำปลาหวานก็อร่อยอย่าบอกใครเชียวนะคะ แต่สำหรับเมนูน้ำฝรั่งปั่นนั้นจะเป็นฝรั่งที่สุกนุ่ม มีความหวานหอม เย็นสดชื่น เหมาะกับบรรยากาศ​ร้อนของเมืองเลยนะคะ

สำหรับใครที่ทำงานช่วงบ่ายแล้วเริ่มรู้สึกหมดพลัง คิดอะไรไม่ค่อยออก อย่าลืมมองหาเมนูน้ำผลไม้ปั่นซักแก้วจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว สดชื่นขึ้นมาทันตาเห็นเลยที่เดียวนะคะ ไม่แพ้สารคาเฟอีน​จากกาแฟที่อาจทำให้นอนไม่หลับช่วงกลางคืน การดื่มน้ำผลไม้ปั่นช่วยให้หลับสบาย ไม่เชื่อลองหามาดื่มกันดูนะคะ แล้วพบกันในบทความดีๆ ที่มีทั้งเนื้อหาและสาระให้ชวนติดตาม ขอบคุณที่ติดตามอ่านคะ

 

แชร์ให้เพื่อน

5 ผลไม้มีไซยาไนด์ เสี่ยงอันตราย กินอย่างไรให้ปลอดภัย

แชร์ให้เพื่อน

5 ผลไม้มีไซยาไนด์ เสี่ยงอันตราย กินอย่างไรให้ปลอดภัย

คุณรู้หรือไม่ว่า สารไซยาไนด์ ก็มีได้ตามธรรมชาติ โดยเฉพาะผักผลไม้ที่เรารับประทานในชีวิตประจำวัน ผลไม้บางชนิดก็มีสารบางชนิดที่สามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์จนเป็นอันตรายต่อชีวิต วันนี้เราจะชวนคุณผู้อ่านมาดู 5 ผลไม้มีไซยาไนด์ เสี่ยงอันตราย และเราจะกินอย่างไรให้ปลอดภัย เรามาดูกันเลยค่ะ

1. แอปเปิ้ล มีไซยาไนด์ เสี่ยงอันตราย
สำหรับแอปเปิ้ล ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ต้านความแก่ แต่แอปเปิ้ลก็มีไซยาไนด์ เสี่ยงอันตรายต้องระวังเช่นกัน โดยเฉพาะในเมล็ดแอปเปิ้ล จากการเก็บข้อมูลพบว่า ในเมล็ดแอปเปิ้ลมีสารบางชนิด (Amygdalin) ที่สามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ โดยในเมล็ดแอปเปิ้ล 1 กรัมมีไซยาไนด์ 0.06-0.2 มิลลิกรัม หรือ ประมาณ 60-200 มิลลิกรัมไฮโดรเจนไซยาไนด์ต่อเมล็ดแอปเปิ้ล 1 กิโลกรัม โดยปริมาณของไซยาไนด์ขึ้นกับชนิดของแอปเปิ้ล วิธีการปลูกและดูแลเป็นสำคัญ ไซยาไนด์ในเมล็ดแอปเปิ้ลที่จะก่อให้เกิดพิษต่อร่างกายคือ 0.5-3.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักร่างกาย 1 กิโลกรัม ซึ่งจะอันตรายมากสำหรับเด็กเล็กที่มีน้ำหนักตัวน้อย


2. แอปริคอตมีไซยาไนด์เช่นกัน
สำหรับแอปปริคอต ก็มีไซยาไนด์ในเมล็ด โดยในเมล็ดของแอปริคอตจะมีสาร Amygdalin ที่สามารถเปลี่ยนเป็นไฮโดรเจนไซยาไนด์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเช่นเดียวกับเมล็ดแอปเปิ้ล ปริมาณของไซยาไนด์ในเมล็ดแอปริคอต ขึ้นกับชนิดของแอปริคอต จากข้อมูลพบว่า ปริมาณไซยาไนด์ในเมล็ดแอปริคอตจากประเทศตูนิเซีย และประเทศตุรกีมีค่าแตกต่างกัน โดยเมล็ดแอปริคอต พบสาร Amygdalin 44.1-63.5 กรัม ต่อน้ำหนักเมล็ด 1 กิโลกรัม ซึ่ง Amygdalin จะสามารถเป็นไฮโดรเจนไซยาไนด์ได้ประมาณ 2600 -3700 มิลลิกรัม ซึ่งหากเรารับประทานในปริมาณมากเสี่ยงที่จะเกิดพิษเช่นเดียวกับเมล็ดแอปเปิ้ล



3. เชอรี่แดง/ เชอรี่ดำ มีไซยาไนด์ อันตรายในการรับประทาน
สำหรับเชอรีดำ และเชอรี่แดง ในเมล็ดก็มีสารที่สามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ได้เช่นเดียวกับแอปเปิ้ล และแอปริคอต ถึงแม้ในเมล็ดเชอรีจะมีปริมาณน้อยกว่า แต่ถ้ารับประทานเข้าไปจำนวนมากก็เป็นอันตรายเช่นเดียวกัน สิ่งที่น่ากังวลก็คือการนำผลเชอรี่มาบดทั้งเมล็ด แล้วดื่มสด ๆ ซึ่งก็เสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับสารไซยาไนด์ที่มากเกินไป แต่หากรับประทานน้ำเชอรี่ที่ผ่านกระบวนการผลิตจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้อันนี้ถือว่า ปลอดภัยจากไซยาไนด์ค่ะ


4. ลูกพีช หรือ ลูกท้อ
ลูกพีช หรือ ท้อมีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน สำหรับลูกพีช เป็นผลไม้ที่มีวิตามินและเกลือแร่สูง โดยเฉพาะวิตามินเอที่สามารถลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง นอกจากนั้นในลูกพีชยังมีโพแทสเซียม ที่ช่วยควบคุมความดัน และการเต้นของหัวใจ แต่ก็ต้องระวังที่จะไม่เคี้ยว หรือกินเมล็ดลูกพีช เพราะในเมล็ดของลูกพีช มีสารที่สามารถเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ได้เช่นเดียวกับเชอรี่

5. ลูกพลัม หรือ ลูกไหน
ลูกพลัม หรือ ลูกไหน เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งจะช่วยการซ่อมแซมและลดการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย นอกจากนั้นยังช่วยควบคุมความดัน ลดความเสี่ยงต่อสโตรก ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด ลดความวิตกกังวล แถมยังช่วยเรื่องระบบขับถ่ายคล้าย ๆ ลูกพรุน สำหรับลูกพลัม เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีแอนตี้ออกซิแดนท์ช่วยต้านความแก่ แต่ในเมล็ดลูกพลัมก็มีไซยาไนด์ เช่นเดียวกับผลไม้ที่กล่าวมาข้างต้น ดังนั้นเราจึงต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานเมล็ดนะคะ
สำหรับอาการเป็นพิษจากไซยาไนด์ และวิธีการกินให้ปลอดภัยเราเคยแชร์ไปแล้วในบทความ ”กินอย่างไร ให้ปลอดภัยจากไซยาไนด์ที่มีในพืชผักตามธรรมชาติ” ซึ่งยังมีผักอีกหลายชนิดที่มีไซยาไนด์ จะพยายามเอามาแชร์ให้ท่านผู้อ่านทราบกันค่ะ
ขอขอบคุณ ข้อมูลบางส่วนจากเว็บไซต์กรมควบคุมอาหารประเทศสวีเดน
Livsmedelsverkets rapportserie


ข้อมูลเกี่ยวกับไซยาไนด์

แชร์ให้เพื่อน

ระวังจะแก่ก่อนวัย ภัยร้ายจากแสงแดด

แชร์ให้เพื่อน

ระวังจะแก่ก่อนวัย ภัยร้ายจากแสงแดด

แสงแดดหรือรังสียูวีนั้นมีประโยชน์​ในการช่วยสังเคราะห์​วิตามินดีที่ผิวหนัง แต่ถ้าได้รับแสงแดดที่มากเกินไป​ก็เป็นโทษได้เหมือนกันคะ เพราะว่ารังสี UVA สามารถผ่านลึกถึงผิวหนังชั้นหนังแท้ สามารถทำลายเนื้อเยื่อ คอลลาเจน​ อลาสติน ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวแก่ก่อนวัยและทำลาย DNA ทางอ้อมได้อีกด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุ​ของการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ส่วนรังสี UVB แม้ไม่สามารถผ่านลงลึกถึงชั้นหนังแท้ได้ ซึ่งอยู่แค่หนังกำพร้า​ แต่ก็ทำให้ผิวหนังไหม้แดดและเซลล์​ผิวหนังคล้ำเสียได้ ดังนั้นสาวๆ ที่ชอบออกแดดบ่อยๆ อย่างการท่องเที่ยวทะเลจึงต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษ​นะคะ
เรามาดูวิธีการหลีกเลี่ยงและป้องกันปกป้องผิวหนังจากแสงแดดให้สาวๆและหนุ่มๆเจ้าสำอางค์ลองปฏิบัติ​กันดูคะ

1.หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือการออกเผชิญแสงแดดในช่วงเวลาหลังสิบโมงเช้าถึงบ่ายสามโมงเย็น เพราะว่าแสงแดดช่วงเวลานี้ มีรังสี UVB ที่มีความเข้มข้นมากกว่าปกติ ทำให้เกิดผิวหนังไหม้แดด หากมีความจำเป็นต้องเผชิญกับแสงแดดในช่วงเวลาดังกล่าวลองปฏิบัติตามข้อต่อไปคะ


2.เลือกใช้ครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวหนังได้ลึกถึงเซลล์​ผิวหนังและคอลลาเจน​ในชั้นผิวด้วยการทำงานได้สามระดับคือ การสะท้อนระสี UV การดูดซับและกรองรังสี UV และปกป้องลึกถึงระดับเซลล์​ผิวและคอลลาเจน​ในผิวหนังโดยอาศัยกลไกทางชีวภาพ เพื่อลดการเกิดอนุมูล​อิสระ​ซึ่งเป็นตัวการทำให้ผิวหนังแก่ก่อนวัยนั่นเอง


3.การใส่แว่นตาดำ การใส่หมวกเพื่อกันแดด การกางร่มกันแดด หรือการเลือกใช้ฟิล์ม​กรองแสงในรถยนต์​ที่มีความเข้มข้นสูงก็ช่วยกรองรังสีจากแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยนะคะ

หากจำเป็นหรือชื่นชอบในการท่องเที่ยวทะเลเชิงธรรมชาติ​ก็ควรออกแดดหรือเล่นน้ำทะเลหลังจากเลยเวลาบ่ายสามโมงเย็นไปแล้วก็จะช่วยลดการเกิดอันตรายต่อผิวหนังจากแสงแดดได้ระดับหนึ่ง
สำหรับสาวๆท่านใดที่เคยผ่านการทำเลเซอร์​ทรีทเมนท์​กันมาแล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังกันมากเป็นพิเศษ สำหรับครีมกันแดด​ที่แนะนำนั้นควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ปกป้องทั้งUVA /UVB และมีค่าSPF30 หรือมากกว่าและควรรับประทานผักและผลไม้เยอะๆด้วยนะคะ รับรองว่าผิวพรรณ​เนียนใสและดูอ่อนกว่าวัยอย่างแน่นอน​นะคะ

 

แชร์ให้เพื่อน

สวมใส่รองเท้าอย่างไรลดการเกิดโรค

แชร์ให้เพื่อน

สวมใส่รองเท้าอย่างไรลดการเกิดโรค

    รองเท้านั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นช่วยปกคลุมเท้าไม่ให้ได้รับอันตรายจากสภาพแวดล้อม รวมถึงผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีความเสี่ยงเรื่องการเกิดแผลที่เท้าได้ง่าย และผู้ที่มีปัญหากระดูกทับเส้นประสาท วันนี้ผู้เขียนอยากแนะนำรองเท้าที่สวมใส่แล้วทำให้รู้สึกสบายเท้า ไม่ปวดฝ่าเท้า หรือส้นเท้าขณะเดินวิ่งออกกำลังกาย เพราะผู้เขียนเคยทำงานที่ต้องเดินเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรในแต่ละวัน วันนี้เลยอยากแนะนำหากใครที่เริ่มมีปัญหาปวดส้นเท้า ปวดฝ่าเท้า ใส่รองเท้าไม่รองรับกับสรีระ​ของร่างกาย เรามาดูกันเลยนะคะว่ามีรองเท้าแบบใหนกันบ้างคะ

 

1.รองเท้าแตะ  สำหรับรองเท้าแตะนั้นเราจะสวมใส่เดินเหินในระยะทางใกล้ๆ เช่นเดินซื้อของตามตลาดโดยใช้เวลาในการสวมใส่ขณะเดินไม่เกินหนึ่งถึงสองชั่วโมงต่อการเดินหนึ่งรอบ  ผู้เขียนสวมใส่มาประมาณหนึ่งปีแล้วใส่สบายไม่เคยปวดส้นเท้าหรือฝ่าเท้าอีกเลย ช่วยลดปัญหาการปวดข้อสะโพกลงได้อย่างมาก เป็นรองเท้าที่ทำจากวัสดุยางพารา สวมใส่นุ่มสบายเท้านับว่าเป็นรองเท้าที่ช่วยดูแลเท้าได้อย่างเหลือเชื่อเลยทีเดียว ใครที่มีปัญหาสวมใส่รองเท้าแตะแล้วรู้สึกไม่สบายเท้าลองหาซื้อมาใส่ดูนะคะแล้วจะติดใจเลยคะ ดูตามรูปเลยนะคะ



2.รองเท้าใส่ทำงานหุ้มส้น ผู้เขียนเคยทำงานที่ต้องเดินบ่อยๆ การเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับสรีระของเท้าก็ช่วยได้มากเลยทีเดียว รองเท้านี้ผู้เขียนเคยใส่ทำงานมาก่อนแต่หลังออกจากทำงานประจำผู้เขียนก็ไม่ได้ทิ้งนะคะ นำมาสวมใส่เดินทางไปมา ช่วยซับพอร์ต​เท้าได้ดีมาก จากปัญหาที่เคยปวดสะโพกข้างขวาเวลาเดินมากๆ ตอนนี้ปัญหานั้นหมดไปหลังจากที่ได้ตัดสินใจซื้อและสวมใส่ร้องเท้าคู่นี้มาตลอดหากใครมีปัญหาเรื่องใส่รองเท้าแล้วยังมีปัญหาปวดส้นเท้า ฝ่าเท้า ปวดสะโพกขณะลงน้ำหนัก ลองหาซื้อมาสวมใส่ดูนะคะตามรูปด้านล่างนี้เลยคะ


   3.รองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าสวมใส่สำหรับการออกกำลังกาย เดิน หรือวิ่งเป็นระยะทางไกลๆ ใส่สบาย เดินทางไกล หรือวิ่งออกกำลังกายไม่ปวดฝ่าเท้า หรือส้นเท้า ช่วยรักษาสุขภาพ​เท้าได้จริงๆ แถมยังช่วยกระตุ้นให้เราอยากออกกำลังกายบ่อยๆอีกด้วยได้ประโยชน์​หลายต่อเลยทีเดียวคะ ลดน้ำหนัก หุ่นดี ปราศจาก​โรคภัยไข้เจ็บอีกด้วยค่ะเรามาดูรองเท้าตัวอย่างได้เลยคะ

แชร์ให้เพื่อน

หลงเสน่ห์​ภูเก็ต​ที่แหลมพรหม​เทพ

แชร์ให้เพื่อน

หลงเสน่ห์​ภูเก็ต​ที่แหลมพรหม​เทพ

      สำหรับการเดินทางเพื่อการท่องเที่ยว​นอกจากเป็นการช่วยในผ่อนคลายและพักผ่อน​หย่อนใจ คลายเครียด​จากการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ยังเป็นการเพิ่มประสบการณ์​ให้กับชีวิตอีกด้วย
       เวลาพูดถึงภูเก็ต​ แหลมพรหม​เทพก็เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่หากไปภูเก็ต​แล้วไม่ได้ไปสัมผัส​บรรยากาศ​พระอาทิตย์​ตกดินที่แหลม​พรหมเทพ อาจทำให้มีความรู้สึกว่าไม่ได้ไปถึงทะเลภูเก็ตนะคะ

       การเดินทางไปท่องเที่ยวภูเก็ต สามารถเดินทางโดยรถ​ยนต์ส่วนตัว​ เครื่องบิน​ หลังจากก้าวแรกที่ได้มาสัมผัสแหลมพรหมเทพแล้ว เราก็รู้ได้ทันทีว่า ความสุขทางใจและทางกายกำลังจะเริ่มขึ้น

แหลมพรหมเทพ เป็นความสวยงามทางธรรมชาติ​ของภูเขาและท้องทะเลมีต้นตาลเรียงรายสวยงามมองดูแล้วสบายตา อากาศ​เย็นสบายสดชื่นยามเย็น ดื่มด่ำกับบรรยากาศ​ตะวันตกดินที่สวยงาม บอกได้เลยว่าคุณจะหลงรักความงามและความเงียบสงบของท้องทะเลของที่นี่เข้าอย่างจังเลยทีเดียวคะ

นอกจากวิวทะเลและภูเขาที่สวยระดับชวนให้หัวใจเต้นแรงแล้ว แหลมพรหม​เทพเป็นที่ตั้งของการพยากรณ์อากาศ​และพยากรณ์​พระอาทิตย์​ขึ้นและตกดินของประเทศไทย​อีกด้วย

การเดินทางท่องเที่ยวทะเลและภูเขาเป็นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ​ช่วยให้ผู้ท่องเที่ยวเกิดอารมณ์​ผ่อนคลาย​ สดชื่น สัมผัสสิ่งแวดล้อม​ที่เป็นธรรมชาติ​การมองต้นตาลเรียงรายอย่างเป็นระเบียบช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียวนะคะ

ช่วงทำงานหยุดยาวหรือลูกๆ ปิดเทอม​ช่วงหน้าร้อนลองหาโอกาสไปสัมผัส​ท้องทะเลและภูเขาที่ภูเก็ตกันนะคะโดยเฉพาะ​บรรยากาศ​ของแหลมพรหมเทพคะ

 

แชร์ให้เพื่อน