สุขภาพกับการลงทุน

แชร์ให้เพื่อน

สุขภาพกับการลงทุน

“การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดพิจารณาก่อนการลงทุน”

ในโลกของการลงทุนนั้นมีมากมายหลายอย่างให้เลือกลงทุน เช่น  การลงทุนใน สกุลเงิน​ดิจิตอล​  สินค้าโภคภัณฑ์​ ตราสารหนี้  ฟอเร็กซ์หุ้น พันธบัตร กองทุนรวม

การเลือกลงทุนในกองทุนรวมนั้นจะช่วยสำหรับบุคคลที่ไม่มีความรู้ในการจัดพอร์ต​การลงทุน จึงเลือกที่จะให้ผู้จัดการลงทุนเป็นผู้จัดพอร์ตลงทุนให้
การเลือกกองทุนที่จัดพอร์ตการลงทุนด้านสุขภาพนั้นมีมากมายหลากหลาย

กองทุนรวมที่เน้นการลงทุนด้านสุขภาพเป็นหลักแบ่งออกเป็น
1.การลงทุนด้านสุขภาพภายในประเทศเช่น
.เน้นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลซึ่งดูแล รักษา และส่งเสริมสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลบำรุงราษฎ์​  เครือโรงพยาบาลกรุงเทพ เครือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์​ และอื่นๆ

2.การลงทุนด้านสุขภาพต่างประเทศเช่น
.กองทุนรวม scbihealth(a)​ เป็นกองทุนเปิด โดยเน้นการลงทุนด้านการแพทย์ 100%ในรอบปีที่ผ่านมา

ผลการดำเนินงานและการปันผล
ขาดทุนถึง 45.29% จากประเด็นปัญหาด้านโควิดระบาดน่าจะส่งผลต่อการดำเนินงานแต่เมื่อสถานการณ์​โควิดดีขึ้น ผลประกอบการน่าจะกลับมามีผลกำไรในปีหน้า

.กองทุนรวมSCBINNO(A)​ เป็นกองทุนเปิด โดยเน้นการลงทุนด้วยนวัตกรรม​ที่เกี่ยวข้องกับทางสุขภาพในอนาคต ซึ้งบริหารกองทุน โดย ARK Investment Management โดยได้รับความนิยมมาก่อนหน้านี้

ผลการดำเนินงาน​และผลตอบแทน ในรอบ 1ปีที่ผ่านมาขาดทุนถึง65%แล้ว การเลือกลงทุนด้านสุขภาพตอนนี้ถ้ามองถึงผลตอบแทนในอีก5-10ปีข้างหน้า ก็น่าสนใจ

ทำไมการลงทุนด้านสุขภาพถึงน่าสนใจ?

1.ภาวะสุขภาพของมนุษย์เริ่มต้นตั้งแต่การเกิด
โดยพัฒนาการเริ่มตั้งแต่เด็กในครรภ์จนถึงวัยทารกแรกเกิด รวมถึงภาวะสุขภาพดีตั้งแต่เกิด วัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่  เน้นการลงทุนด้านการส่งเสริมสุขภาพ กลุ่มอาหารเสริมต่างๆ

2.ภาวะสุขภาพของมนุษย์ด้านการเจ็บป่วย
ตัวอย่างการเจ็บป่วยที่ผ่านมาคือเรื่องโควิด19 ส่งผลให้บริษัทที่ลงทุนด้านวัคซีน  การตรวจหาเชื้อ  ATK มีผลกำไรเติบโตอย่างเห็นได้ชัด และบริษัทที่ลงทุนเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย  ถุงมือและเครื่องมือแพทย์ ยารักษาโรค เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว  ภาวะสุขภาพการเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงอายุเพราะฉะนั้นการลงทุนด้านการดูแลรักษา ยา เป็นสิ่งที่น่าสนใจเช่นกัน

3.ภาวะสุขภาพของผู้สูงอายุ
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่ในขณะที่ญี่ปุ่นและยุโรปนั้นตอนนี้อยู่ในช่วงสังคมผู้สูงอายุแล้วหน่วยลงทุนที่เกี่ยวข้องกับวัยสูงอายุเช่น K-EUSAGE ผลการดำเนินงานและผลตอบแทนขาดทุนในรอบ 1ปีที่ผ่านมาคิดเป็น 17% โดยพอร์ต​การลงทุนเน้น ด้านการเงินและการแพทย์

จะเห็นได้ว่าในชีวิตมีความเกี่ยวข้องกับการลงทุนทั้งสิ้น การค้าขาย การปลูกพืชผักทางการเกษตร เพื่อค้าขาย  การเลี้ยงสัตว์เพื่อค้าขาย โดยผู้ลงทุนนั้นคาดหวังในผลกำไรที่ได้ เปรียบเสมือนการลงทุนในตลาดการลงทุนที่มีโอกาสทั้งกำไรและขาดทุนเช่นกัน  ขณะที่วงจรการลงทุนด้านสุขภาพจะอยู่ในวงจรชีวิตของมนุษย์คือเกิด แก่ เจ็บ ตาย ถือว่าเป็นวัฏจักร​ที่ไม่จบสิ้น

การลงทุนมีความเสี่ยงโปรดพิจารณาก่อนการตัดสินใจลงทุน
สนใจบทความด้านนี้โปรดติดตามครั้งต่อไป

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

 

แชร์ให้เพื่อน

5 นิทานช่วยกระตุ้นพัฒนาการวัยเด็กก่อนเรียน

แชร์ให้เพื่อน

5 นิทานช่วยกระตุ้นพัฒนาการวัยเด็กก่อนเรียน

การฟังนิทานกับเด็กวัยก่อนเรียนเป็นของคู่กัน ไม่มีเด็กคนใหนไม่ชอบฟังนิทาน  การเล่านิทานให้เด็กฟัง เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตามธรรมชาติให้กับเด็กวัยก่อนเรียน นอกจากให้ความเพลิดเพลินแล้วยังสอดแทรก สาระความรู้  คติธรรม  จริยธรรม สมาธิจดจ่อในการฟัง  สร้างจินตนาการ  มีความคิดสร้างสรรค์​ และยังช่วยปลูกฝังให้ช่างสังเกตุ  กล้าสอบถามและแสดงความคิดเห็น โดยใช้ตัวละครมีบทบาทสมมุติให้เด็กสร้างจินตนาการ โดยตัวละครแต่ละตัวสะท้อนประเด็นที่เด็กควรเลือกปฏิบัติ หรือหลีกเลี่ยงที่จะปฏิบัติตาม โดยมีสอดแทรกแง่คิดต่างๆ เช่น นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า สอดแทรกเรื่อง ความประมาทของกระต่ายทำให้เกิดความพ่ายแพ้  ขณะที่ความพยายามและอดทนของเต่าจะช่วยให้ประสบความสำเร็จ

นิทานที่นิยมเล่าให้เด็กๆวัยก่อนเรียนฟังเพื่อกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆมีดังต่อไปนี้คือ

1.เด็กเลี้ยงแกะ
เนื้อหาโดยย่อ
มีเด็กชายคนหนึ่งออกไปเลี้ยงแกะทุกวันที่ทุ่งนา วันหนึ่งนึกสนุกขึ้นมาจึงร้องตะโกนบอกชาวนาว่า หมาป่ากินแกะหมดแล้ว  หมาป่ากินแกะหมดแล้ว
ชาวนาที่อยู่แถวนั้นต่างวิ่งมาช่วยแต่เมื่อมาถึงกลับพบเด็กนั่่งหัวเราะ และไม่เห็นมีหมาป่าซักตัว ทำให้ชาวนาโกรธ​มาก  วันต่อมาเด็กไปเลี้ยงแกะตามปกติ
และมีหมาป่ามาไล่กัดฝูงแกะ  เด็กจึงร้องตะโกนให้ชาวนามาช่วย แต่ไม่มีใครมาช่วยเลยซักคน หมาป่าจึงกินแกะของเด็กจนหมด

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • ช่วยให้เด็กมีสมาธิในการตั้งใจฟัง
  • ช่วยให้รู้จักคำศัพท์ต่างๆเพิ่มมากขึ้น
  • ช่วยให้เด็กแยกแยะประเภทของสัตว์ที่ดุร้าย
  • สอดแทรกคติธรรมเรื่องการพูดโกหกทำให้ขาดความเชื่อถือ และสอนให้หลีกเลี่ยงไม่ทำตามเหมือนเด็กเลี้ยงแกะ
  • พ่อแม่ใช้ทักษะถามคำถามปลายเปิดให้เด็กตอบเช่น หมาป่ากินแกะของใคร  ใครวิ่งไปช่วยเด็กเลี้ยงแกะครั้งแรก  เพื่อประเมินทักษะการจำในประเด็นต่างๆ

 


2.เทวดากับคนตัดต้นไม้
เนื้อหาโดยย่อ
มีคนตัดคนไม้คนหนึ่ง ออกไปตัดต้นไม้ในป่าใกล้แหล่งน้ำใหญ่ ขณะที่กำลังตัดกิ่งไม้อยูนั้น ขวานร่วงลงไปในน้ำ คนตัดไม้หาอย่างไรก็ไม่พบ  มีเทวดาตนหนึ่งนึกส่งสารจึงแปลงกายเป็นคนธรรมดาเพื่อสอบถาม และช่วยงมขวานให้ เทวดางมขวานทองคำมาส่งให้คนตัดแต่คนตัดไม้ก็บอกว่าไม่ใช่ของตนจึงไม่รับ เทวดาจึงงมขวานธรรมดาของชาวนา และชาวนาก็รับขวานของตนไป

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • มีสมาธิ ตั้งใจฟ้ง
  • สอดแทรกคติธรรมเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต​
  • พ่อแม่ใช้ทักษะการประเมินการจำของเด็กเช่น
    คนตัดต้นไม้ใช้อะไรตัดต้นไม้   สอดแทรกเรื่องการตัดไม้เป็นการทำลายธรรมชาติ  ใครช่วยงมขวานให้คนตัดไม้

3.ซินเดอเรลล่า​
เนื้อหาโดยย่อ เป็นนิทานที่ชื่นชอบในกลุ่มเด็กผู้หญิง
กาลครั้งมีเด็กคนหนึ่งชื่อซินเดอเรลล่า​ ผิวขาวดั่งหิมะ  เป็นธิดาของราชา ต่อมาราชินีเสียชีวิต ราชามีเมียใหม่ มีนิสัยโหดร้าย​ขี้อิจฉา​ เป็นแม่มด จึงกลั่นแกล้ง ซินเดอเรลล่า​ทุกอย่าง ให้ทหารเอาไปฆ่าในป่าแต่ทหารสงสารจึงปล่อยตัวไปและเอาหัวใจของสัตว์มามอบให้แม่มดแทน ซินเดอเรลล่า​ได้รับความช่วยเหลือจากคนแคระทั้งเจ็ด  แม่มดมักจะถามกระจกวิเศษใครงามเลิศในปฐพี กระจกวิเศษตอบว่า ซินเดอเรลล่า​งัย  ทำให้แม่รู้ว่าซินเดอเรลล่า​ยังไม่ตายจึงแปลงร่างเป็นหญิงชรานำแอปเปิล​อาบยาพิษ​ ให้ซินเดอเรลล่า​กินและเสียชีวิต
สุดท้ายซินเดอเรลล่า​ได้พบกับเจ้าชายรูปงาม​จมพิศทำให้ฟื้นคืนชีพและอยู่ด้วยกันกับเจ้าอย่างมีความสุข

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • ฝึกทักษะการจำ
  • การมีสมาธิ
  • การแยกแยะตัวละครที่ดีและตัวละครที่โหดร้าย
  • สอดแทรกคติธรรมเรื่องความอิจฉา​ริษยา​
  • ประเมินการจำโดยสอบถามซินเดอเรลล่า​มีรูปร่างแบบใหน ใครช่วยซินเดอเรลล่า​ในป่า  ซินเดอเรลล่า​กินอะไรทำให้เสียชีวิต

 


4.ราชสีห์​กับหนู
เนื้อหาโดยย่อ
ราชสีห์​เจ้าป่านอนหลับอยู่ มีหนูตัวหนึ่งวิ่งเล่นก่อกวนทำให้ราชสีห์​ตื่นแล้วตะครุบหนู หนูร้องขอชีวิตบอกว่าในภายภาคหน้าตนอาจได้ช่วยราชสีห์​ ราชสีห์​จึงปล่อยหนูไป  ต่อมาวันหนึ่งราชสีห์​ติดกับดักนายพรานร้องเสียงดังลั่นป่าหนูได้ยินจึงมากัดเชือกช่วยราชสีห์​พ้นจากบ่วงนายพราน และเป็นเพื่อนกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • ทักษะการจำเนื้อหา
  • สอดแทรกคติธรรมเรื่องความกตัญญู​การช่วยเหลือเกื้อกูล
  • พ่อแม่สอบถามความจำในประเด็น ราชสีห์​ติดบ่วงของใคร ใครเป็นคนช่วยราชสีห์​

5.ลูกหมู3ตัว
เนื้อหาโดยย่อ
มีลูกหมี3ตัวโตขึ้นต้องออกเดินทางผจญภัย​และสร้างบ้านของตนเอง
ลูกหมูตัวที่หนึ่งสร้างบ้านด้วยฟางไม่มีความแข็ง สร้างเสร็จก่อนเพื่อน
ลูกหมูตัวที่สองสร้างบ้านด้วยไม้ ความแข็งแรงปานกลาง เสร็จเป็นลำดับที่สอง
ลูกหมูตัวที่สามสร้างบ้านด้วยอิฐบ้านมีความแข็ง ทนทาน เสร็จเป็นตัวสุดท้าย
วันหนึ่งมีหมาป่ามาทำร้ายลูกหมูตัวที่หนึ่งและตัวที่สองเป่าทำให้บ้านพัง และลูกหมูทั้งสองตัววิ่งไปอาศัยในบ้านของลูกหมูตัวที่สามที่มีความแข็งทนทานและปลอดทำให้หมาป่าเข้าไปทำร้ายไม่ได้ จึงปืนขึ้นทางปล่องไฟ ลูกหมามีความคิดที่เฉลียวฉลาดจุดไฟ ทำให้หมาตกลงมาโดนความร้อนตาย

ส่งเสริมและช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านต่างๆ

  • ความจำ  ความคิดสร้างสรรค์
  • สอดแทรกเรื่องความพยายามในการสร้างบ้านที่แข็งแรงของลูกหมูตัวที่สามเพื่อป้องกันอันตราย
  • สอดแทรกเรื่องการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีความแข็งแรงเรื่อง บ้านอิฐ บ้านไม้ บ้านฟางมีความแข็งแตกต่างกัน
  • ส่งเสริมให้เด็กแยกแยะและเปรียบสิ่งของต่างๆได้

จะเห็นได้ว่าการเล่านิทานให้เด็กวัยก่อนเรียนฟัง และการใช้หุ่นมือ หรือเสียงดนตรีประกอบการเล่านิทานก็ช่วยดึงดูดความสนใจของเด็กได้มากขึ้นด้วย สามารถใช้วิธีการเล่าเรื่องอื่นๆได้มากมาย และสลับให้เด็กเป็นผู้เล่าเพื่อประเมินความจำของเด็กได้ด้วย

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

การเล่นมือถือกับปัญหาสุขภาพของเด็กวัยเรียน

แชร์ให้เพื่อน

การเล่นมือถือกับปัญหาสุขภาพของเด็กวัยเรียน

ในยุคสมัยปัจจุบันนี้เด็กวัยเรียนเข้าถึงสื่อออนไลน์ได้ง่าย ส่งผลกระทบต่อปัญหาสุขภาพหลายด้าน
แต่ถ้าผู้ปกครองดูแลและป้องกันในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรงได้
จากข้อมูลการศึกษาพบว่าเด็กวัยเรียนมีความเป็นเจ้าของโทรศัพท์มือถือ​ร้อยล่ะ 61 และการใช้
อินเตอร์​เน็ต​ประจำบ้านร้อยล่ะ 44 โดยที่เด็ก
วัยเรียนเล่นมือถือมากกว่า 1ชั่วโมงต่อวันคิดเป็นร้อยล่ะ 88 และเล่นมือถือมากกว่า 3 ชั่วโมงขึ้นไปคิดเป็นร้อยล่ะ 36  โดยเข้าดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกมถึงร้อยล่ะ 66

เด็กที่ติดมือถือมีปัญหาด้านสุขภาพและด้านอื่นๆดังต่อไปนี้

1.มีปัญหาด้านสายตา มีอาการเจ็บแสบตา สายตาพร่ามัว จำเป็นต้องใช้แว่นสายตามากขึ้น
2.มีอาการปวดท้อง เป็นโรคกระเพาะอาหาร เนื่องจากกินอาหารไม่ตรงเวลา ขาดน้ำ  เพราะเล่นต่อเนื่องไม่อยากหยุดเล่นโทรศัพท์
3.กระตุ้นอาการภูมิแพ้ให้รุนแรงขึ้นเนื่องจากขาดการดูแลสุขภาพ ในกลุ่มที่เป็นโรคภูมิแพ้
4.ปัญหาด้านจิตใจ มีอารมณ์​ร้อน หงุดหงิดง่าย เอาแต่ใจตัวเอง
5.ปัญหาด้านสังคม เก็บตัวอยู่ในบ้าน  หลีกเลี่ยงการสื่อสารกับบุคคลอื่น
6.ปัญหาด้านการเรียน  ผลการเรียนตกต่ำ  สนใจการเรียนน้อยลง  ขาดสมาธิในการเรียนรู้ มีการแสดงออกไม่เหมาะสมกับวัย

จะเห็นได้ว่าการเล่นมือถือมากกว่า3 ชั่วโมงต่อวันนอกจากส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้วยังมีผลกระทบต่อจิตใจและสังคมของเด็กด้วย
ผู้ปกครองควรตระหนักและคิดหาแนวทางเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจังก่อนที่จะสายเกินแก้

แนวทางและข้อแนะนำสำหรับการแก้ปัญหามีดังต่อไปนี้
1.ผู้ปกครองต้องดูแลเอาใจใส่เด็กมากขึ้นทั้งในด้านการดูแลเรื่องอาหารการกินให้ตรงเวลา
2.กำหนดเวลาการเข้าถึงสื่อออนไลน์ให้น้อยลง
3.เพิ่มกิจกรรมด้านอื่นให้มากขึ้นเพื่อลดเวลาการเข้าถึงสื่อออนไลน์เช่น การขี่จักรยานออกกำลังกาย
การเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน การเล่นที่สนามเด็กเล่น
4.ผู้ปกครองพาเด็กนั่งสมาธิ หรือสวดมนต์ก่อนนอน
5.มีกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวเช่น เล่นเกมทายปัญหา เล่านิทาน  เล่นเกมเศรษฐี​ เพื่อเบียงเบนความสนใจจากสื่อออนไลน์
6.ผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการเข้าถึงสื่อออนไลน์ขณะอยู่ที่บ้านกับเด็ก
7.ผู้ปกครองควรติดตามพฤติกรรมของเด็กที่โรงเรียนเพื่อจะได้หาแนวทางแก้ปัญหาร่วมกับครูประจำชั้น
8.จัดตารางการเข้าถึงสื่อออนไลน์ และผู้ปกครองควรดูแลใกล้ชิดขณะที่เด็กเล่นโทรศัพท์จะได้ให้ข้อแนะนำด้านสื่อที่ไม่เหมาะสมได้

เนื่องจากการสื่อสารและเทคโนโลยี่ในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงและเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว การไม่ให้เด็กเข้าถึงสื่อออนไลน์เลยย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะในอนาคตข้างหน้าเมื่อเด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ต้องมีความเกี่ยวข้องกับสื่อออนไลน์​อยู่ดี สิ่งที่จะทำได้ดีที่สุดคือการให้คำแนะนำแก่เด็ก และกำหนดกฎกติกาต่างๆในการใช้โทรศัพท์เพื่อแก้ปัญหาด้านสุขภาพ จิตใจ อารมณ์​และสังคมของเด็ก

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

4 เกมกระตุ้นพัฒนาการของวัยเด็ก

แชร์ให้เพื่อน

4 เกมกระตุ้นพัฒนาการของวัยเด็ก

เกมออนไลน์​มีมากมายหลายชนิดการชวนลูกเล่นเกมแบบใหนที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ
โดยแต่ละเกมจะมีกฏกติกาที่แตกต่างกันไป
ผู้ปกครองชวนลูกเล่นเกมนอกจากจะช่วยให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้วยังควบคุมเวลาการเล่นมือถือของเด็กและเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างผู้ปกครองและเด็กด้วย

เกม​ออนไลน์​ที่นิยมเล่นเพื่อช่วยกระตุ้นพัฒนาการของวัยเด็กมีดังต่อไปนี้คือ

1.เกมการแต่งตัว

โดยทั่วไปจะเป็นการเล่นของเด็กผู้หญิง  โดยในเกมจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการแต่งตัวตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า และมีอุปกรณ์และเครื่องประดับต่างๆด้วย

ประโยชน์ที่ได้รับจากการเล่นเกมแต่งตัวออนไลน์​

  • ช่วยในการตัดสินใจเลือกชุดมาแต่งตัว
  • สร้างแรงบันดาลใจ​ ในด้านความสวยงาม
  • ช่วยให้เพลิดเพลิน คลายเครียดจากการเรียน
  • สร้างคลังคำศัพท์ให้แก่เด็ก รวมถึงศัพท์​ภาษาอังกฤษ
  • .ช่วยการเรียนรู้ศัพท์​ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับอุปกรณ์การแต่งกาย และเครื่องประดับต่างๆ

2.เกมปริศนาอักษร​ไขว้

ประโยชน์ที่ได้รับจากการเล่นเกมคือ

  • ช่วยพัฒนาสมองซีกซ้ายและความจำ
  • ช่วยในการเรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ
  • มีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน
  • ช่วยฝึกไหวพริบ เชาวน์​ปัญญา​ ฝึกคิดแก้ปมปัญหา
  • มีความคิดสร้างสรรค์​และมีความคิดนอกกรอบ
  • ช่วยให้มีความรอบคอบ และพิจารณาละเอียดถี่ถ้วน
  • ช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาทั้งไทยและอังกฤษ

 


 

3.เกมหาจุดแตกต่างของภาพ

ประโยชน์ที่ได้จากเกมหาจุดแตกต่างของภาพคือ

  • ช่วยฝึกให้ช่างสังเกตุและจดจำแยกแยะความแตกต่างได้
  • ช่วยฝึกสมาธิ ความอดทนในการค้นหาจุดแตกต่าง
  • ช่วยเรียนรู้เรื่องคำศัพท์​
  • ช่วยฝึกทดสอบแข่งกับเวลา
  • ช่วยกระตุ้นสมอง
  • ช่วยกระตุ้นการมองเห็น
  • เพลิดเพลิน สนุกสนาน
  • มีความสุข ผ่อนคลายเมื่อหาเจอจุดแตกต่าง

4.เกมเศรษฐี

นับเป็นเกมที่ได้รับความนิยมด้านการบริหารด้านการเงิน การจัดการด้านการเงิน ด้านการลงทุน
ด้านบริหารสินทรัพย์ การบริหารจัดการเงินสด
การบริหารจัดการหนี้สิน การสร้างกระแสเงินสดจาก passive income

ประโยชน์ที่ได้จากเกมเศรษฐี​คือ

  • ช่วยฝึกทักษะด้านการคิดและบริหารจัดการเงินที่มี
  • ให้ความรู้เรื่องเงิน
  • มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน
  • สอนเรื่องการลงทุนในสินทรัพย์
  • สอนเรื่องรายได้ที่เป็น Passive income
  • เคารพกฏกติกา การอยู่ร่วมกันในสังคม
  • ช่วยพัฒนาด้านสติปัญญา ตัวเลข จำนวนเงิน

จะเห็นได้ว่าเกมนั้นมีประโยชน์ช่วยกระตุ้นพัฒนาการในเด็ก และผู้ใหญ่ก็สามารถช่วยกระตุ้นสมองไม่ให้หลงลืมได้ การเลือกเล่นเกมตามที่แนะนำช่วยให้เด็กมีเชาว์ปัญญาดี ผลการเรียนดีขึ้น เป็นเด็กที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคตต่อไป

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

โควิด19 ส่งผลต่อด้านสาธารณสุข​และการท่องเที่ยว อย่างไรบ้าง?(ตอนที่3)​

แชร์ให้เพื่อน

โควิด19 ส่งผลต่อด้านสาธารณสุข​และการท่องเที่ยว อย่างไรบ้าง?(ตอนที่3)​

จาก​สถานการณ์​ระบาดโควิด19ที่ผ่านมามีผลกระทบกับสุขภาพของคนและขีดความสามารถของโรงพยาบาล  โดยจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามหลายแห่ง  พบผู้ติดเชื้อมากขึ้นและเสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง
โรงพยาบาลต้องระมัดระวังการแพร่กระจ่ายเชื้อจากผู้ป่วยสู่บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยด้วยกันเอง ทำให้ผู้ป่วยเรื้อรัง และเร่งด่วนได้รับผลกระทบค่อนข้างมากเช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เอชไอวี  และกลุ่มจิตเวชเรื้อรังต้องดูแลตนเองที่บ้านและรับยาทางไปรษณีย์
ผลกระทบด้านสุขภาพจิต เช่น คนมีความเครียด ซึมเศร้า หรือฆ่าตัวตาย ทั้งนี้ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งทำงาน เกิดความเครียด

ผลกระทบต่อด้านสาธารณสุข​

1.ขาดแคลนโลหิต  เนื่องผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเช่นสัมผัสโรคโควิด19หรือมาจากต่างประเทศ จะงดการบริจาค​เลือด 28 วันนับจากวันสัมผัสโรค  ผู้ที่หายจากโรคจะงดบริจาคโลหิต 180 วัน นับจากวันที่หายจากโรคส่งผลต่อระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยอุบัติและฉุกเฉิน ขาดแคลนเลือดกลุ่มต่างๆโดยเฉพาะกลุ่มเลือดที่ขาดแคลนอยู่ยิ่งขาดแคลนเพิ่มมากขึ้น

2.เสียโอกาสในการดูแลรักษา
เนื่องจากบุคลากร​ทางการแพทย์มีจำกัดเมื่อเกิดการระบาดขึ้นทำให้ต้องใช้บุคคลากร​ทางแพทย์ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด 19 ต้องเลื่อนนัด กรณีที่เลื่อนนัดได้ การผ่าตัดเล็กน้อย ถูกเลื่อนออกไป กลุ่มที่ต้องใช้ยาเคมีบำบัดต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน รวมถึงผู้ป่วยกลุ่มโรคเรื้อรังต่าง ขาดการติดตามการรักษาต่อเนื่อง  การควบคุมโรคได้ไม่ดี ส่งผลให้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มดังกล่าว

มิติใหม่ของวงการแพทย์หลังระบาดโควิด 19

มีการปรับเปลี่ยนการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ เช่น มีการใช้เอไอมาใช้ประโยชน์ ช่วยในการคัดกรองเบื้องต้น ช่วยตรวจจับโรคอุบัติใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
1.การนำเอไอมาใช้ประโยชน์อย่างแพร่หลาย เช่นการใช้เอไอตรวจสแกนใบหน้าผู้ป่วยเพื่อตรวจอุณหภูมิร่างกายเพื่อคัดกรองเบื้องต้นโดยไม่ต้องสัมผัส​ผู้ติดเชื้อโดยตรง
2.เอไอช่วยเร่งให้ค้นพบยารักษาโรคทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งใช้เวลาเพียง12เดือนจากปกติที่ยาทั่วไปต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปีเลยทีเดียวจึงสามารถนำมาทดลองกับมนุษย์ได้
3.มีชุดทดสอบไวรัสโควิด19 จำหน่ายอย่างแพร่หลายตามร้านขายยาทั่วไปและร้านสะดวกซื้อต่างๆ
4.มีการพัฒนาระบบการให้บริการทางไกลโดยผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องมาโรงพยาบาล พร้อมกับการเจริญเติบโตของโซเชียล มีเดีย สมาร์ทโฟนและเทคโนโลยี่​คลาวด์เป็นตัวเร่งให้การดูแลสุขภาพ มีความสะดวกสบาย ความโปร่งใสและการเข้าถึงการบริการได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

5.การแพทย์แบบเฉพาะเจาะจง โดยอาศัยข้อมูลทางพันธุกรรม สภาพแวดล้อม และรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้ป่วยแต่ล่ะรายเพื่อค้นหาสาเหตุและกำหนดแนวทางการดูแลรักษาเฉพาะรายเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด แทนที่การใช้วิธีการรักษาเหมือนกันหมด เช่นการใช้สมาร์ทโฟน​ช่วยติดตามและเก็บข้อมูลทางสุขภาพเชิงลึกเพื่อเป็นแนวทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวีธีการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น


ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

จากการระบาดโควิด19ทำให้พฤติกรรมการทำงานของคนเปลี่ยนไป โดยทำงานจากที่ใดก็ได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเช่นกัน
ในปัจจุบันหลังโควิดคนจะใช้สถานที่อยู่อาศัย ทำงาน และท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจเป็นสถานที่เดียวกัน
การนำเทคโนโลยี่มาช่วยในการให้บริการและอำนวยความสะดวกในขั้นตอนการเดินทาง ทั้งในการเช็คอิน ชำระเงิน
เน้นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากยิ่งขึ้น คนไม่พลุกพล่าน​ เงียบสงบ อากาศบริสุทธิ์​ เช่น บ้านพักตามทุ่งนา ภูเขาที่เงียบสงบ ชายหาดที่ไม่มีคน

อย่างไรเสียสถานการณ์​หลังโควิด ส่งผลให้เกิดการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงรูปแบบการรักษาทางการแพทย์ที่ดีขึ้นและไม่ได้ทำให้คนท่องเที่ยวน้อยลงแต่จะทำให้คนมีสติต่อสิ่งต่างๆรอบๆตัวโดยเฉพาะในเรื่องของความสะอาดและสุขอนามัยจะมีมากยิ่งขึ้น

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

สุขภาพกาย สุขภาพจิตดี กับปีแห่งการท่องเที่ยวในวิถี New Normal

แชร์ให้เพื่อน

สุขภาพกาย สุขภาพจิตดี กับปีแห่งการท่องเที่ยวในวิถี New Normal

เมื่อสถานการณ์​อันเลวร้าย​ผ่านพ้นไป เทศกาล​แห่งการท่องเที่ยว​ก็กลับเข้ามาแทนที่   มนุษย์​เป็นสัตว์สังคม การเดินทางพบเห็นสิ่งแปลกใหม่ด้านวัฒนธรรมประเพณีที่แตกต่างกันออกไป   เปิดมุมมองใหม่ๆให้ชีวิต  จึงเป็นความต้องการของชีวิต เป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้รู้สึกมีความสุข  ผ่อนคลายความเครียดจากกิจวัตรประจำ  มีความสุขทางใจในการพบปะเยี่ยมเยียนญาติพี่น้อง ฉะนั้นเราจะมีสุขภาพที่ดีพร้อมกับการเดินทางท่องเที่ยวในวิถีชีวิตNew Normal ต้องคำนึงถึงสิ่งดังต่อไปนี้

1.ด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจ
. ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและเต็มที่  ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล​หรือยาแก้แพ้ที่อาจทำให้เกิดอาการง่วงได้
.การรับวัคซีนกระตุ้นกรณีต้องเดินทางไปในประเทศปลายทางที่มีความเสียงของโรคอย่างน้อย 4-6 สัปดาห์ โดยการปรึกษาแพทย์หรือคลินิคที่เกี่ยวข้อง   โดยเฉพาะวัคซีนโควิด19 ในปัจจุบัน
.รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย  รสไม่จัดเพราะเสี่ยงอาหารไม่ย่อยและท้องเสีย อาหารเป็นพิษ เป็นอุปสรรคในการเดินทางได้
.การใส่ใจเรื่องความสะอาด   ถูกสุขอนามัย การล้างมือ คำนึงถึงปัจจัยต่างๆในการลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโรคโควิด19 ที่อาจกลับมาแพร่ระบาดได้อีก
.สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบิน ควรส่วมใส่​เสื้อผ้าและรองเท้าที่สบาย


2.ด้านอาหารการกิน
.การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นอกจากจะถูกสุขลักษณะแล้ว สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากคือ กลุ่มบุคคลที่แพ้อาหาร ชนิดต่างๆเช่น อาหารทะเล  ถั่ว  นม  เนย
การสั่งอาหารรับประทานต้องใส่ใจสอบถามถึงส่วนผสมของอาหารเพราะการแพ้ที่มีความรุนแรงอาจส่งผลต่อชีวิตได้
เนื่องจากในปัจจุบันมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหาร จึงมีเมนูอาหารที่หลากหลายแปลกใหม่เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเลือกรับประทาน
.การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันล่ะ6-8 แก้ว


3.ด้านยารักษาโรคและวัคซีน
.การเตรียมความพร้อมด้านยารักษาโรคสำหรับคนที่มีโรคประจำตัว  ควรเตรียมให้เพียงพอกับวันเดินทางไปกลับและสำรองเพิ่มเติมอีก2-3วัน  พกใบสั่งยาติดตัวไว้ตลอดเวลา โดยถือขึ้นเครื่องสำหรับการเดินทาง ไม่ควรใส่สัมภาระโหลดกระเป๋าเดินทาง
.การเตรียมด้านยารักษาโรคทั่วไปเช่น
ยาแก้ท้องเสียคาร์บอน เกลือแร่   ยาลดกรด แก้ท้องอืด  ยาแก้แพ้  ยาแก้เมารถ เมาเรือ   ยาแก้ปวดลดไข้  น้ำเกลือ แอลกอฮอล์​  เบต้าดีน ผ้าก๊อซ พลาสเตอร์​ยา
.การเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์การตรวจ ATK เพื่อคัดกรองเบื้องต้น และอุปกรณ์ป้องกันเช่นหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์​


4.ด้านประกันการเดินทาง
การเลือกประกันเดินทางที่เหมาะสมนับเป็นการบริหารความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ประกันจะช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลและชดเชยกรณีการเสียชีวิตจากการเดินทางได้ ซึ่งเมื่อเทียบกับเบี้ยประกันที่จ่ายกับการชดเชยที่ได้ตามเงื่อนไขของประกันถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก

5.ด้านความปลอดภัย ห่างไกลจากโควิด19
.การสวมใส่หน้ากากอนามัย  หลีกเลี่ยงในสถานที่ที่แออัด  หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
.เน้นใช้จ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือแทนการจับต้องเงินสด เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อโรค
.เลือกที่พักร้านอาหารหรือคาเฟ่ที่ได้มาตรฐาน เน้นความสะอาดเป็นหลัก
.เมื่อกลับเข้าที่พักอาศัย ควรอาบน้ำและทำความสะอาดร่างกายทันที ร้องเท้าควรอยู่นอกบ้าน ล้างมือและสระผม หน้ากากอนามัยควรใส่ถุงมัดปากให้เรียบร้อยก่อนทิ้ง กระเป๋า มือถือ แว่นตา หมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ

ตั้งแต่โควิด 19 ระบาดที่ผ่านมา การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่ปลอดภัยและมีสุขภาพจิตที่ดีการท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มนุษย์​มีความสุขทั้งทางกายและจิตใจ
ความสุขด้านจิตใจจากการท่องเที่ยว  เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ​และความทรงจำที่แสนดี  เช่นการนั่งมองพระอาทิตย์ตกดิน​ยาม ที่มากระทบหน้าเรา อาจทำให้เราทบทวนถึงอดีตที่ผ่านมา ที่มีทั้งทุกข์และสุขพร้อมที่จะก้าวเดินทางไปข้างหน้าต่อไปในการเดินทางท่องเที่ยวกับสถานที่ใหม่อย่างไม่จบสิ้น

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

การรับมือกับปัญหาวัยเด็กตอนปลายติดเกมส์

แชร์ให้เพื่อน

การรับมือกับปัญหาวัยเด็กตอนปลายติดเกมส์

จากสถานการณ์​การระบาดของโควิด19 ในรอบเกือบ3ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยี่และการสื่อสารมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทั้งฮาร์ทแวร์​และซอฟต์แวร์​ประกอบกับเด็กเรียนออนไลน์​อยู่กับคอมพิวเตอร์​  แทบเล็ต​ มือถือวันล่ะ4-5ชั่วโมง โดยที่ผู้ปกครองควบคุมดูแลไม่ทั่วถึง เด็กจึงมีโอกาสการเข้าถึงแอปพลิเคชัน​เกมต่างๆได้ง่ายขึ้น สร้างความเคยชินในการใช้อุปกรณ์ต่างๆแต่เมื่อสถานการณ์การระบาดของ​โควิด19คีขึ้น  เด็กๆได้ติดพฤติกรรมการใช้เครื่องมือสื่อสารและการเล่นเกมไปแล้วจึงเรียกร้องที่จะใช้เหมือนเดิม เด็กบางคนถึงกับร้องขอให้ผู้ปกครองซื้อเครื่องมือสื่อสารให้ไว้ใช้เป็นของตนเองโดยการอ้างว่าเพื่อนทุกคนมีเป็นของตัวเอง

เบื้องต้นเรามาทำความเข้าใจบริบทของเกมกันก่อน
เกม คือ กิจกรรมที่มนุษย์นิยมเล่น โดยผู้เล่นจะต้องทำตามกติกาในการเล่นเสมอ ส่วนใหญ่แล้วจะเล่นเพื่อความบันเทิง​ ผ่อนคลายความเครียด สร้างมิตรภาพในกลุ่มผู้เล่น

ประเภทของเกมในปี2021

1.Role Playing คือเกมเล่นตามบทบาท  นับเป็นเกมออนไลน์​ที่คนนิยมเล่นเป็นจำนวนมาก โดยผู้เล่นสวมบทบาทเป็นตัวละครในเกมส์​นั้นๆ จึงทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวเองได้เป็นตัวละครในเกมนั้นจริงๆ

2.เกมยิงปืน(Shooting) ผู้เล่นใช้อาวุธโจมตีศัตรู สร้างความตื่นเต้นและตื่นตัวให้กับผู้เล่นตลอดเวลา

3.เกมต่อสู้(Fighting) เป็นเกมที่มีลักษณะเอาตัวละครสองตัวมาต่อสู้กันในระยะประชิดตัว ซึ่งตัวละครจะมีพลังแตกต่างกัน

4.เกมผจญภัย(Adventure)​เป็นการสวมบทบาทเป็นตัวละครในการเดินทางผจญภัย​ทำภารกิจ​ให้สำเร็จ​ ส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นคนเดียว

5.เกมวางแผน(Strategy)​เป็นเกมที่เล่นร่วมกันได้ทีละหลายๆคน โดยมีการวางแผนการรบ สร้างกองทัพ ยึดพื้นที่สร้างเมืองเพื่อเอาชีวิตรอด

6.เกมเลียนแบบหรือการจำลอง(Simulation Game) เช่นเกมปลูกผัก เกมแต่งตัว

7.เกมปริศนา​(Puzzle Game) เป็นการใช้ทักษะการคิดแก้ไขปัญหาแบ่งระดับยากง่าย ท้าทายผู้เล่นมาก มีทั้งปริศนา​คณิตศาสตร์​ ตรรกศาสตร์​ ปริศนา​ภาพ เน้นการฝึกพัฒนาสมอง ใช้ความคิดต่างๆไปในตัว

8.เกมกีฬา(Sport Game) เป็นการจำลองเสมือนจริงในการเล่นและแข่งขันกีฬา เล่นเป็นทีมกับเพื่อนได้

เมื่อเข้าใจบริบทของเกมส์​แล้วต่อไปเป็นการประเมินระดับของการติดเกมของวัยเด็กตอนปลาย
ผู้ปกครองต้องช่างสังเกตุ  ตรวจสอบในเครื่องมือสื่อสารว่ามีแอปพลิเคชัน​เกมแบบใหนบ้าง เพื่อจะ ประเมินว่าลูกเล่นเกมแบบใหน ตามชนิดของเกมที่กล่าวมาข้างต้น

อาการของวัยเด็กตอนปลายติดเกมที่ผู้ปกครองต้องรู้
1.เมื่อมีเวลาว่างคือเล่นเกม
2.เล่นเกมนานจนชิน
3.เล่นจนขาดไม่ได้  มีอาการหงุดหงิดและก้าวร้าว
ทำร้ายผู้ปกครอง พยายามฆ่าตัวตายเมื่อไม่ให้เล่น อารมณ์​แปรปรวน
4.เล่นเกมจนเสียหน้าที่หลัก เช่น เสียการเรียน เก็บตัวอยู่บ้าน ไม่หลับนอนกลางคืน

แนวทางการรับมือกับวัยเด็กตอนปลายติด​เกมคือ

1.วางแผนร่วมกันกับเด็กในการลดเวลาการเล่นเกมลง  ตั้งกฎกติการ่วมกันเพราะวัยเด็กตอนปลายมีพัฒนาการด้านกฏระเบียบ จากที่โรงเรียนด้วยอยู่แล้ว เด็กจะเข้าใจถ้าผู้ปกครองไม่ตามใจหรือปล่อยให้เล่นได้เกินเวลา  ต้องเคร่งครัดในการลดชั่วโมงการเล่นเกม​ในแต่ละวันลงเรื่อยๆ โดยเปลี่ยนเป็นการทำกิจกรรมอื่นแทนซึ่งเป็นกิจกรรมที่เด็กสนใจ เช่น การตกปลา เต้น  วาดภาพ  ถ้าเด็กลดเวลาเล่นเกมลงได้ ควรชมเชย หรือให้รางวัลอย่างอื่นทดแทนเช่นการพาไปเที่ยวช่วงวันหยุด

2.ผู้ปกครองเข้าไปเล่นเกมกับเด็กเพื่อจะได้ตรวจดูว่าเด็กเล่นเกมแบบใหนตามประเภทที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าเป็นเกมที่ใช้ความรุนแรง ไม่ควรตำหนิเด็ก  ให้ใช้วิธีการเบี่ยงเบนความสนใจไปเล่นเกมอื่นทีมีส่วนดีเช่นเกมปริศนา​  เกมสร้างเมือง  เกมปลูกผัก เกมจับผิดภาพ เป็นการช่วยจำและหัดให้้เด็กเป็นคนช่างสังเกตุ  ใช้ความคิดช่วยพัฒนาสมองซีกซ้าย

3.ติดตามและทำความรู้จักเกมที่เด็กเล่นเพื่อจะได้เบี่ยงเบนความสนใจโดยให้เด็กเล่าให้ฟัง หรือเปิดประเด็นสนทนาภาษาเกมกับเด็กโดยจัดกลุ่มคุยกันเรื่องเกมที่เล่น จะทำให้ลดเวลาในการเล่นเกมของเด็กได้ด้วย

4.ถ้าใช้วิธีการข้างต้นไม่ได้ผล  เด็กอาจมีปัญหาสุขภาพจิตร่วมด้วย เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล สมาธิสั้น ควรพาเด็กไปพบจิตแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและบำบัดรักษาต่อไป
ที่มา:สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์

ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

ความเครียดของวัยเด็กตอนปลาย

แชร์ให้เพื่อน

ความเครียดของวัยเด็กตอนปลาย

จากสถานการณ์​โควิด19 ระบาด ช่วง 3 ปีที่ผ่านทำให้ระบบการศึกษาเปลี่ยนจากเรียนที่สถานศึกษา​มาเป็นเรียนที่บ้าน เด็กต้องปรับตัวกับการใช้เครื่องมือสื่อสารและระบบการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ประกอบกับการกักตัวส่งผลให้เด็กเกิดความเครียด​เนื่องจากวัยเด็กตอนปลายเป็นวัยที่เริ่มต้นของการเรียนรู้ทุกด้าน การเข้าสังคมปรับตัวกับการอยู่กับกลุ่มเพื่อน ซึ่งการเรียนที่สถานศึกษา​ย่อมเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ได้เร็วแต่เมื่อมีข้อจำกัดต่างๆ ทำให้วัยเด็กตอนปลายเกิดความเครียด
ความเครียดทำให้เกิด ความวิตกกังวัล ซึมเศร้า กลัวอย่างไร้เหตุผล อารมณ์​ไม่มั่นคง เปลี่ยนแปลงง่าย  ประสิทธิภาพการเรียนรู้แย่ลง บางครั้งมีนิสัยก้าวร้าวไม่เชื่อฟังพ่อแม่

สาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดของวัยเด็กตอนปลายคือ
1.พ่อแม่ที่เข้มงวดกับลูกมากเกินไป เข้มงวดทุกอย่างเกินไป ทำให้เด็กมีพัฒนาการถดถอย

2.คาดหวังกับลูกมากเกินไป ต้องการเลี้ยงให้ได้ดั่งใจตัวเอง โดยไม่คิดย้อนกลับสมัยตัวเป็นเด็ก คาดหวังลูกต้องสอบได้ที่ 1 เข้าเรียนคณะดีๆ มหาวิทยาลัยดังๆ แต่ลืมที่จะประเมินถึงความสามารถและความถนัดของลูก เพื่อที่จะได้ส่งเสริมให้ลูกได้เลือกแนวทางการดำเนินชีวิตที่มีความสุขในวัยผู้ใหญ่และมีอนาคตที่สดใส

3.เป็นห่วงมากเกินไป การเป็นลูกเป็นสิ่งที่ดีแต่ถ้ามากเกินไป ทำให้เด็กไม่สามารถที่จะเผชิญและแก้ปัญหาเมื่อออกสู่สังคมภายนอก โดยเฉพาะจากสถานการณ์​โควิด19ที่ผ่านมา พ่อแม่บางคนคุมเข้มเรื่องความสะอาดจนเกินความพอดี ใช้แอลกอฮอล์​เช็ดทำความสะอาดจนเกินความจำเป็น

4.ตามใจมากเกินไป ทำให้เด็กมีความรู้สึกว่าตัวเองทำได้ทุกอย่างที่ต้องการแต่เมื่อต้องเผชิญกับสังคมภายนอกจะทำให้เกิดปัญหาการปรับตัวเนื่องจากสิ่งแวดล้อมและสังคมข้างนอกมีการแข่งขัน แก่งแย่งสูง ฉะนั้นการปฏิเสธในบางครั้งก็จะช่วยให้เด็กปรับตัวและเผชิญกับการถูกปฏิเสธเมื่อโตขึ้น สามารถจัดการแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
5.การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี่และการสื่อสารที่รวดเร็ว เนื่องจากการใช้อินเตอร์​แบบเสรีเด็กไม่สามารถแยกแยะได้เหมื่อนผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเกมออนไลน์​ ทำให้เด็กติดเกม ไม่รับผิดชอบการเรียน
จิตใจอ่อนไหว​ง่าย มีพฤติกรรมเลียนแบบเกมออนไลน์​

เมื่อเด็กเกิดความเครียดจะแสดงพฤติกรรมต่างๆเช่น
1.ขาดความมั่นใจในตนเอง ไม่กล้าแสดงออก นิสัยขี้อายไม่กล้าเผชิญหน้า
2.มีนิสัยเก็บตัว แยกตัวอยู่ตามลำพัง อาจเกิดอาการซึมเศร้า ไม่มีเหตุผล
3.เด็กเริ่มโกหก นิสัยก้าวร้าวรุนแรงมากขึ้น
4.ฉี่รดที่นอน
5.ไม่อยากไปโรงเรียน บ่นปวดท้อง ป่วย ปวดหัว

วิธีลดความเครียดในเด็ก
1.การออกกำลังกายเช่น ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ
ทำให้เด็กสดชื่น รู้สึกสนุกสนาน ลดความวิตกกังวลได้
2.ทำกิจกรรมในครอบครัวร่วมกันเช่น วาดรูป เต้นรำ ปลูกต้นไม้ ฟังเพลง ดูทีวี  เล่นเกมค้นหาคำศัพท์
3.การแสดงออกทางอารมณ์​ที่เหมาะสมเช่น ร้องให้เมื่อเสียใจ การร้องให้เป็นการระบายความเครียดอย่างหนึ่ง
4.มีความยืดหยุ่นในการทำกิจวัตรประจำวัน แต่ควรเคร่งครัดเรื่องระเบียบวินัย
5.ยอมรับในความสามารถและไม่ควรบังคับเมื่อเด็กไม่พร้อม
6.ค้นหาสาเหตุของปัญหาก่อนการลงโทษและหาแนวทางแก้ปัญหา
7.ส่งเสริมกิจกรรมที่เด็กชอบและชมเชยเมื่อทำได้ดี

จากยุคเก่าเข้าสูยุคแห่งเทคโนโลยี่สำหรับเด็กรุ่นใหม่จะปรับตัวและเติบโตไปพร้อมๆกันแต่พ่อแม่ซึ่งเป็นยุคเก่า ไม่เข้าใจเทคโนโลยี่จึงต้องปรับตัวและก้าวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่โตแบบก้าวกระโดดจะได้เข้าใจวัยเด็กตอนปลายมากขึ้น เพื่อจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต

ติดตามบทความดีๆ ด้านสุขภาพจาก healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

เมนูเด็ดกับฤดูปลายฝนต้นหนาว ดีต่อร่างกาย

แชร์ให้เพื่อน

เมนูเด็ดกับฤดูปลายฝนต้นหนาว ดีต่อร่างกาย

หน้าฝนกำลังจะหายไปพร้อมๆกับหน้าหนาวกำลังคืบคลานเข้ามา ฤดูการท่องเที่ยวกำลังเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหลังสงครามโควิด19ซาลง การรวมตัวของคนหมู่มากและกิจกรรมต่างๆกำลังเริ่มขึ้น    การเดินทางท่องเที่ยว  การพักอาศัยตามโรงแรม รีสอร์ท​ การรับประทานอาหารตามร้านอาหาร ภัตตาคาร​  โรงเรียนและมหาวิทยาลัยจัดการเรียนการสอนตามปกติ กิจกรรมต่างๆเข้าสู่ภาวะปกติ เว้นแต่สถานการณ์​น้ำท่วมที่ยังดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง10ปีมีน้ำท่วมครั้งหนึ่งนับจากเหตุการณ์​ปี2554
เกิดความเสียหายกับโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ พื้นที่การเกษตร
เรามาดูกันว่าเมนูอาหารที่เหมาะกับช่วงปลายฝนต้นหนาวมีอะไรกันบ้าง

1.แกงเห็ดโคน​ใส่ใบผักติ้ว  เป็นเมนูอาหารแถบภาคอีสานได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เห็ดโคนช่วยบำรุงกำลัง เจริญอาหาร ช่วยขับเสมหะ กินร้อนๆ กับข้าวสวยอร่อยด้วย แถมสามารถหาเก็บได้ตามโคกหนองนา


2.แกงขี้เหล็กปลาย่าง
ขื้เหล็กจัดเป็นพืชที่มีรสขม  เป็นยาระบาย ต้มรับประทานเป็นยาทำให้นอนหลับ ลดความดันโลหิต รักษาโรคเส้นประสาท รักษาหืด ล้างศีรษะรักษารังแค โรคโลหิตพิการ ผายธาตุ ขับพยาธิ ดอกตูมเป็นยาทำให้นอนหลับสบายหรือใช้ดอกตูมร่วมกับใบไม่แก่จัดรักษาอาการนอนไม่หลับ  สามารถหามาประกอบอาหารได้ง่ายแถมมีประโยชน์ต่อสุขภาพ
หากต้องการเพิ่มพลังงานก็ปรุงเมนูแกงขี้เหล็กใส่หมู3ชั้น ใส่มะเขือพวง เสริมธาตุเหล็ก บำรุงเลือดนอกจากจะช่วยให้หลับสบายแล้วยังทำให้ร่างกายอบอุ่นช่วงหนาวนี้อีกด้วย

3.แกงส้มดอกแค
อุดมไปด้วยวิตามิน  ช่วยต้านและยับยั้งเซลล์​มะเร็ง
ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง  ช่วยแก้ไข้หัวลมหรือไข้เปลี่ยนอากาศเปลี่ยนฤดู ช่วยดับพิษร้อนในร่างกาย ลดไข้ แก้กระหายน้ำ ลองทำเมนูนี้กินกันค่ะ

4.ต้มยำปลา
ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์​ของคนไทย  จัดเป็นแหล่งอาหารที่ให้สารอาหารโปรตีนสูงรองจากเนื้อสัตว์และไข่ มีไขมันต่ำ เหมาะกับเด็กและผู้สูงอายุ และผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง
5.แกงอ่อม
แกงอ่อมเป็นเมนูอาหารอีสาน ที่อุดมไปด้วยผักใบเขียว เหลือง ที่หลากหลายชนิด ประกอบด้วย บวม มะเขือ ฟักทอง สามารถหามารับประทานได้ง่าย

หากชื่นชอบบทความนี้สามารถอ่านเพิ่มได้ที่  healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน

การเรียนรู้และพัฒนาการของวัยเด็กตอนปลาย

แชร์ให้เพื่อน

การเรียนรู้และพัฒนาการของวัยเด็กตอนปลาย

คุณพ่อคุณแม่ทุกคนเคยผ่านช่วงวัยเด็กตอนปลายมาแล้ว เรามาย้อนอดีตกันน่ะค่ะว่าเป็นแบบใหนบ้างตรงกับตัวเองไหม​อย่างไร
  วัยเด็กตอนปลายมีอายุ 6-12 ปี หรือที่เรียกว่า วัยเรียนประถมศึกษานั่นเองค่ะ เด็กวัยนี้เริ่มใช้เวลาเต็มวันอยู่ที่โรงเรียน มีการเริ่มเรียนรู้หลายๆด้านเนื่องจากมีการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้ดี  การคิด เข้าใจกฎระเบียบ ความสัมพันธ์​กับเพื่อน การเรียนรู้ด้านภาษา การเขียน และการอ่าน การเข้าใจเหตุผล
การคิดเพื่อแก้ปัญหาอย่างมีระบบมากขึ้น

การเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยเด็กตอนปลาย

1.พัฒนาการด้านร่างกาย
ร่างกายเจริญเติบโตใกล้เคียง​กับวัยผู้ใหญ่  แขนขายาวขึ้น แต่การเติบโตเริ่มช้าลงแต่มีความต่อเนื่องควบคุมการเคลื่อนไหวของอวัยวะได้ดี  เคลื่อนไหวร่างกายได้คล่องแคล่ว  ใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้ดี


2.พัฒนาการด้านสมองและสติปัญญา
จะเห็นได้ว่าเด็กวัยตอนปลายนี้สมองมีการเจริญเติบโตเต็มที่
สามารถคิดวิเคราะห์ และตรวจสอบความคิดของตัวเองกลับไปมาได้ และจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดี เข้าใจการคิดแก้ปัญหาต่างๆที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น  มีการวางแผนด้วยตนเอง  รวมถึงการคิดแบบนอกกรอบและความคิดสร้างสรรค์


3.พัฒนาการด้านอารมณ์​และสังคม 
วัยเด็กตอนปลายเข้าใจกฏระเบียบการอยู่ร่วมกันกับเพื่อน มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เริ่มเข้าใจบทบาทของตนเอง เข้าใจบทบาทการทำงานเป็นทีม การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม  เข้าใจกฎกติกามากขึ้น ควบคุมอารมณ์​โกรธ การกระทำที่ไม่เหมาะสม มีเหตุผล สามารถหลีกเลี่ยง แก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง ชอบแข่งกันและเอาชนะ


สิ่งที่ควรทำ
1.การปล่อยให้เด็กเผชิญปัญหาด้วยตนเอง เพื่อเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา โดยมีผู้ใหญ่คอยให้คำแนะนำ
2.มอบหมายงานเพื่อให้มีความรับผิดชอบ
3.ตั้งกฎกติกา
4.สอนวีธีการผ่อนคลายเมื่อเผชิญกับปัญหา และการจัดการความเครียด
5.ชื่นชมการกระทำที่ทำได้ดีเช่นการสอบได้ที่หนึ่ง

สิ่งที่ไม่ควรทำ
1.การปล่อยปละละเลย ไม่มีกฏกติกาหรือกฏระเบียบต่างๆ
2.ไม่ควรแก้ปัญหาให้ทุกเรื่อง
3.ไม่ควรบ่น ตำหนิหรือเปรียบเทียบ

จะเห็นได้ว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่่เข้าใจถึงการเจริญเติบโตและพัฒนาการของวัยเด็กตอนปลายแล้วก็สามารถนำมาปรับให้เข้ากับบริบทในการเลี้ยงลูกในยุคที่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยี่ที่เจริญอย่างรวดเร็ว ซึ่งในปัจจุบันนี้เป็นยุคดิจิทัล​เราไม่สามารถปิดกั้นได้ ควรแนะนำและสั่งสอนให้เด็กได้เรียนรู้ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพและรู้เท่าทันโลกมากขึ้น
สนใจเนื้อด้านสุขภาพเด็ดๆมันๆติดตามได้ที่ healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน