อัลไซเมอร์( Alzheimer’s Disease) ปัญหาของวัยสูงอายุ
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงเต็มตัวปัญหาของผู้สูงอายุ(อายุ 65-80ปี) ที่ต้องเผชิญ
คือโรคอัลไซเมอร์ หรือภาวะสมองเสื่อม และปัญหาความเสื่อมถอยของสุขภาพร่างกาย วัยผู้ใหญ่และวัยเกษียณต้องเตรียมความพร้อมเพื่อสามารถช่วยเหลือตัวเอง ลดภาระผู้ดูแลและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
โรคอัลไซเมอร์(Alzheimer’sDisease)คืออะไร?
คือภาวะความบกพร่องของการทำหน้าที่ของสมอง เกิดจากสมองเสื่อมถอยตามวัย ในด้านความคิด ความจำ ความรอบรู้ การใช้ภาษา การตัดสินใจ การใช้เหตุผล ตลอดจนมีความเปลี่ยนแปลงด้านบุคลิกภาพ และพฤติกรรม ส่งผลกระทบต่อการดูแลตนเองด้านชีวิตประจำวัน พบในช่วงอายุ 85 ปีขึ้นไปอัตราการเป็นอัลไซเมอร์ร้อยละ 50
สาเหตุของโรคอัลไซเมอร์มีอะไรบ้าง?
- มีอายุมากขึ้น
- พันธุกรรม
- ผู้ป่วยดาวน์ซินโดรม
- กลุ่มผู้ป่วยมีประวัติได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง
- กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึมเศร้า โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
โรคอัลไซเมอร์(Alzheimer’sDisease) แบ่งออกได้ 3 ระยะคือ
1.สมองเสื่อมระยะแรก พบปัญหาด้านความจำ จำข้อมูลใหม่ไม่ได้ เริ่มหลงลืม เช่น ลืมชื่อคน ลืมปิดประตู ปิดไฟ ปิดน้ำ แต่ยังใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ
การตัดสินใจเริ่มช้าลง ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความคิดสร้างสรรค์งานใหม่ๆ ลดลง การเรียนรู้ใหม่ๆช้าลง การใช้คำศัพท์ไม่คล่องและการใช้ภาษาแย่ลง เริ่มมีปัญหาในการเขียน การพูด และยังสื่อสารได้ในระดับพื้นฐาน
2.สมองเสื่อมระยะกลาง พบว่ามีอาการหลงลืมมากขึ้น ด้านสิ่งแวดล้อมและสถานที่ที่คุ้นเคย ย้ำคิดย้ำทำ การใช้ภาษาเริ่มแย่ลง นึกคำพูดไม่ออก ความจำแย่ลงเรื่อยๆ จำคนสนิทไม่ได้ เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป บางรายซึมเศร้าร่วมด้วย ก้าวร้าว หงุดหงิดโมโหง่าย อารมณ์แปรปรวนเช่น ร้องให้ หัวเราะ
3.สมองเสื่อมระยะสุดท้าย มีความรุนแรงที่สุด พบการสูญเสียด้านความจำระยะสั้น หลงลืมรุนแรง ลืมการรับประทานอาหาร การสื่อสาร ตอบโต้เป็นภาษาไม่ได้ เข้าใจคำพูดและตอบโต้ด้วยอารมณ์หรือมีภาวะไร้อารมณ์ อ่อนเพลีย การเคลื่อนไหวช้าลงจากมวลกล้ามเนื้อลดลง จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงในที่สุด
แนวทางการดูแลรักผู้ป่วยอัลไซเมอร์( Alzheimer’sDisease) ในแต่ละระยะคือ
1.สมองเสื่อมระยะแรก การดูแลรักษาและกิจกรรมที่ปฏิบัติเช่น แนะนำให้ผู้ป่วยเขียนบันทึกประจำวันเพื่อช่วยการเรื้อฟื้นความจำระยะสั้น การเล่นหมากรุก เน้นการบันทึกสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว เช่นปิดประตูบ้าน ปิดน้ำไฟ โดยเน้นการตรวจสอบ ก่อนออกจากบ้านให้ตรวจสอบอีกครั้ง ในปัจจุบันมีสมาร์ทโฟน การถ่ายรูปไว้ช่วยได้เช่นถ่ายรูปการล็อคประตูบ้าน แนะนำการนั่งสมาธิ การวาดภาพ การทำบันทึกรายรับรายจ่ายเพื่อช่วยด้านตัวเลข
2.สมองเสื่อมระยะกลางและระยะสุดท้าย การดูแลรักษาและกิจกรรมที่ปฏิบัติเช่น
- การสื่อสารด้วยคำพูดที่เข้าใจง่าย ออกเสียงชัดเจน เรียกชื่อผู้ป่วยบ่อยขึ้น ใช้ภาษากายในการสื่อสารร่วมด้วย
- ชวนผู้ป่วยพูดคุยเรื่องในอดีตโดยใช้รูปถ่ายประกอบในการสนทนา เพื่อช่วยเรื้อฟื้นความจำด้าน สถานที่ ผู้คน สิ่งต่างๆโดยใช้รูปภาพประกอบ
- ให้ผู้ป่วยดูทีวี สื่อออนไลน์เพื่อความบันเทิงเป็นครั้งคราว
- กระตุ้นให้ผู้ป่วยดูแลตนเองด้านชีวิตประจำวันเช่น การรับประทานอาหารโดยมีนาฬิกาช่วยให้ผู้ป่วยดูว่าต้องกินอาหารกี่โมง เวลาไหนบ้าง อาบน้ำกี่โมง
มีปฏิทินเพื่อช่วยจดจำวันต่างๆเช่นวันพระ
ช่วยการเตรียมพร้อมอาหารในการทำบุญ หรือไหว้ศาลพระภูมิต่างๆ - หลีกเสี่ยงการสื่อสารที่ใช้อารมณ์ที่มีผลกระทบต่อจิตใจผู้ป่วย ทำให้โกรธ เสียใจ น้อยใจหรือเครียด ไม่ควรกล่าวโทษ หรือทำโทษเด็ดขาด
- แนะนำให้ผู้ป่วยสวดมนต์หรือนั่งสมาธิก่อนนอน
- มีสัญญลักษณ์ที่บงบอกถึงผู้ป่วยสมองเสื่อมเช่น กำไร ที่มีเบอร์โทรที่สามารถติดต่อญาติกรณีหลงทาง
- กรณีที่กินยาร่วมด้วย ดูแลให้ได้รับยาตามเวลา
- บันทึกพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงในทางที่แย่ลงเพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบจะได้หาแนวทางการแก้ไขต่อไป
จะเห็นได้ว่าภาวะสมองเสื่อมนั้นจะค่อยเป็นค่อยไปการดูแลตนเองและส่งเสริมกิจกรรมที่เหมาะสมจะช่วยให้เข้าสูู่ระยะที่รุนแรงช้าลงได้หรืออาจไม่เป็นในระยะรุนแรงเลย ทั้งนี้ควรดูแลให้ได้รับสารอาหารให้ครบหลัก 5 หมู่และดื่มน้ำให้เพียงต่อร่างกายต่อวันด้วย
ติดตามบทความอื่นเพิ่มเติมได้ที่ healthybestcare.com