ผลข้างเคียงของยาฆ่าเชื้อที่สำคัญที่ต้องระวัง (Clarithromycin)​ ในการรักษาช่วงโควิด19 ระบาด

แชร์ให้เพื่อน

ผลข้างเคียงของยาฆ่าเชื้อ Clarithromycin ที่ต้องระวัง ในการรักษาโรคโควิด 19

ภาวะการเจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย​์เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าไม่ป่วยวันนี้วันหน้าอาจต้องเผชิญกับความเจ็บป่วยขึ้นมาอย่างประเด็นของโรคระบาดโควิด19ในรอบ4ปีที่ผ่านมาซึ่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐ​กิจและสุขภาพจากภาวะแทรกซ้อนหลังเจ็บป่วยโรคโควิด 19
ผู้เขียนเองก็มีภาวะติดเชื้อโควิด19 เช่นกันดังนั้นจะขอกล่าวถึงกระบวนการการรักษาและขั้นตอนที่ได้ประสบด้วยตนเองดังต่อไปนี้

เหตุการณ์​เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2021 มีอาการไข้ ไอ และเจ็บคอ ไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นว่าเป็นคออักเสบ(pharyngitis) ได้รับยา klacid มารับประทานพร้อมกับคำแนะนำให้ไปตรวจหาเชื้อโควิด19 หลังจากรับประทานยา klacid ไปประมาณ
1 -​2 วันเริ่มมีอาการลิ้นไม่รับรส  จมูกไม่ได้กลิ่นเข้าหลักเกณฑ์​อาการของโรคโควิด19 ผู้เขียนจึงตัดสินใจไปตรวจหาเชื้อโควิด19ซึ่งก็พบเชื้อทันทีที่ตรวจหลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการรักษาโดยการกักตัวอยู่ที่บ้านเนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่มีเตียงเพื่อรองรับต่อมาน้องที่อยู่ห้องเดียวกันก็มีอาการไข้ เจ็บคอจึงไปตรวจหาเชื้อและพบเชื้อเช่นกันแต่น้องสาวไม่ได้กินยาฆ่าเชื้อเลยซึ่งต่างกับผู้เขียนที่ได้รับยาklacid ช่วงก่อนตรวจพบเชื้อโควิด19
ในขณะที่ผู้เขียนมีอาการรุนแรงกว่าน้องสาวเช่น มีอาการนอนไม่หลับ วิตกกังวล ไข้หนาวสั่น เข้าขั้นอาการทางจิตเลยทีเดียว  ขณะที่น้องสาวมีอาการไข้ทั่วไป นอนหลับได้ซึ่งแตกต่างกันได้อย่างชัดเจน

ยา klacid​ นั้นใช้รักษาโรคอะไรและมี side effects อะไรบ้าง?
ยาคลาริโทรมัยซิน(Clarithromycin)​เป็นยากลุ่มแมคโครไลด์ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย​และการแบ่งตัวของเชื้อแบคทีเรีย​ โดยที่ยาคลาริโทรมัยซินไม่สามารถรักษาไข้หวัดหรือเชื้อไวรัสได้ซึ่งย่อมรวมถึงเชื้อโควิด19เช่นกัน

คำเตือนในการใช้ยาคลาริโทรมัยซิน
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มต่อไปนี้ไม่ควรใช้ได้แก่
1.กลุ่มที่มีประวัติโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดลองคิวทีซินโดรม(Long QT syndrome)
2.มีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติอันตรายถึงชีวิต
3.เป็นดีซ่านหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับจากการใช้ยา Clarithromycin
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาคลาริโทรมัยซินมีดังต่อไปนี้
1.คลื่นไส้ อาเจียน  ถ่ายเหลวซึ่งอาการดังกล่าวนี้ผู้เขียนก็มีช่วงเป็นโควิด19เช่นกัน
2.นอนไม่หลับ(Insomnia)​เป็นอาการที่เกิดขึ้นช่วงโควิดเช่นกัน
3.เห็นภาพหลอน(Hallucinations (Seeing or hearing thing that are not there) ซึ่งผู้เขียนก็มีอาการนี้เช่นกันถึงขั้นต้องได้รับการรักษาด้วยยาทางจิตเวชเลยทีเดียวและไม่ได้ไปรับการรักษาในประเด็นนี้ต่อ เนื่องจากมีความเชื่อว่าถ้าเกิดจากภาวะของยาklacid และโควิด19 จริง ปัญหาด้านนี้ย่อมหายไปเองเมื่อหยุดยาklacid และโรคโควิด19 หายแล้ว
4.จากประเด็นปัญหาผลข้างเคียงของยา klacid ไม่ได้รับการแก้ไขทันท่วงทีเนื่องจากปัญหาการระบาดของโควิด19 ซึ่งโรงพยาบาลไม่มีเตียงรองรับที่เพียงพอนั่นเอง
5.ประเด็นปัญหาด้านหายใจลำบากนั้นเป็นทั้งจากการแพ้ยาklacid หรือจากโควิด19ก็ได้รวมกันซึ่งผู้เขียนก็ได้รับผลกระทบมาทั้ง2กรณี

แนวทางการรักษาโรคโควิด19 ในช่วงรอบ 4 ปีที่ผู้เขียนประสบด้วยตนเองคือ
เมื่อตรวจพบเชื้อโควิด19 จึงรับการรักษาตัวอยู่ที่บ้านแต่สำหรับคนทั่วไปนั้นอาจไม่มีอาการอะไรมากมายแต่สำหรับผู้เขียนได้รับยา klacid มากินร่วมด้วยจึงมีผลข้างเคียงที่ตามมาตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น หลังจากนั้นได้ย้ายเข้าไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลสนามและโรงพยาบาลประจำจังหวัดรวมถึงอาการต่อเนื่องจากภาวะลองโควิด19รวมๆ แล้วผู้เขียนเองได้รับผลกระทบค่อนข้าง​มากระยะเวลายาวนานร่วม 6 เดือนเลยทีเดียวปัญหาที่พบมีในประเด็นดังนี้คือ
1.ภาวะซึมเศร้า บุคคลรอบข้างมักจะทักว่าทำไมถึงไม่ยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนแต่ก่อน อาการนอนไม่หลับนั้นเกิดผลกระทบมายาวนานผู้เขียนเลือกที่จะรับประทานยานอนหลับเป็นครั้งคราวเนื่องจากไม่อยากได้รับผลกระทบด้านการใช้ยานอนหลับต่อเนื่อง
2.ความจำหลงลืม ความจำด้านตัวเลข รหัสผ่านต่างๆ จำไม่ได้ต้องจดไว้ ทั้งที่ก่อนป่วยโควิด19 นั้นความจำดีเลยที่เดียวไม่ได้ยอตัวเองแต่อย่างใด
3.การอ่านหนังสือเพื่อจับประเด็นหรือเขียนเนื้อหาต่างๆไม่มีความต่อเนื่องหรือเชื่อมโยงเลย
4.การเข้าเข้าธุรกรรมการเงินหยุดชะงักใช้จ่ายโดยเงินสดแต่ก็ได้รับผลกระทบด้านลืมรับเงินทอนจ่ายเงินแบงค์ 1000 คิดว่าแบงค์ร้อยต่างๆเป็นต้น
ระยะเวลาผ่านพ้นไป 6 เดือนหลังหายจากอาการป่วยโรคโควิด19
1.ความคิดความจำเกี่ยวกับตัวเลข การวิเคราะห์ตัวเลข เชื่อมโยงกราฟเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
2.การอ่านหนังสือ จับใจความสำคัญ ลำดับเนื้อหาต่างๆเข้าสู่ภาวะปกติสมบูรณ์ถึงขั้นเขียนบทความเนื้อหาด้านสุขภาพ
3.การรับรู้สิ่งต่างๆรอบๆตัวเข้าสู่ภาวะปกติ
4.ภาวะการนอนหลับเข้าสู่ภาวะปกติ มีอาการง่วงนอน ซึ่งช่วงหลังโควิดใหม่ๆไม่มีอาการง่วงอยากนอนแต่อย่างใด

จากประสบการณ์​ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ผู้เขียนอยากให้ทุกคนตระหนักถึงการใช้ยาฆ่าเชื้อแม้กระบวนการได้ยาฆ่าเชื้อมาโดยผ่านทางคำสั่งแพทย์หรือซื้อยารับประทานเองถ้าไม่มีความจำเป็นจริงๆไม่ควรใช้แต่อย่างใดร่างกายจะสามารถปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติเพื่อให้สู่ความสมดุลได้เช่นกันเว้นแต่ภาวะนั้นเลวร้ายเกินกว่าร่างกายปรับตัวได้
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพจิตที่ดีกันทั่วหน้า

สนใจบทความอื่นๆอ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://healthybestcare.com

แชร์ให้เพื่อน